เมื่อสัก 1-2 ปีที่แล้ว ตอนที่ได้ยินชื่ออาซาอิเบอร์รี่ว่าเป็นซูเปอร์ฟู้ดชนิดล่าสุดที่ผู้คนฮือฮากันมาก ก็พอดีไปเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวเอ็มควอเทียร์ แล้วเลยได้เห็นร้านเล็กๆ น่ารักชื่อ Acai Story ไปยืนเมียงมองเมนู พบว่ามันคืออาซาอิเดียวกับที่กำลังฮิตนั่นเอง แล้วจะช้าอยู่ใย สั่งมา 1 โบลว์ซะเลย
และนับจากโบลว์นั้นก็ตามมาอีกหลายโบลว์แบบนับไม่หมด ติดใจอาซาอิที่มาในรูปของเบสโฟรเซ่นเย็นฉ่ำ ท็อปด้วยสารพัดธัญพืชและผลไม้ต่างๆ นานา ซึ่งต้องบอกว่าฉันถูกจริตกับทั้งความเย็น เท็กซ์เจอร์ และรสชาติเบาๆ อ่อนๆ ของอาซาอิที่เขาว่าคล้ายช็อกโกแลต แต่ฉันว่าออกแนวมันๆ มากกว่า ไม่หวาน ไม่มีกลิ่น กินแล้วเข้ากับผลไม้ ธัญพืช และโยเกิร์ตที่ทางร้านนำมาประกอบเป็นเมนูทั้งหมด… พูดได้เต็มปาก เพราะกินครบแล้วทุกเมนู ><
ก่อนจะพาไปเข้าสู่เมนูแสนน่ากิน มาทำความรู้จักอาซาอิกันสักนิด อาซาอิเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่ใครก็รู้ว่าตระกูลนี้เขาอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ลักษณะผลทรงกลมขนาดประมาณ 2.5 ซม. สีม่วงเข้ม รสชาติคล้ายแบล็กเบอร์รี่ผสมกับช็อกโกแล็ตรสขม อาซาอิเบอร์รี่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ป่าอเมซอน และเป็นที่นิยมมากในหมู่เซเลบฮอลลีวูด ด้วยความโดดเด่นขั้นสุดคือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก สูงแค่ไหน ก็แค่ต้องกินมะเขือเทศถึง 188 ผล เพื่อให้ได้ค่าการต่อต้านอนุมูลอิสระเท่ากับอาซาอิเบอร์รี่ 10 กรัม ซึ่งมากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 3 เท่า
ตอกย้ำความเลิศเลอไปอีก เมื่อ ดร.นิโคลัส เพอร์รี่คอนนี่ (Dr.Nicholas Perricone) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงด้านการชะลอความชราผู้ค้นพบทฤษฎีการอักเสบ และผู้แต่งหนังสือขายดีหลายเล่ม กล่าวถึงอาซาอิเบอร์รี่ไว้ในหนังสือระดับเบสต์เซลเลอร์ The Pericone Promise ที่บอกถึงวิธีการย้อนวัย 10 ปี ใน 28 วัน ว่า อาซาอิเบอร์รี่คือสุดยอดอาหารจากธรรมชาติที่ดีที่สุดในโลก การกินอาซาอิเบอร์รี่ทุกวันเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่เขาแนะนำ
ชาวโลกอาจจะเพิ่งมารู้จักความดีงามของอาซาอิเบอร์รี่ แต่คนพื้นเมืองในแถบป่าอเมซอนเขารู้ซึ้งกันมานานแล้ว ถึงขั้นขนานนามว่า ‘ผลไม้ศักดิ์สิทธิ์’ ในสมัยโบราณ ก่อนออกรบทุกครั้ง นักรบชาวอะแมเนียนจะไปเก็บผลอาซาอิเบอร์รี่มากินร่วมกัน เพราะเชื่อว่าสามารถเพิ่มพละกำลังในการรบได้มหาศาล
