6 อย่างห้ามพลาดเมื่อเที่ยวบาหลี

9,189 VIEWS
PIN

image alternate text
ใครเที่ยวทะเลไทยจนปรุแล้ว ลองไปเที่ยวทะเลประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียสิ เดินทางไม่นาน แถมวัฒนธรรมความเป็นอยู่คล้ายบ้านเรา เวลาเที่ยวจึงไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก Destination ฮอตฮิตลอดกาลของที่โน่นเห็นจะเป็น “เกาะบาหลี”

“เกาะบาหลี” ซึ่งไม่ได้มีดีแค่ทะเล แต่บนแผ่นดินยังมีมนต์เสน่ห์แห่งความ exotic ทั้งภูเขาไฟ น้ำตก แม่น้ำ รวมถึงสถาปัตยกรรมอย่างบ้านเรือนและวัดที่ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาฮินดู  ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีความขลังซ่อนอยู่ เพราะอดีตเคยเป็นศูนย์กลางอันรุ่งเรืองของศิลปะและศาสนาฮินดู ซึ่งยังคงทิ้งร่องรอยให้เห็นไว้ตามสิ่งก่อสร้างบ้านเรือน

เรามีโปรแกรมทัวร์แบบสาวขาลุยหน่อยๆมาแนะนำ…. “จากบาหลี สู่ กิลี คุณจะได้เที่ยววัดและน้ำตกบนเกาะบาหลี ตบท้ายด้วยการชิลบนเกาะเล็กๆเงียบๆอย่างกิลีมิโน (Gili Meno) ที่เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเช่นเดียวกับบาหลี กิลีเป็นหมู่เกาะเล็กๆที่กระเด็นออกมาจากเกาะใหญ่อย่างเกาะลอมบอก (Lombok) ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟรินจานีที่คนนิยมไปเทรคกิ้งกัน หากคุณมีเวลา 5-6 คืนน่าจะกำลังชิลๆดี นี่เราเองก็ยังเที่ยวได้ไม่ทั่วหรอกนะ แต่ไม่เป็นไร เพราะเขาว่ากันว่าเกาะบาหลีเป็น destination ที่ต้องมาซ้ำ ซึ่งเราพิสูจน์แล้วว่ามันน่าไปซ้ำจริงๆ! ขอชวนเชื่อด้วยการแนะนำ 6 อย่างที่คุณไม่ควรพลาดถ้ามาเที่ยวบาหลี หวังว่าจะกระตุ้นต่อมท่องเที่ยวของคุณได้นะ 🙂

 

1 กิจกรรมแอดเวนเจอร์สุดคูล
นอกจากจะใส่บิกินีเฉิดฉายเดินหาด หรือนอนอาบแดดเก๋ๆให้ผิวแทนกันแล้ว สาวขาลุยคนไหนที่สรรหากิจกรรมกลางแจ้งสุดคูล ทั้งบาหลีและกิลีมีให้หมด ตั้งแต่กิจกรรมสำหรับมือใหม่อย่าง paddle board ดำน้ำตื้น หรือ snorkeling ดูปะการัง รวมถึงตามหาน้องเต่าทะเล ก็น่าสนมากๆ เพราะที่กิลีมีศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าขนาดใหญ่ ดังนั้นรอบๆเกาะกิลีทั้ง 3 เกาะจึงเป็นแหล่งชุกชุมของเต่าทะเล นั่งเรือไปก็เห็นมันว่ายขึ้นมาหายใจข้างๆซะอย่างนั้น ส่วนใครอยากลงไปสัมผัสใต้ทะเลโดยตรงกว่านั้น ที่นี่ก็มีทัวร์แบบดำน้ำลึกมากมายเช่นกัน

เต่าตัวจ้อยในศูนย์อนุรักษ์บนเกาะกิลี รอปล่อยสู่ทะเล
paddle board หนึ่งใน water sport ยอดฮิตของสาวๆ นอกนั้นที่กิลียังมี surfboard, kayak, banana boat, water skiing และ parasailing ด้วย
ใครขี้เกียจ จะนอนอาบแดดมองฟ้าสวยๆก็คุ้มค่าแล้ว

