หลังหายจากการติดเชื้อ หลายคนอาจมีอาการเรื้อรังตามมารบกวน เช่น ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ท้องเสีย ถึงจะไม่ใช่อาการร้ายแรงอะไร แต่พอตามติดอยู่ในทุกกิจวัตรที่เราทำ อาการยิบย่อยเหล่านี้ก็ชวนน่ารำคาญ หงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย ไปจนถึงอาการทางสภาพจิตใจเช่น เครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ
นอกจากกินยารักษาอาการ อีกแนวทางบรรเทาและฟื้นฟูร่างกายที่เรานำมาฝาก คือการเลือกดื่มชาที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการเหล่านี้ ดื่มแทนน้ำหวาน น้ำซ่า ถือว่าเติมสิ่งดีๆ เป็นตัวช่วยร่างกายในระยะฟื้นฟูกันค่ะ ^^
ไอเจ็บคอ นอกจากจิบน้ำอุ่น ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องให้เพียงพอ สมุนไพรไทยอย่างน้ำขิงที่มีรสเผ็ดอุ่น ยังมีส่วนช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ รวมถึงหวัดได้ดี ช่วยป้องกันไวรัสระบบทางเดินหายใจและบรรเทาอาการคัดจมูกได้ แต่ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นขิง ให้เลือกดื่ม ‘ชาเจียวกู่หลาน’ ที่แก้ไอและละลายเสมหะได้ดี แต่ไม่ควรดื่มติดต่อกันเกิน 7 วัน หรือ ‘ชาเขียว’ เลี่ยงใส่น้ำตาลและนม กับชาเปปเปอร์มินต์หอมๆ ก็ได้เช่นกัน
เครียดวิตกกังวลซึมเศร้า เป็นอีกภาวะที่ผู้ป่วยหลายคนต้องเผชิญนอกจากจะต้องใช้เวลาในการเยียวยาหรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ลองหา ‘ชาดอกคาโมมายล์’ มาดื่ม มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่ากลิ่นหอมของดอกคาโมมายล์ช่วยให้เรารู้สึกสงบ ผ่อนคลายได้ ตระกูลชาดอกไม้ยังมี ‘ชามะลิ’ กับ ‘ชาดอกกุหลาบ’ ทำหน้าที่คล้ายกันคือมีแอนตี้ออกซิแดนซ์สูง ให้อโรมาช่วยผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด ข้อควรระวังคือชามะลิควรดื่มแต่พอดีสัก 2 แก้วต่อครั้ง มากไปอาจทำให้คลื่นไส้ได้ สุดท้ายคือ ‘ชาเขียว’ ที่มีสารอะธีนีนช่วยการทำงานของสมอง ทำให้อารมณ์ดีขึ้น ลดความวิตกกังวลได้ดี
ท้องเสีย ให้เลือกดื่ม ‘ชาดำชงเข้มๆ’ ในรสฝาดของชามีสารแทนนินที่ช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย อีกคำแนะนำคือให้ดื่มชาดำสลับกับการดื่ม ‘น้ำขิง’ ที่มีฤทธิ์ช่วยสมานกระเพาะและลำไส้ เป็นการบรรเทาและฟื้นฟูไปพร้อมๆ กัน ‘ชาเขียว’ ก็เป็นอีกชนิดที่เลือกดื่มได้ มีสารแทนนินแต่ปริมาณน้อยกว่าชาดำอยู่มาก หรือจะเลือกเป็นน้ำสมุนไพรอย่าง ‘น้ำมะตูม’ หอมๆ ดื่มได้ทั้งอุ่นและเย็นค่ะ
ท้องอืดอาหารไม่ย่อย ‘ดื่มน้ำตะไคร้’ สมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณขับลม ช่วยย่อย แต่มีข้อควรระวังสำหรับหญิงตั้งครรภ์กับผู้ป่วยโรคไตไม่ควรดื่มค่ะ เพราะมีผลต่อการบีบตัวของมดลูกและทำให้ขับปัสสาวะมากเกินไป ถัดมากำลังฮิตอย่าง ‘คอมบูฉะ’ หรือน้ำชาหมัก มีจุลินทรีย์ดีอย่างโพรไบโอติกส์ ช่วยย่อยและปรับสมดุลระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายให้ทำงานได้ดี ไม่แปรปรวน สุดท้ายคือชาหอมละมุนอย่าง ‘ชาข้าวบาเลย์’ ที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มหลังมื้ออาหารเพราะช่วยย่อยได้ดี
นอนไม่หลับ ดื่ม‘ชาดอกคาโมมายล์’ ที่มีสรรพคุณทำให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย การนอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกชาที่คนนอนไม่หลับนิยมดื่มคือ ‘ชาวาเลอเรียน’ ทำจากรากต้นวาเลอเรียน มีฤทธิ์คล้ายยานอนหลับอ่อนๆ ส่งผลต่อระบบประสาทโดยตรง แต่ไม่ทำให้เสพติด ดื่มอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว ช่วยให้นอนหลับง่าย เพียงแต่มีรสเข้มหน่อยอาจรู้สึกดื่มยาก หรือดื่ม ‘ชาอู่หลง’ ก่อนเข้านอนสัก 1 ชั่วโมง กรดอะมิโนแอล ทีอะนีน ในชาจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายพร้อมเข้านอน ใครไม่ถนัดชาเข้มจะเลือกดื่มชาดอกไม้อย่าง ‘ชาลาเวนเดอร์’ ที่มีกลิ่นอโรม่าหอมๆ ทำให้ผ่อนคลายหลับสบายก็ได้
ปวดหัว ‘ชาเปปเปอร์มิ้นท์’ มีสรรพคุณช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและเส้นประสาท จึงบรรเทาอาการปวดหัวให้เบาลง ดื่ม ‘ชาฟีเวอร์ฟิว’ ชาสมุนไพรดอกไม้ตระกูลเดซี่ ที่ช่วยบรรเทาปวดไมเกรน ปวดหัวได้ดี แต่ไม่เหมาะกับคนตั้งครรภ์และคุณแม่ที่กำลังให้นมบุตรนะคะ หรือเลือกดื่มน้ำสมุนไพรอย่าง ‘น้ำขิง’ ที่นอกจากจะช่วยขับลมยังแก้วิงเวียนศีรษะ ทั้งยังมีฤทธิ์ผ่อนคลายทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
คัดจมูกน้ำมูกไหล ‘น้ำตะไคร้’ นอกจากช่วยขับลมในกระเพาะ ยังบรรเทาอาการเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือจะเลือกจิบชาดำผสมน้ำผึ้งมะนาว และชาเขียวผสมน้ำผึ้งมะนาวอุ่นๆ ก็ช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกได้ดี แต่ถ้าใครเซนซิทีฟกับคาเฟอีนแล้วยังอยากดื่มชา ก็เลือกเป็นชาเขียวที่สกัดคาเฟอีนออกได้ค่ะ
นอกจากอาการที่บรรเทาให้ทุเลาลงได้ด้วยการเลือกดื่มชา อาการหลังติดเชื้อเช่น ร่างกายอ่อนเพลีย แขนขาชา หมดแรง มีคำแนะนำทางการแพทย์ให้บำบัดด้วยการทำกายภาพบำบัด ออกกำลังกาย แต่ถ้าใครมีอาการหายใจติดขัด หายใจไม่เต็มปอดแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไปนะคะ
ขอให้ทุกคนมีสุขภาพดีค่ะ
อ้างอิง:
หนังสือ Herbal drinks & tea เครื่องดื่มสมุนไพรและชาเพื่อสุขภาพ สำนักพิมพ์แสงแดด
https://vichaivej-nongkhaem.com/health-info/รู้จักลองโควิด/
https://www.facebook.com/BangkoktipOsod/photos/a.215788211775141/1482707618416521/?_rdr
https://goodlifeupdate.com/healthy-body/146643.html