ฉันเป็นมนุษย์ที่ชอบไปดูคอนเสิร์ตค่ะ และในบรรดาสถานที่จัดคอนเสิร์ตในบ้านเราเนี่ย ที่ที่ไปกลับลำบากที่สุดสำหรับฉันก็คือสนามรัชมังคลากีฬาสถาน เพราะความที่จุคนได้หลายหมื่น ตอนไปก็แย่งกันไป ตอนกลับก็แย่งกันกลับ วันหนึ่งฉันจึงค้นพบว่าควรประวิงเวลาหลังคอนจบให้ผู้คนทยอยกลับกันไปก่อน นั่นละค่ะ ก็เลยได้มาเจอกับร้านปลาเผาหลังสนาม เพราะการฆ่าเวลาเป็นชั่วโมงๆ จะมีอะไรดีไปกว่าการกิน
ต้องบอกก่อนว่าฉันเป็นคนไม่ชอบกินปลา เพราะนอกจากจะไม่สะดวกใจกินน้องปลาที่มาทั้งตัวนอนตาแป๋วจ้องหน้าเราแล้ว ยังมีภาพจำฝังหัวว่าเหม็นคาว แต่พี่สาวที่ชวนไปกินร้านปลาเผาหลังสนามรัชมังฯ ยืนยันนอนยันว่าไม่เหม็นคาว ว่าที่จริงก็ไม่มีทางเลือกนักหรอกค่ะ เพราะต้องหาที่รอเวลาให้รถเลิกติด อ่ะ ไปก็ไป
เดินออกจากประตูหลังของสนามก็ได้อะเมซกับภาพผู้คนนั่งกับพื้นบนฟุตบาธกินปลาเผากันอย่างเอร็ดอร่อย เพราะร้านนี้ปูเสื่อให้นั่งกันบนฟุตบาธไปเลย ถึงจะดูบู๊ๆ ลุยๆ แบบนี้แต่คนแน่นเต็มร้านนะว่าไม่ได้ แล้วพอได้ลองกินก็ติดใจในความหวานสดของปลา (ตอนนั้นสั่งมาทั้งปลานิลและปลาทับทิม) กับน้ำจิ้มที่เด็ดมาก ฉันว่าเมี่ยงปลาเผานี่น้ำจิ้มสำคัญมากๆ ไม่แพ้คุณภาพปลาเลยนะคะ นั่นละ ก็เป็นอันว่าฉันผู้หลีกเลี่ยงการกินปลากับเมี่ยงปลาเผามาบรรจบกันได้ในที่สุด แม้นานๆ จะกินทีเพราะก็ไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตที่สนามรัชมังฯ บ่อยอะไรขนาดนั้น แต่เรียกได้ว่าเมื่อไปดูคอน ก็ต้องแวะกินทุกครั้ง
ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าร้านชื่ออะไร เรียกแต่ร้านปลาเผาหลังสนามฯ จนเมื่อต้องมาเขียนคอนเทนต์ธีมปลา ก็อยากแนะนำร้านนี้ เพราะแม้หลังจากนั้นฉันจะใจกล้าลองเมี่ยงปลาเผาอีกหลายร้าน แต่ส่วนมากกินครั้งเดียวเลิก ไม่มีร้านไหนอยู่ในดวงใจ กินแล้วอยากกินอีกแบบร้านนี้เลย แต่ร้านได้อันตรธานไปจากหลังสนามแล้ว แต่เรามีกูเกิ้ลนี่นา ว่าแล้วก็เซิร์ช… เจอแล้วค่า ร้านเขามีชื่อว่า ราชาเมี่ยงปลาเผาเจ้กุ้ง เป็นร้านดังทีเดียวนะ เคยไปออกรายการทีวีหลายรายการ (ถึงว่าสิ ทำไมอร่อยและคนแน่นตลอด) แถมเคลมว่าเป็นร้านเมี่ยงปลาเผาเจ้าแรกหลังรามฯ อีกด้วย แต่ตอนนี้ได้ย้ายจากที่เดิมมาอยู่ที่ใหม่คือระหว่างซอยหัวหมาก 14 กับ 16 ขยายเป็นร้านใหญ่โตโอ่โถง มีที่นั่งทั้งแบบเป็นโต๊ะและนั่งพื้น แต่ไม่ต้องนั่งบนฟุตบาธแล้ว มาแบบเป็นซุ้มไม้ยกพื้นฟีลพื้นบ้านเก๋ๆ
ในส่วนของครัวมีตู้ปลาขนาดใหญ่ที่มีน้องปลาทับทิมหลากหลายขนาดว่ายวนไปมา และนี่เองคือเคล็ดลับความสดหวานของเนื้อปลา เพราะจับกันขึ้นมาสดๆ ตรงนั้น ก่อนจะผ่าท้องควักเครื่องในออก ล้างให้สะอาด จากนั้นก็ยัดสมุนไพรอย่างตะไคร้ ใบโหระพา ขิง เข้าไปในพุงปลาเพื่อดับกลิ่นคาวและให้ความหอม โรยเกลือให้ทั่วตัวปลา แล้วจึงนำปลาไปย่างให้สุก
มาว่ากันถึงเมนูเมี่ยงปลาเผาก่อน สาวๆ ที่รักสุขภาพและดูแลหุ่นโปรดปรานกันมาก เพราะประกอบไปด้วยปลาเผา (ส่วนมากใช้ปลาทับทิม หรือจะใช้ปลานิลก็ได้ เพราะเนื้อมีสีขาวสะอาดตา แถมเนื้อยังนุ่ม แน่น ดูน่ากิน) ที่ให้คุณค่าทางโปรตีนสูง บวกกับผัก ขนมจีน เส้นหมี่ และน้ำจิ้มสุดเด็ด เป็นเมนูที่กินแล้วดีต่อสุขภาพและไม่อ้วน เพราะมีแค่ผักกับปลาที่มากับไขมันไม่อิ่มตัวดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย แคลอรี่ไม่สูง แล้วยังได้ประโยชน์จากผักสด ซึ่งจริงๆ แล้วเมี่ยงปลาเผาเป็นอาหารแถบทางภาคอีสานที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวญวนหรือฝั่งเวียดนาม วิธีการกินก็แสนง่ายเพียงแค่หยิบผักที่ชอบ ตักปลา ใส่เส้นขนมจีนหรือเส้นหมี่ ราดด้วยน้ำจิ้ม เป็นอันเสร็จ
ว่าแล้วก็สั่ง เมี่ยงปลาเผา มาหม่ำกันเลยดีกว่า ที่นี่มีให้เลือกหลายราคาตามขนาดปลา ซึ่งตอนนี้มีแต่ปลาทับทิมอย่างเดียวแล้ว เราเลือกปลาขนาด 1 กก. (320 บาท) เนื้อแน่นขาวสวย มาพร้อมจานผักเคียงสดกรอบที่ประกอบด้วยผักกาดแก้ว ผักกาดขาว ผักชี มีน้ำแข็งแช่มาเย็นเจี๊ยบ จานขนมจีนและเส้นหมี่ น้ำจิ้มสองแบบคือน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรของร้านที่ไม่เหมือนน้ำจิ้มซีฟู้ดทั่วไป ตรงสีออกขาวนวลพร้อมเนื้อสัมผัสข้นๆ แต่อย่าให้หน้าตาน้องหลอกได้ เพราะรสเผ็ดเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดมากเชียว และน้ำจิ้มถั่วรสชาติหวาน อันนี้ชอบที่ถั่วมาแบบเป็นถั่วจริงๆ เห็นเป็นเม็ดโตๆ ไม่ป่นละเอียด
ว่าแล้วก็หยิบผักกาด ตักเนื้อปลาวางลงไป ตามด้วยเส้นหมี่ ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดผสมน้ำจิ้มหวาน ส่งเข้าปาก อ้ามมมม เนื้อปลาสดแน่นหวานฉ่ำเหมือนเดิม ไม่มีกลิ่นคาวเหมือนเดิม รสชาติเผ็ดเปรี้ยวหวานสามรสเหมือนเดิม อร่อยยย
และไหนๆ ก็มาไกลถึงนี่แล้ว (ไกลจากที่เดิมพอสมควร) สั่ง ต้มแซ่บกระดูกอ่อน (180 บาท) มาในหม้อไฟร้อนกรุ่น รสชาติร้อนแรงเปรี้ยวนำเผ็ดตาม กับกระดูกอ่อนชิ้นโตๆ เต็มหม้อ เป็นเมนูที่ขอบอกว่าปริมาณและคุณภาพเกินราคาไปไกลมาก กุ้งแช่น้ำปลา (150 บาท) กุ้งเนื้อสดกรอบเด้งราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บซี้ดที่แค่เห็นก็น้ำลายสอ ข้าวผัดทะเล (140 บาท) รสชาตินุ่มนวลเหมาะกับการกินแก้เผ็ด กุ้งตัวใหญ่ หมึกชิ้นโต ปิดท้ายด้วยของเด็ดอีกอย่างของที่นี่ที่มาแล้วห้ามพลาดเป็นอันขาด นั่นคือ ไอศกรีมกะทิ (50 บาท) ไอศกรีมกะทิเนื้อเนียนละเอียดหวานมันหอมกลิ่นกะทิ เสิร์ฟมาในลูกมะพร้าว ตกแต่งด้วยดอกกล้วยไม้
เอาน่า เมื่อเรากินอาหารสุขภาพอย่างเมี่ยงปลาเผาแล้ว เราก์มีโควต้ากินกะทิและน้ำตาลได้ ><
ราชาเมี่ยงปลาเผาเจ้กุ้ง
พิกัด ระหว่างซอยหัวหมาก 14 และ 16 (ตรงข้ามโรงแรมมินเทล – คอนโดยูดีไลท์)
https://goo.gl/maps/cZdTvvdQTYJkqp9HA
เปิด-ปิด 15.00 – 00.00น. (ปิดวันพุธ)
โทร 097 093 4555
บทความเพิ่มเติม
ก๋วยเตี๋ยวเนื้อน้องเบียร์สาย 1 เนื้อเด็ด ราคาดี คนรักเนื้อต้องโดน
‘อุบลแจ่วฮ้อน ราชาเหงือกทอด’ หม้อไฟอีสานแท้ หอม เผ็ดร้อนถึงใจ