เงินเดือนไม่พอใช้…อยากหารายได้เสริมด้วยการขายของ แต่ด้วยความที่ทั้งทำงานประจำ ตกเย็นก็ไม่สามารถไปตั้งร้านขายของที่ตลาดได้ ช่องทางการขายก็จะเหลือแค่การขายเดลิเวอรี่เท่านั้น! มาค่ะ วันนี้มีเมนูที่สามารถทำขาย รายได้ปัง อุปกรณ์สำคัญมีเพียงแค่ หม้อทอดลมร้อน ก็สามารถเปิดร้านขนมเล็กๆ ที่ครัวคอนโดได้แล้ว
เมนูที่ว่าก็คือ ‘กล้วยปิ้ง หรือ กล้วยทับ’ เชื่อว่าหลายๆ คนก็คงเคยกินกันมาบ้าง เป็นขนมหวานที่หากินได้น้อยแล้วในสมัยนี้ อาจจะเพราะเมนูกล้วยปิ้งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในหมู่เด็กรุ่นใหม่ๆ เลยทำให้ร้านขายกล้วยปิ้งมีน้อยกว่าร้านชานมไข่มุกละนะ แถมด้วยความที่หน้าตาของเมนูนี้มันดูธรรมดา ไม่สวยงาม ไม่น่าถ่ายรูปลงโซเชียล จะไม่ป๊อปก็ไม่แปลก แต่ต้องบอกเลยว่าถ้าได้เปิดใจลองกินเมนูนี้ อาจจะตกหลุมรักความเรียบง่ายและลงตัวของกล้วยปิ้งและซอสกะทิก็เป็นได้
เราเลยอยากทำเมนูกล้วยปิ้งที่หน้าตาธรรมดา ให้สวยงาม เข้าถึงง่าย ถ่ายรูปสวย และยังเหลือความอร่อยแบบดั้งเดิมของเมนูนี้อยู่ ด้วยการเพิ่มท็อปปิ้งหลายสี ปรับสูตรซอสกะทิที่ราดให้มีความทันสมัยขึ้น จากที่ใช้น้ำตาลมะพร้าวไปเคี่ยวกับกะทิเฉยๆ ก็เพิ่มน้ำตาลทรายที่นำมาทำให้ไหม้ จนกลายเป็นคาราเมล แล้วค่อยนำไปผสมกับซอสกะทิสูตรปกติ เท่านี้ก็สามารถเพิ่มมูลค่า และยังจับกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้นด้วย เลยอยากตั้งชื่อเมนูกล้วยปิ้งให้เกร๋ขึ้น ก็จะกลายเป็นเมนู ‘กล้วยปิ้งทรงเครื่องซอสคาราเมลกะทิโบราณ’ คิดสูตรเมื่อวานบอกโบราณไว้ก่อน ฮ่าๆ
เมนูกล้วยปิ้งเราเลือกใช้ ‘กล้วยน้ำว้าห่าม’ อาจจะค่อนไปทางสุกเหลืองก็ได้ถ้าชอบให้กล้วยที่ปิ้งออกมามีรสหวานขึ้น ส่วนตัวผู้เขียนเองก็ชอบให้ไปทางกึ่งสุกกึ่งห่ามเพราะชอบกินหวานค่ะ เลือกกล้วยที่มีน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัมขึ้นไป 1 หวีจะมีประมาณ 12-14 น้ำหนักต่อ 1 ลูก ก็จะประมาณ 70-90 ลูก ราคากล้วยน้ำว้าในตลาดตอนนี้ก็มีขึ้นมีลง จะอยู่ที่ประมาณ 30-50 บาท ขึ้นอยู่กับแหล่งที่ซื้อด้วย