2. ดูพระอาทิตย์ตกดิน
ใครไม่ได้ดูพระอาทิตย์อัสดงที่บาหลี ยังถือว่ามาไม่ถึง ว่ากันว่าพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น บางคนบอกว่าด้วยความลึกของระดับน้ำทะเลกับเถ้าถ่านภูเขาไฟที่ทับถมอยู่ใต้ทะเลทำให้การสะท้อนแสงของพระอาทิตย์สวยกว่าที่อื่น โดยมากนักท่องเที่ยวนิยมไปดูพระอาทิตย์ตกดินทางฝั่งตะวันตกของเกาะบาหลี โดยเฉพาะที่ Tanah Lot วัดฮินดูเก่าแก่หลายร้อยปีตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ ซึ่งหากน้ำลดนักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามไปชมวัดได้ และอีกจุดหนึ่งที่นิยมคือ Uluwatu จุดชมวิวบนหน้าผาฝั่งตะวันตกห่างจาก Tanah Lot ประมาณ 1 ชั่วโมง เสียดายวันที่เราไปพักแถว Uluwatu มีก้อนเมฆบังจึงไม่เห็นพระอาทิตย์ตกดิน ส่วนภาพด้านบนที่เห็นเป็นภาพพระอาทิตย์ตกดินที่เกาะกิลี  ซึ่งนับว่าสวยไม่แพ้กัน

3 กินอาหารอาหารสไตล์บาหลี 

อาหารสไตล์บาหลีที่คุณจะเจอเกือบทุกมื้อคือ

ซัมบัล” (Sambal) น้ำพริกแบบอินโดนีเซียจะมากับอาหารแทบทุกจาน ไม่ว่าจะสั่งข้าวหรือบะหมี่ ซึ่งดีต่อใจชาวไทยอย่างเรามาก เพราะเราต้องการความเผ็ดในทุกมื้อใช่มั้ยคะ รสชาติ Sambal แต่ละร้านไม่เหมือนกัน บางร้านรสออกเหมือนกะปิ บางร้านออกรสมะเขือเทศคล้ายน้ำพริกอ่อง แต่ต้องบอกว่า Sambal ช่วยให้อาหารทุกจานมีรสชาติขึ้นจริงๆ ยิ่งกินกับแตงกวากับมะเขือที่มีอยู่ในจานยิ่งอร่อย

ข้าวไก่ทอด” (Nasi Ayam Goreng) คิดอะไรไม่ออกก็สั่งเมนูนี้เลย รอดตายแน่นอน ข้าวผัดธรรมดาแห้งๆ มากับไก่ทอดที่ทอดจนหนังกรอบกริ๊บ ไก่ทอดที่นี่ใช้ไก่บ้าน เนื้อเหนียวหน่อย แต่ได้รสชาติไก่ที่ธรรมชาติดี กินคู่กับซัมบัล ยิ่งถ้าใครชอบเป็ดแนะนำให้สั่ง Nasi Bebek Goreng อร่อยเหมือนกิน Duck Confit กับข้าวสวยเลย

อีกอย่างคือ “Babi Guling บาบิกูริง หมูย่างสไตล์บาหลี นำหมูทั้งตัวมายัดสมุนไพร ย่างจนหนังกรอบเหมือนหมูหันแต่เนื้อหมูนุ่มร่อนเป็นเส้นๆ มีขายอยู่ทั่วบาหลี เพราะที่นี่เป็นที่เดียวที่กินหมูได้ เสียดายที่เราไม่ได้กิน ถ้าใครไปพักที่เมืองอุบุด เขาว่ากันว่ามีร้านดังอยู่ใกล้ๆวังอุบุดให้ไปลอง หรือสังเกตตามข้างทางมีร้านไหนเขียนป้ายว่า Babi Guling ก็เลี้ยวเข้าไปได้เลย