คุณสมบัติของอาซาอิเบอร์รี่นั้นมีทั้งช่วยต้านอนุมูลอิสระ อย่างที่บอกไปว่า การกินอาซาอิเบอร์รี่เพียง 10 กรัม จะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระเทียบเท่าการกินมะเขือเทศสูงถึง 188 ผล และมากกว่าบลูเบอร์รี่ถึง 3 เท่า ช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอล เคยมีการศึกษาวิจัยในช่วงปี 2554 กับกลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกินประมาณ 10 คน กินอาซาอิเบอร์รี่วันละ 2 ครั้งเป็นเวลากว่า 1 เดือน ผลปรากฏว่า โดยเฉลี่ยกลุ่มผู้เข้ารับการทดลองมีค่า LDL ลดลง แสดงว่าอาซาอิเบอร์รี่สามารถช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอลให้ลดลงอยู่ในระดับที่สมดุลได้ เมื่อกินในปริมาณที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง เป็นผลไม้ที่เหมาะกับการกินช่วงลดน้ำหนัก เพราะอาซาอิเบอร์รี่ 100 กรัม มีคาร์โบไฮเดรตเพียง 4 กรัม และน้ำตาลเพียง 2 กรัมเท่านั้น แล้วยังส่งเสริมระบบการทำงานของเลือด หัวใจ และสมอง อันนี้ก็มีการศึกษาวิจัยจาก PubMed Central ยืนยันว่าอาซาอิเบอร์รี่ช่วยป้องกันสมองถูกทำลายเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้นได้ รวมถึงกระตุ้นการตอบสนองในส่วนของการทำความสะอาดเซลล์ที่เป็นพิษหรือไม่ทำงานอีกต่อไป ซึ่งเรียกว่า Autophagy ช่วยเพิ่มการสื่อสารระหว่างเซลล์ภายในร่างกาย ทั้งระบบไหลเวียนโลหิต หัวใจ และระบบทำงานของสมอง
ประโยชน์เพียบขนาดนี้ เลยอยากจะเชิญชวนให้กินอาซาอิเบอร์รี่กันเถอะเรา แถมไม่ต้องตระเวนหรือค้นหาร้านและแหล่งขายใดๆ ให้ยาก แค่มาที่ Acai Story เพราะที่นี่เขาขายแต่อาซาอิ อาซาอิ และอาซาอิ ให้กินกันให้สมใจ (นำเข้าจากประเทศบราซิลโดยตรง) แต่ละเมนูมาในรูปของอาซาอิเบส ท็อปด้วยผลไม้ ธัญพืช โยเกิร์ต กราโนล่า ซอสช็อกโกแลต ฯลฯ ที่ฉันขอการันตีว่าอร่อยจนจะทำให้ลืมภาพจำว่าอาหารสุขภาพไม่เห็นจะน่ากินไปได้เลย กินแล้วรับรองว่าทั้งอร่อย ทั้งสดชื่น จะกินเป็นของว่าง ขนม หรือกินแทนอาหารมื้อหลักก็ยังได้ เพราะที่ร้านเขามากับสโลแกน ‘กินแทนมื้ออาหารได้ แคลอรี่ตํ่า อิ่มนาน หวานน้อย ไฟเบอร์สูง ไม่ใส่ไซรัป’ สนนราคาแตกต่างกันไปตามแต่ไซส์ ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่โบลว์เล็กไปจนถึงโบลว์ใหญ่ขนาดกินอิ่มแทนข้าว 1 มื้อได้เลย