เริ่มด้วยการนำกล้วยมาปอกเปลือกและใส่ลงในหม้อทอดลมร้อนทันที ไม่ควรปอกกล้วยทิ้งไว้นานโดยที่ไม่นำเข้าอบ เพราะจะทำให้กล้วยมีสีคล้ำ ดำขึ้น ไม่น่ารับประทาน ควรจะปอกและนำเข้าหม้อทอดลมร้อน อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 15 นาที ครบเวลากลับด้าน อบต่ออีก 15 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหม้อทอดลมร้อนแต่ละบ้าน ให้สังเกตที่ผิวกล้วยให้มีสีน้ำตาลอ่อนๆ ก็เป็นอันใช้ได้ เนื่องจากเราขายในแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ เวลาออเดอร์เข้าทีก็จะมาปอกกล้วยแล้วเอาเข้าอบก็ใช้เวลานานไปหน่อยต่อการทำ 1 ครั้ง เลยแนะนำให้อบกล้วยไว้ล่วงหน้าได้ เพียงลดเวลารอบที่ 2 ลงมา 5 นาที พอมีออเดอร์เข้ามาก็ค่อยอุ่นอีก 5 นาที ด้วยอุณหภูมิเท่าเดิมเลยค่ะ ปริมาณที่ควรจะทำไว้ล่วงหน้าอันนี้ขึ้นอยู่กับความขายดีของแต่ละร้านนะคะ ถ้าเราขายไปสักพักเราจะสามารถรู้ได้เอง ว่าช่วงเวลาไหนขายดี และควรจะเตรียมไว้มากน้อยแค่ไหน
พอได้กล้วยปิ้งที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนหนึ่งที่ขาดไม่ได้เพราะซิกเนเจอร์ของเมนูนี้ก็คือเราต้องนำกล้วยมาทับจนแบน ผู้เขียนคิดว่าอีกชื่อของเมนูนี้ที่หลายคนเรียกว่า ‘กล้วยทับ’ ก็อาจจะมาจากขั้นตอนนี้แหละ โดยที่แบบโบร่ำโบราณก็จะมีอุปกรณ์ที่ใช้ทับกล้วยโดยเฉพาะ วิธีการใช้ก็คือใส่กล้วยลงไปตรงกลาง แล้วก็กดตัวทับให้มาทับกล้วยผิวกล้วยแตกและแบน ซึ่งเชื่อว่าหลายคนไม่มีแน่นอน เอ๊ะ…แล้วทำไมเรามี ฮ่าๆ ใครไม่มีก็ไม่ต้องกังวลว่าจะทำเมนูนี้ไม่ได้นะคะ สามารถใช้มีดปังตอใหญ่ๆ แทนได้ ด้วยการวางมีดแนวนอนบนกล้วย ใช้มือกดด้านบนมีด ออกแรงนิดหน่อยกล้วยก็แบนแล้วค่ะ
ใครไม่มีที่ทับกล้วย ใช้มีดก็ได้นะ
ท็อปปิ้งของเราในวันนี้มี ข้าวโพดหวาน มันม่วง มันแครอท (มันส้ม) เผือก ฝอยทองและมะพร้าวอ่อน แต่จะบอกว่าอันนี้เป็นเพียงไอเดียท็อปปิ้งให้เพื่อนๆ เท่านั้นนะคะ สำหรับใครที่อยากเพิ่มท็อปปิ้งอื่นๆ ธัญพืชหรือถั่ว เช่นลูกเดือย งาขาว งาดำ ถั่วแดงหรือถั่วดำ ก็เพิ่มเข้ามาได้