อาหารประจำชาติอีกอย่างที่ต้องลองคือ กาโดกาโด (Gado Gado) น้ำสลัดรสชาติคล้ายน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ ใส่เทมเปะ เต้าหู้ และข้าวเหนียวอัด โปะหน้ามากับข้าวเกรียบกรอบๆ รสชาติคล้ายๆสลัดแขกที่ขายตามร้านอาหารมุสลิมบ้านเรานี่แหละ

นาซีจัมปูร์ (Nasi Campur) อาหารประจำชาติ ลักษณะเป็นข้าวสวยมาในจานเดียวกันกับสะเต๊ะไก่ แกงผัก ซัมบัล เสิร์ฟมากับน้ำซุป จริงๆแล้วก็เหมือนข้าวแกงบ้านเราที่ราดกับข้าวมาหลายๆอย่าง แต่ในภาพด้านบนเราไปกินใน café เลยตกแต่งซะดูดีหน่อย ความอร่อยของจานนี้คงอยู่ที่รสชาติกับข้าวในจานที่ส่วนใหญ่มีรสจัดของเครื่องเทศ ทำให้กินได้เรื่อยๆไม่เลี่ยน

Serabi ขนมครกอินโดฯ เนื้อหนึบๆ สีเขียว เดาว่าทำจากแป้งข้าวเจ้า ผิวมีรูๆเหมือนแเพนเค้ก เนื้อไม่หวานมันเหมือนขนมครกกะทิบ้านเราสักเท่าไหร่ โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดและน้ำตาลมะพร้าวเคี่ยวหอมๆมาด้วย

ข้าวต้มกุ้ง (Bubur Udang) เครื่องข้าวต้ม ได้แก่ แครอท ถั่วงอก กะหล่ำปลี นำมาผัดกับเครื่องแกงสีเหลืองๆและกุ้ง แล้วนำมาราดแบบน้ำคลุกคลิกบนหน้าข้าวต้มข้นๆ เมนูนี้อร่อยตอนกินร้อนๆจะหอมเครื่องแกง หวานผัก กินร้อนๆตอนเช้าให้ความรู้สึกเหมือนอยู่เมืองไทย

ทุกหาดมีขายอาหารทะเลปิ้งย่าง เลือกชี้หมึก กุ้ง ปู ปลา เป็นตัวๆ เขาจะเสิร์ฟมากับข้าวสวย เฟรนช์ฟรายด์ ผักย่าง และแน่นอนต้องมาคู่กับซัลบัล!

4 เยี่ยมชมวัดฮินดู
ขึ้นชื่อว่าเมืองแห่งศาสนาฮินดูก็อย่าลืมไปเที่ยววัดกันบ้าง วัดชื่อดังที่นี่มีหลายแห่ง แห่งหนึ่งในนั้นคือวัดอูลันดานูบราตัน (Ulun Danu Bratan) ซึ่งเป็นมรดกยูเนสโก ตั้งอยู่ติดทะเลสาบที่เป็นปากปล่องภูเขาไฟ ควรไปในช่วงเช้าเพราะคนน้อย ถ่ายรูปสวย แถมมีหมอกลงอ่อนๆทำให้สวยไปอีกแบบ

 

5 เที่ยวแบบ Exotic

น้ำตก Sekumpul ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในบาหลี แต่คนไม่ค่อยรู้จัก ทั้งความสูงกว่า 80 เมตรและจำนวนน้ำตกที่อยู่รวมกันถึง 6 สาย น้ำตกนี้อยู่ทางเหนือของเกาะบาหลี แนะนำให้พักช่วงกลางๆของเกาะ จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง จากจุดจอดรถที่ยังคงมีแดดแจ๋อยู่ เดินตามทางเข้าไปไม่นานก็มองเห็นน้ำตกอยู่สูงระดับเดียวกับเราอีกฝั่ง ต้องไต่ลงไปจุดล่างสุด แต่ที่นี่อากาศเย็น เดินสบาย คนน้อย ไม่วุ่นวาย มีแค่กลุ่มเรากับไกด์ จะไปป๊ะกับนักท่องเที่ยวอื่นๆก็ตรงจุดปลายน้ำตกที่เขาถ่ายรูปกันเท่านั้นแหละ ที่รู้สึกได้คือน้ำตกที่นี่ค่อนข้างธรรมชาติเพียวๆ สะอาด ไม่มีร้านรวงหรือฉิ่งฉับทัวร์มาให้หนวกหูเหมือนบ้านเรา ใครจะมาก็เตรียมเสื้อกันฝนหรือไม่ก็ชุดว่ายน้ำไปเปลี่ยนได้เลยเพราะเปียกแน่นอนรับรอง