ตัวอาซาอิเบสนั้นรสชาติกลมกล่อม มันนิดๆ คล้ายช็อกโกแลตหน่อยๆ และเป็นความหวานจากตัวผลไม้จริงๆ ไม่มีการใส่ไซรัป นม และครีมใดๆ ท็อปปิ้งก็ยังจัดเหล่าซูเปอร์ฟู้ดดับเบิ้ลเข้าไปอีก ทั้งผลไม้สดนานาชนิด คัดจากแหล่งที่ดีที่สุดตามฤดูกาล เช่น สตรอวเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ โกจิเบอร์รี่ กีวี่ ซอสช็อกโกแลตฟัดจ์พรีเมี่ยม ผงโกโก้เกรดนําเข้าจากฝรั่งเศส เนยถั่วหอมละมุน ทําจากถั่วชั้นดีคั่วใหม่ ไม่มีนํ้ามัน นํ้าตาล และวัตถุกันเสีย กราโนล่า ทําจากข้าวโอ๊ตเต็มใบ ไม่ผสมเนยและนํ้ามัน กรอบอร่อย หวานกําลังดีจากนํ้าตาลมะพร้าว และกรีกโยเกิร์ตเนื้อเนียน แคลอรี่ตํ่า ไม่เติมนํ้าตาลเพิ่ม โปรตีนสูง อร่อย ไม่เปรี้ยว
จริงๆ อยากบอกว่าอร่อยทุกเมนู แต่ถ้าอยากลองตัวซิกเนเจอร์ก็จัด Oh, Fudge! (Meal – 380 บาท) มากับพรีเมี่ยมช็อกโกแลตฟัดจ์อัดแน่นเต็มโบลว์ เสิร์ฟพร้อมโกจิเบอร์รี่และธัญพืชกรุบกรอบ หรือจะเป็น Fudge Mochi (Standard -280 บาท) เมนูที่รวบรวมซิกเนเจอร์ทั้งหมดของ Acai Story ทั้งพรีเมี่ยมช็อกโกแลตฟัดจ์และโมจิวาฟเฟิลไว้ด้วยกัน รสชาติเข้มข้นด้วยซอสช็อกโกแลตฟัดจ์ ผสมความหนึบหนับเคี้ยวนุ่มเคี้ยวเพลินของวาฟเฟิลจากแป้งโมจิ
แล้วยังมี Ice Cream Cup (French Fudge) (120 บาท) ไอศกรีมรสช็อกโกแลตเข้มข้น โรยหน้าด้วยโกโก้นิบส์ ทําจากอาซาอิเบสและซอสช็อกโกแลตฟัดจ์สุดเข้มข้นจากผงโกโก้นําเข้าจากฝรั่งเศสแท้ 100%
ใครเลิฟโยเกิร์ต ขอแนะนำ Premium Greek Yogurt (90 บาท) กรีกโยเกิร์ตพรีเมี่ยม โปรตีนสูง ไขมันตํ่า กินพร้อมท็อปปิ้งผลไม้ฉํ่าๆ และกราโนล่า เหมาะกับการเป็นมื้ออร่อยง่ายๆ เป็นมื้อเย็นเบาๆ หรือเป็นของว่างก็ได้ แอบบอกว่ากรีกโยเกิร์ตของที่นี่ไม่เหมือนที่อื่น ตั้งแต่เนื้อสัมผัสนวลเนียนนุ่มละมุนลิ้นไปจนถึงรสชาติที่ไม่เปรี้ยวเลย อร่อยมากกกกก
นอกจากอาซาอิ เขายังมี Premium Chocolate Fudge (200 บาท) ซอสช็อกโกแลตฟัดจ์สุดเข้มข้น ทําจากผงโกโก้นําเข้าจากฝรั่งเศสแท้ 100% รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม หอมโกโก้ เอาไปกินกับอะไรก็อร่อย
Original Mochi Waffle (55 บาท) เป็นอีกตัวที่แนะนำมากๆๆๆๆ เพราะเป็นวาฟเฟิลทำจากแป้งโมจิ แค่หยิบขึ้นมาบิก็ฟินกับความหนืดนุ่มนิ่ม แล้วยังใช้ความหวานจากมันหวานญี่ปุ่น รสชาติก็ดี เนื้อสัมผัสก็เลิศ เคี้ยวเพลินอร่อยหนึบหนับ ปิดมื้อกันด้วย
Strawberry Smoothie (160 บาท) สมูทตี้สตรอวเบอร์รี่จากกรีกโยเกิร์ตพรีเมียมเนื้อเนียน ปั่นรวมกับสตรอเบอร์รี่สด และผลไม้ตามฤดูกาล อร่อยละมุน เย็นสดชื่น
กินแล้วสุขภาพดีไม่พอยังอร่อยมากมาย ปัจจุบัน Acai Story มี 12 สาขาทั่วไทย ในกรุงเทพฯ 11 สาขา สมุย 1 สาขา สาขาที่เรามาวันนี้คือสาขาที่โครงการ Velaa Sindhorn Village ร้านน่ารัก นั่งกินได้ยาวๆ เพลินๆ
อ้างอิง: https://society.wefitnesssociety.com/acai-berry
Acai Story: Velaa Sindhorn Village
เปิด-ปิด: 07.30 – 22.00 น. (ทุกวัน)
FB: acaistorybkk
IG: acaistory