สำหรับถ้วยนี้เป็นท็อปปิ้งพื้นฐาน สีสันครบพอสวยงาม เวลาเตรียมพวกมันหรือเผือกต่างๆ นำมาหั่นเต๋าแล้วต้มและน็อคในน้ำเย็นเพื่อไม่ให้ผิวเละ หรือถ้าอยากให้เนียนกริบแนะนำเป็นหั่นเต๋าแล้วนำไปนึ่ง เวลาในการต้มหรือนึ่งขึ้นอยู่กับขนาดที่เราหั่น เพื่อนๆ สามารถทะยอยจับเวลา 5-10 นาที หยิบขึ้นมาชิมได้ว่าได้ที่แล้วหรือยัง ตัวข้าวโพดหวานให้ต้มทั้งฝัก เติมน้ำให้ท่วมใส่เกลือสมุทรเล็กน้อย ต้มนานประมาณ 10-15 นาที ครบเวลาให้นำข้าวโพดไปน็อคในน้ำเย็นจัด (วิธีนี้จะช่วยให้ข้าวโพดเม็ดเต่งตึงไม่เหี่ยว) และรอจนกว่าข้าวโพดจะเย็นดี ค่อยนำขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำมาหั่นให้เป็นแพสวย ส่วนตัวฝอยทองสามารถซื้อสำเร็จได้ และมะพร้าวอ่อนเดี๋ยวนี้มีแพ็คแช่แข็งขายแล้ว
ตารางคำนวณ Topping
ส่วนต้นทุนราคาท็อปปิ้งทั้งหมดอยู่ในตารางข้างต้น และราคาที่นำมาอ้างอิงเป็นราคาของสดในตลาดและซูเปอร์มาร์เก็ต ณ ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามฤดูกาล
มาทำตัว ‘ซอสคาราเมลกะทิ’ สูตรหวานน้อยกันค่ะ ที่เราเลือกทำให้ซอสหวานน้อยเพราะเรามีท็อปปิ้งที่มีความหวานอยู่แล้ว ซอสจึงไม่ควรหวานจนเกินไป มีกลิ่นไหม้เล็กๆ ให้มีกลิ่นความเป็นคาราเมล เริ่มจากใส่น้ำตาลทรายและน้ำลงในหม้อ ตั้งบนไฟกลางค่อนอ่อน รอจนน้ำตาลละลาย และให้น้ำตาลบริเวณขอบหม้อค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อน อย่าเพิ่งคน จากนั้นใส่กะทิ นมข้นจืด (300 ml) เกลือและน้ำตาลมะพร้าว รอจนกว่าน้ำตาลมะพร้าวจะละลายหมด (ระหว่างนั้นหมั่นคน) นำนมข้นจืดที่เหลือมาผสมกับแป้งกวนไส้ในถ้วย คนจนไม่เห็นเม็ดแป้งจากนั้นค่อยๆใส่ลงไปในหม้อ คนให้แป้งสุก ซอสจะมีลักษณะข้นขึ้น ปิดไฟพักไว้ รอจนซอสเย็นสนิท เวลาเราขายในแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ก็ควรจะแยกซอสไปเพื่อป้องกันไม่ให้หกเลอะเทอะ และลูกค้าสามารถเลือกปริมาณที่จะใส่ได้เอง โดยเราจะแพ็คใส่ถุงซิป ถุงละประมาณ 30 กรัมต่อ 1 เสิร์ฟ
ตารางคำนวณซอสคาราเมล
ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ! ร้านกล้วยปิ้งพร้อมขายแล้วจ้า! มาค่ะ มาจัดกล่องพร้อมขายกัน เริ่มจากนำกรรไกรมาตัดกล้วยปิ้งให้เป็นชิ้นพอคำ ใส่ลงในกล่องอาจจะลองใบตองก็ได้ (ถ้ามี) โดยวันนี้เราเลือกใช้เป็นกล่องกระดาษต้นทุนกล่องกระดาษราคาอาจจะสูงหน่อยแต่ก็เพิ่มมูลค่าแถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามด้วยเรียงท็อปปิ้งที่เตรียมไว้ลงไป ตกแต่งด้วยมะพร้าวอ่อนและฝอยทองเพิ่มความน่ารัก มุ้งมิ้ง อย่าลืมใส่ถุงซอสคาราเมลกะทิที่เราแพ็คไว้ไปด้วย เท่านี้ก็ส่งออเดอร์ได้เลย เนื่องจากเราขายในแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ ต้นทุนที่พ่อค้าแม่ค้าหลายคนควรจะบวกเพิ่มไปได้เลยแต่แรกก็คือ ค่าธรรรมเนียม GP ของแต่ละแพลตฟอร์มไม่ว่าจะไลน์แมน โรบินฮูด หรือจะเป็นแกร็บ ราคาแต่ละแพลตฟอร์มจะไม่เท่ากัน โดยมีตั้งแต่บางแอพไม่เสีย ไปจนถึง 30%-35% ของยอดขาย และยังก็คิด Vat 7% อีกด้วย
วันนี้เลยสรุปต้นทุนราคาต่อการขาย 1 กล่อง ของเมนู กล้วยปิ้งซอสคาราเมลกะทิ คร่าวๆ โดยมีแยกเป็นต้นทุนซอสคาราเมลกะทิ กล้วย และท็อปปิ้งต่างๆ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ เอาราคาทั้งหมดมารวมกันก็จะกลายเป็นต้นทุนวัตถุดิบรวม จากนั้นจะมาคิดต้นทุนอื่นๆพวกค่าน้ำ ค่าไฟ คิดเป็น 10% ของต้นทุนวัตถุดิบ แล้วถึงจะมาคิดค่า GP โดยตารางข้างต้นตั้ง GP ไว้ที่ 30% ทั้งนี้ราคาอาจจะมีเพิ่ม-ลด แล้วแต่ว่าราคาวัตถุดิบ ไปจนถึงว่าแพลตฟอร์มไหนที่เลือกใช้ 30% ตรงนี้แป็นตัวเลขให้พอเป็นตัวอย่างให้คนที่สนใจอยากเปิดร้านนำไปคิดต่อได้เอง
สมมติว่าเราขายกล้วยปิ้งกล่องละ 100 บาท แปลว่าถ้าแอพเดลิเวอรี่หักเรา 30% 100×30/100=30 บาท ถ้าเราอยากคิด Vat 7% ก็สามารถคำนวณจากราคา 30+(7/100×30)=32.1 บาท เป็นแปลว่ายอดขายจริงที่เราจะได้ จะเท่ากับ 100-32.1 = 67.9 บาท สามารถอ่านบทความที่เกี่ยวกับการคิด GP ในช่องทางอื่นๆ ได้ที่ (คลิกอ่านบทความเพิ่มเติม 1 / คลิกอ่านบทความเพิ่มเติม 2) ดังนั้นถ้าเรารู้แต่แรกว่าเราจะโดนหักเท่าไหร่ ก็ควรจะนำส่วนนั้นไปคิดเป็นต้นทุนตั้งแต่แรกโดยเราจะตั้งราคาขายที่เราพอใจจะขาย จากนั้นนำราคาขายส่วนนั้นมาคิดค่า GP สามารถดูวิธีคำนวณต้นทุนที่รวมค่า GP ได้ตามตาราง
ต้นทุนต่อกล้วยปิ้งทรงเครื่อง 1 กล่อง จะเป็นว่าในช่องราคาที่ควรขาย จะอยู่ที่ 54.83 เวลาเราตั้งราคาขายจริงก็สามารถขายกล่องละ 59 บาท ทั้งนี้ทั้งนั้นตามตารางข้างต้นยังไม่ได้คิดค่าแรงนะคะ เพื่อนสามารถบวกค่าแรงตัวเองตามต้องการแล้วสามารถคิดเพิ่มเป็นต้นทุนได้เลย ใครอยากเริ่มต้นเป็นพ่อค้าแม่ค้า แนะนำเมนูนี้ได้เลยจะเริ่มจากขายเดลิเวอรี่ที่คอนโดหรือบ้านตัวเองง่ายๆ ถ้าพอมีเงินทุนและเวลา มีฐานลูกค้าแล้ว