บันไดนาข้าว ถือเป็นซิกเนเจอร์ของบาหลี เสียดายว่าช่วงที่เราไปรวงข้าวยังไม่เขียวสักเท่าไหร่ ต้องช่วงประมาณเดือนตุลาคมจึงจะดี นาข้าวที่เป็นจุดดังๆของบาหลีมีหลายจุด เช่น Tegallalang Rice Terraces, Ubud Rice Field, Jatiluwih Rice Terrace แต่ละที่ต่างกัน อย่างที่เราไป Tagallalang พื้นที่ไม่กว้าง คนจะคึกคักหน่อย เพราะมีร้านขายของและร้านอาหาร โดยเฉพาะร้านอาหารที่หันหน้าเข้านาข้าว ให้เรากินไปชมวิวไป หลังจากกินข้าวเสร็จค่อยเดินลงไปถ่ายรูปเล่นได้เป็นชั่วโมง

6 สัมผัสของดีประเทศอินโดฯ

ถ้าไปตามแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติของอินโดฯ ไม่ว่าจะน้ำตก ภูเขาไฟ จะสังเกตแหล่งวัตถุดิบของประเทศนี้ได้มากมายตามข้างทาง โดยเฉพาะเครื่องเทศอย่าง กานพลู พริกไทย ลูกจันทน์ ลูกผักชี อย่าลืมว่าสมัยก่อนอินโดนีเซียเป็นตลาดค้าขายเครื่องเทศชั้นดีของชาวยุโรป รวมถึงเมล็ดกาแฟ โกโก้ น้ำมันมะพร้าว ฯลฯ

ภาพด้านบนเป็นกาแฟขี้ชะมดที่เราเจอที่ร้านในน้ำตก Sekumpul อินโดนีเซียถือว่าเป็นต้นตำรับของกาแฟขี้ชะมด (Kopi Luwak) ว่ากันว่ากาแฟขี้ชะมดมีรสชาติเฉพาะและกลิ่นหอมกว่ากาแฟปกติ เพราะเกิดการหมักในระหว่างที่อยู่ในลำไส้ชะมด เมื่อได้มูลชะมดมาสดๆ เขาจะนำมาแกะเอาแต่เมล็ดกาแฟด้านใน ทำความสะอาด แล้วตากให้แห้งอีกครั้ง ก่อนจะนำเมล็ดกาแฟไปคั่ว… ไงล่ะ รู้แค่นี้ก็ซาบซึ้งถึงความยากลำบากกว่าจะมาอยู่ในแก้วให้เราดื่มกัน นี่แหละทำให้กาแฟขี้ชะมดมีราคาแพงกว่ากาแฟทั่วไปหลายเท่า แต่สำหรับฉันพอได้ชิม ไม่ได้รู้สึกแตกต่างจากกาแฟธรรมดาเท่าไหร่ เอาเป็นว่าใครได้ไปอินโดนีเซียควรได้ลองสักครั้ง อย่างน้อยราคาก็ถูกกว่าบ้านเราเยอะแหละ

ด้านซ้ายเป็นต้นกานพลูที่เจอระหว่างทางเดินไปน้ำตก เราเห็นชาวบ้านกำลังเขย่ากิ่งเพื่อให้ดอกร่วงลงพื้น ภาพด้านขวาเป็นกานพลูที่เก็บได้ นำมาตากแห้งบนพื้นในร้านอาหารบริเวณน้ำตก ระหว่างกินเราเลยได้สูดกลิ่นกานพลู ชมวิวภูเขาไปด้วย ช่างเป็นบรรยากาศการกินแบบอินโดนีเซียจริงๆ

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS