Found 52 results for Tag : วัฒนธรรมอาหาร
ถั่วเน่าซา-ถั่วเน่าเมอะ-ถั่วเน่าบอง ถั่วเน่าหมักสดรสนัวคู่ครัวไทใหญ่ “ถั่วเน่า คือรสชาติของชีวิต” น้ำเสียงหนักแน่นของป้าคำ ชาวไทใหญ่ เป็นคำตอบสั้นๆ ที่อธิบายความสำคัญของถั่วเน่าในฐานะเครื่องปรุงรสและวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้ในอาหารการครัวของชาวไทใหญ่จนถึงครัวล้านนา แม้ชีวิตจะต้องจากบ้าน ไปอยู่ต่างเมืองหรือที่ไหนๆ ‘ถั่วเน่า’ ยังคงเป็นเครื่องปรุงที่ชาวไทใหญ่นำติดตัวไปด้วยเสมอ  เกลือ พริก และถั่วเน่า คือสามสิ่งสำคัญในการปรุงอาหารของชาวไทใหญ่ เมื่อเกลือหาได้ทุกที่ พริกหาได้ทุกแห่ง แต่กับถั่วเน่าที่ช่วยชูรส เพิ่มความกลมกล่อมให้อาหารไม่ต่างจากปลาร้าของครัวอีสาน... 11.11.2021 Food Story
‘ไก่ดำ’ กับการเซ่นไหว้และทำนายของอาข่าและลาหู่ ความเชื่อเรื่องวิญญาณของบรรพบุรุษมีอยู่ในทุกชาติชน เพราะในอดีตที่ศาสนายังไม่ใช่ความเชื่อหลักของคนทั่วโลก ผีและวิญญาณคือสิ่งยึดเหนี่ยวที่อยู่ใกล้ชิดกับคนมากที่สุด ในวันคืนที่ความหมายของคำว่า ‘ผี’’ ยังไม่ถูกครอบด้วยความน่ากลัว ผีไม่ใช่ดวงวิญญาณที่คอยอาฆาตหลอกหลอน แต่เป็นการปกครองในรูปแบบหนึ่ง ผีเป็นสิ่งที่ให้ทั้งคุณและโทษได้ คนในครอบครัว ในชุมชน จึงต้องดูแลพฤติกรรมของกันและกันให้อยู่ในร่องในรอยเสมอ เพื่อที่ว่าผีจะได้พึงพอใจและบันดาลความสุข สุขภาพ และความสมบูรณ์ของเทือกสวนไร่นาให้... 08.11.2021 Food Story
‘ข้าวปุก’ นุ่มหนึบ กินอุ่นๆ รับลมหนาว ลมหนาวเป็นสัญญาณแห่งการเฉลิมฉลองและเทศกาลท่องเที่ยว ภูเขา ยอดดอยทางภาคเหนือที่อากาศหนาวเย็นและยาวนานกว่าที่อื่นจึงเป็นจุดหมายปลายทางการพักผ่อนในช่วงส่งท้ายปี และการได้กินอะไรอุ่นๆ ท่ามกลางลมหนาวก็กลายเป็นมื้อธรรมดาที่พิเศษขึ้นมาได้ ความอร่อยจึงมาจากบรรยากาศของฤดูกาลด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย เหมือน ข้าวปุก’ ขนมที่มาพร้อมลมหนาวและการเฉลิมฉลองฤดูกาลเก็บเกี่ยวทางภาคเหนือ ที่กินหน้าไหนก็ไม่อร่อยเท่าหน้าหนาว  ในอดีต ‘ข้าวปุก’ ทำจากข้าวเหนียวในฤดูข้าวใหม่ช่วงปลายปีที่เพิ่งเก็บเกี่ยวข้าว ที่ยังคงมียางข้าวอยู่มากจึงทั้งหอมและเหนียวนุ่ม โดยใช้ข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ นำมาตำให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วโรยงาขี้ม้อน (งาขี้ม้อนเป็นธัญพืชเมล็ดจิ๋วหน้าตาคล้ายมูลของตัวหม่อนหรือม้อน เป็นธัญพืชคู่ครัวชาวเหนือและอีสานที่เต็มไปด้วยโอเมก้า3) หากเที่ยวดอยหรือเดินกาดช่วงนี้ก็จะเห็นร้านขายข้าวปุกจี่ แผ่นข้าวปุกสีม่วงคล้ำด้วยงาขี้ม้อนจี่บนเตาถ่านให้ผิวเกรียมนิดๆ... 01.11.2021 Food Story
มัศกอด คัพเค้กโบราณแสนน่ารัก “มัสสะกอด กอดอย่างไร น่าสงสัยใคร่ขอถามกอดเคล้นจะเห็นงาม ขนมนามนี้ยังแคลง” กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานของรัชกาลที่ 2 นอกจากเป็นบทพรรณนาถึงคนรัก ยังเป็นบันทึกอาหารแห่งยุคสมัย และหลายชนิดที่เลือนรางไปกับยุคสมัยก็ชวนให้เราสงสัยว่าหน้าตา รสชาติ อาหารเหล่านั้นเป็นอย่างไร เช่น ‘มัสสะกอด’ หรือ ‘มัศกอด’ ที่ไม่ได้เอ่ยถึงรายละเอียดใดๆ นอกจากทิ้งปริศนาเรื่องชื่อ ชวนให้เราคลางแคลงคล้อยตามบทประพันธ์ ‘ขนมนามนี้ยังแคลง’  ว่ากันว่า ‘มัศกอด’ นี้ได้รับอิทธิพลมาจากแขกเปอร์เซีย ที่เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี... 13.10.2021 Food Story
‘ขนมสี่ถ้วย’ คำอวยพรหวานล้ำปราศจากคำพูด “ไปกินสี่ถ้วยกัน” คำเอ่ยปากชักชวนของผู้ใหญ่ใจดีที่คนสมัยนี้มักไม่ได้ยินกันแล้ว หรือหากได้ยินก็น้อยคนที่จะเข้าใจความหมายอันลึกซึ้งของคำชวน จนอาจเผลอปฏิเสธความใจดีไปอย่างน่าเสียดาย คำว่ากินสี่ถ้วย เป็นคำเรียกชื่อขนมสี่อย่าง ที่นิยมทำเลี้ยงแขกในงานแต่งของชาวพระร่วงเมื่อครั้งอดีต จนกลายมาเป็นคำเรียกประเพณีการต้อนรับแขกเมื่อมาอวยพรให้บ่าวสาวครองคู่กันตราบนิจนิรันดร์เรื่อยมา หากใครสนทนากันมีใจความว่าไปกินสี่ถ้วยบ้านเหนือบ้านใต้ เป็นอันเข้าใจว่ามีพิธีมงคลสมรสเกิดขึ้นแล้ว จะต้องเร่งฝีเท้าไปช่วยงานครัวบ้านเจ้าสาวให้ได้ แต่ในปัจจุบันแทบไม่มีให้เห็นกันเท่าไรนักเพราะนิยมขนมมงคลจำพวกไข่เสียมากกว่า กาลเวลาเลยพาให้ขนมสี่ถ้วยค่อยๆ จางและหายไปจากความทรงจำ แต่หากเผลอพูดให้ปู่ย่าตายายได้ยินเข้าละก็... 31.05.2021 Food Story
ถั่วเน่า อูมามิของครัวล้านนาและครัวไทใหญ่ “ของกิ๋นลำอยู่ตี้คนมัก ของฮักอยู่ตี้คนเปิงใจ๋” ป้ออุ้ยแม่อุ้ยมักพูดไว้อย่างนั้นเมื่อยามเอ่ยถึงความนิยมชมชอบส่วนตัว ภาษิตล้านนาถ้อยนี้ แปลได้ตรงตัวว่า อาหารจะอร่อยหรือไม่อร่อยก็อยู่ที่ความชอบของคนกิน ส่วนของชิ้นหนึ่งๆ จะมีคุณค่าต่อใครสักคน ก็ต่อเมื่อเขาถูกตาต้องใจกับของชิ้นนั้น ซึ่งจะว่าไปแล้วก็คงต้องเห็นด้วยทั้งขึ้นทั้งล่อง ในเมื่อเหตุผลเหล่านี้มันปฏิเสธกันไม่ได้จริงๆ เป็นต้นว่ากลิ่นหมักของถั่วเน่าที่บางคนก็ทำหน้าเบ้ ส่วนอีกบางคนกลับน้ำลายสอนั่นเอง ‘ถั่วเน่า’ หรือถั่วโอ่... 14.09.2020 Food Story
เมื่อลูกสาวชวนพ่อคุยเรื่อง ‘พาข้าว’ ฉันกำลังมีโปรเจ็กต์พิเศษคืองานเขียนบทหนังที่พูดถึงเรื่อง ‘อาหารบ้าน’ แรงบันดาลใจนี้มาจากอาหารของยายที่เลี้ยงฉันมาตั้งแต่เด็ก แม้ทุกวันนี้คุณยายจะเสียไปแล้วแต่อาหารของยายก็ยังวนเวียนอยู่ในบ้าน (ไม่ใช่ผีคุณยายนะคะ) ได้กินกี่ครั้งก็คิดถึงคุณยายทุกทีและอาจจะเพราะอาหารของคุณยายนี่แหละที่ส่งผลให้วัฒนธรรมการกินข้าวมื้อเย็นกับที่บ้านค่อนข้างมีความสำคัญมาก วันไหนไม่กินต้องโทร.บอก และช่วงไหนไม่กินบ่อยๆ ต้องเริ่มถูกก่นด่าจนการกินข้าวบ้านเป็นเหมือนพิธีกรรมที่รวมคนในบ้านไว้ด้วยกัน ที่พูดมานี่ไม่ได้อึดอัดหรอกนะคะ ชอบเสียด้วยข้าวบ้านอร่อยที่สุดแล้ว 🙂   แต่ช่วงนี้คิด-เขียนบทไม่ค่อยออกค่ะ วันหยุดลมเย็นๆ... 25.10.2019 Food Story