Thunder Bird อยู่ตรงตลาดสมเพชร ในคูเมือง ใกล้ท่าแพ ใกล้ตลาดวโรรส เดินทางด้วยรถยนต์จากสนามบินเพียง 15 นาที บรรยากาศเป็นย่านชุมชนแบ็คแพค เดินลัดเลาะตรอกซอยกินขนมและดูฝรั่งสนุกไปเลยค่ะ
ทางเข้าอาจจะดูเล็กๆ และทำให้ถอดใจว่าเอ๊ะที่พักจะคับแคบต้องเบียดกันอยู่กับฝรั่งหรือเปล่า แต่เมื่อได้เดินขึ้นบันไดไปสู่ชั้นลอยแล้วก็ต้องร้องว้าวค่ะ ข้างบนซึ่งเป็น common area ใหญ่โอ่โถง น่านั่งชิลมาก ที่สำคัญคือมีมุมร้านอาหาร ร้านเบเกอร์รี ร้านกาแฟที่พร้อมแปลงร่างเป็นบาร์เหล้ายามค่ำคืน แถมยังมีเปียโนเปิดให้ผู้มาเยือนได้บรรเลงด้วย! คอนเซ็ปต์ของโฮสเทลนี้คือยังคงลักษณะโครงสร้างของตลาดเก่าไว้ และการรีโนเวทพื้นที่ให้ชิคเก๋นั้นทำเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงเก่าของตลาดมากกว่าจะเปลี่ยนแปลงมัน คุณฟ้าเจ้าของโฮสเทลเล่าว่า เวลามีคนเก่าคนแก่ซึ่งเคยมาเดินตลาดเก่านี้ก็จะนึกถึงโน่นนี่ เช่น ร้านเช่าวิดีโอเคยอยู่มุมนั้น ตรงนั้นเคยเป็นแผงขายหมู เป็นต้น
ว่าแล้วก็เดินไล่วนไปจุดต่างๆ ของตลาดเก่าแห่งนี้ดีกว่า เริ่มมุมแรกที่ร้านอาหาร Hungry Bird เน้นอาหารฝรั่งแบบโฮมมี่ เชฟจ่ายตลาดด้วยตัวเองทุกวัน และปรับรสชาติให้จัดจ้านขึ้นอีกหน่อยเพื่อถูกปากคนไทย เลยกลับกลายเป็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่มา เจาะจงมาที่นี้เพื่อกินอาหารร้าน Hungry Bird แม้ไม่ได้มานอนพักที่ Thunder Bird เห็นร้านแล้วก็ดูเล็กๆ เมนูอาหารคงจะออกแนวง่ายๆ ไม่ซับซ้อน แต่พอได้ลองเมนูสปาเกตตีหอยเชลล์ แล้วก็ต้องคิดใหม่ เฮ้ย เส้นมันถูกต้มมาได้อย่างพอดิบพอดี แถมรสชาติเผ็ดเข้มข้มเคลือบเส้นได้เป็นอย่างดี รวมไปถึง US scallop ตัวโต ทำให้อาหารจากครัวเล็กมีความพรีเมียมได้อย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ เมนูที่เชฟภูมิใจอื่นๆ คือ Lobster Bisque Pasta หรือ ซุปล็อบสเตอร์ผัดกับเส้นสปาเกตตี ใส่ครีม กุ้ง และแก้เลี่ยนด้วยการใส่พริก กระเทียมลงไปผัดให้กลมกล่อมด้วย อีกเมนูคือ Crap Autratin เป็นเนื้อปูอบมอซซาเรลล่า เชดด้า และพาร์มีซานชีส กินกับขนมปังฝรั่งเศสอบ แค่เชฟบรรยายให้ฟังเราก็อยากกินแล้ว ครั้งหน้ามาใหม่ต้องมาโดนค่ะ!
มุมต่อมาคือร้านเบเกอร์รี ชื่อว่า Greedy Beast มองเผินๆ เหมือนร้านเบเกอร์รีน่ารักเก๋ๆ ทั่วไป แต่ความพิเศษคือเมนูขนมปังที่มีส่วนผสมประหลาดๆ ไม่เหมือนใคร เช่น ขนมปังเบเกอร์ทำเอง ซึ่งมีส่วนผสมของบรอกโคลี คีนัว และเมล็ดธัญพืชต่างๆ #คิดได้ไงอะ เอามากินกับแซลมอนรมควันและครีมชีส เนื้อเบเกอร์หอมและอร่อยมาก ถือเป็นเมนูมือเช้าขายดีสุดๆ ของที่นี่ ส่วนเมนูของหวานก็มีนะ เป็นเค้กช็อกโกแลตไร้แป้งซึ่งใส่ซูกินี (แตงกวาญี่ปุ่น)ลงไปเพื่อความชุ่มชื่น กินแล้วตกใจมากว่าทำไมเค้กออกแนวสุขภาพถึงยังคงความริชได้ถึงขนาดนี้ พอเห็นไอเดียของขนมทั้งสองอย่างแล้ว ขนมปังและเบเกอรีต่างๆ ในตู้ก็ดูน่าค้นหาขึ้นมาทันที อยากชิมให้ครบทุกอย่าง และอยากรู้ว่าคนทำใส่ไอเดียอะไรลงไปอีกบ้าง ครั้งหน้ามาใหม่ ต้องมาโดนอีกแล้วค่ะ!
มุมสุดท้ายเป็นร้านกาแฟแบบเท่ๆ ซึ่งตอนกลางคืนจะกลายร่างเป็นบาร์ให้นั่งดื่มกันชิลๆ ได้ เมนูกาแฟของที่นี่โดดเด่นที่เฮ้าส์เบลน มีสองแบบ คือ แบบบาลานซ์ เป็นการผสมระหว่างเมล็ดกาแฟปาแป๋กับบราซิล รสชาติไม่ขมและไม่เปรี้ยวเกินไป ส่วนอีกแบบคือฟรุตตี้ รสชาติเปรี้ยว หวาน ฉ่ำ เป็นการผสมระหว่างปาแป๋ บราซิล และเอธิโอเปีย
ใครมีเกณฑ์จะไปเที่ยวเชียงใหม่เร็วๆ นี้ ฝากไปชิมอาหาร-ขนม-กาแฟเพิ่มเติมให้ด้วย เรากินให้ครบทุกอย่างไม่ไหวววว ยังไงก็ฝาก Thunder Bird ไว้ในอ้อมใจด้วยนะจ๊ะ