ในบรรดาพืชผักพื้นบ้านที่ผู้เขียนเห็นว่ายังมีช่องทางสร้างรายได้ให้เกษตรกรอีกมากคือสายบัวที่มีอยู่เต็มบึงทั่วไทย อีกทั้งบางคนไม่ได้เป็นเกษตรกรที่ปลูกผักขายด้วยซ้ำ แต่อาศัยรับจ้างเก็บสายบัวมาขาย ดังนั้นหากเราช่วยกันบริโภคสายบัวให้มากขึ้นคนรับจ้างเก็บก็จะมีรายได้มากขึ้น
‘แยมสายบัว’ ที่นำมาฝากนี้มีคุณค่าอาหารสูง เต็มไปด้วยกากใยอาหารล้วนๆ และไม่ใช่เมนูใหม่แต่ผู้เขียนเคย ‘มโน’ ไว้ร่วมสิบปีแล้วเป็นส่วนของไส้ในขนมสายบัวชีสเค้กนั่นเอง
ดังที่เขียนไว้ตั้งแต่บทความตอนแรกว่า ‘ขนมไทยจงเจริญ’ นั้นนอกจากผู้เขียนจะนำขนมไทยมาดัดแปลงเพิ่มเติมให้เกิดการบริโภคหลากหลายขึ้น อีกส่วนหนึ่งก็คือการนำพืชผักไทยมาทำขนมอุดหนุนเกษตรกรไทยให้มีรายได้เฟื่องฟูในยุคเศรษฐกิจแฟ่บได้เป็นอย่างดี
เมื่อกล่าวถึงสายบัวสมัยโบราณนั้นนอกจากจะนำมาแกงกับปลาทูหรือผัดกับกุ้งแล้วยังมีขนมไทยโบราณ ‘ขนมสายบัว’ ที่มีลักษณะคล้ายขนมกล้วยและขนมมัน ที่คุณยายนักทำขนมแม่เอ๊ยแต่ละคุ้งน้ำทั่วไทยได้ปรุงความอร่อยหอมนุ่มมันพายเรือล่องน้ำขายแก่แฟนคลับให้ติดใจอยู่เป็นนิจเป็นเนือง ต่อมาภายหลังคุณยายรุ่นก่อนล้มหายตายจากไปขนมสายบัวนั้นก็พลอยหายจากไปด้วย
ผู้เขียนยังพอมีความปลาบปลื้มที่ได้เห็นนักทำขนมไทยตัวยงไม่ทิ้งภูมิปัญญาความอร่อยชนิดนี้ เขียนสูตรขนมสายบัวเผยแพร่ไว้บ้างหรือเคยพบเห็นบางเจ้าทำขายแต่อาจไม่แพร่หลายให้เราได้อุดหนุนกันมากนัก
ดังนั้นวันนี้จึงอยากมาชวนท่านๆ ทำของกินเล่นติดบ้านไว้กินเมื่อไรก็ได้ไฟเบอร์เมื่อนั้น มีฟอสฟอรัสสูง มีสรรพคุณไม่น้อยหน้ารากบัวไหลบัวในรูปแบบความอร่อยที่ต่างออกไปจากขนมสายบัวดังกล่าว แถมในปริมาณแยมสายบัวที่ได้แต่ละช้อนโต๊ะยังมีไฟเบอร์เท่ากับการกินสายบัวสดๆ เป็นถ้วยทีเดียวเชียว และเมื่อทำแล้วจะกินเลยหรือจะแช่เย็นเก็บไว้แบ่งทยอยอร่อยก็ได้นานเป็น 10 วัน
ว่าแล้วไม่รอช้าไปลุยความอร่อยกันค่ะ
วัตถุดิบส่วนผสม
1. สายบัว (ลอกใย/เปลือก) 400 กรัม ล้างน้ำให้สะอาดแล้วตั้งทะแยงในภาชนะให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นนำมาบิเป็นท่อนเล็กๆ หรือบางท่านจะใช้มีดหั่นซอยทีละกำๆ ก็เร็วดี แต่ต้องหั่นบนเขียงของหวานที่ไม่มีกลิ่นคาวติดเขียง
2. น้ำเปล่าสะอาดสำหรับเติม ¼ ถ้วยตวง หรือมากกว่านั้น (ขึ้นอยู่กับเตาที่ใช้ผัด หากผัดในกระทะบนเตาแม่เหล็กไฟฟ้าจะไม่ต้องเติมน้ำมาก หากผัดเตาแก๊สน้ำจะแห้งเร็วกว่าต้องเติมน้ำมากกว่า) ทั้งนี้ไม่ว่าจะเตาชนิดไหนกระทะต้องไม่มีกลิ่นคาว (ควรเป็นกระทะที่ใช้ปรุงขนมหวาน)
3. น้ำตาลทรายแดง 30 กรัม
4. น้ำผึ้ง 25 กรัม แนะนำยี่ห้อ Langnese หากต้องการใช้ยี่ห้ออื่นให้เลือกที่มีความหอมและรสไม่ซ่า
5. เนยสดแนะนำ Anchor
6. ผงอบเชยแนะนำแมคคอร์มิค (ยี่ห้อใดก็ได้ขอให้สดใหม่) ใช้แล้วปิดฝาสนิททุกครั้งเพื่อความหอมค่ะ
วิธีทำ
1. นำสายบัวที่บิหั่นเตรียมไว้ลงกระทะเทน้ำตาลทรายแดงลงผสมแล้วผัดด้วยไฟกลาง
2. เมื่อเดือดครั้งแรกผัดต่อสัก 5 นาที แล้วปิดไฟปล่อยให้ระอุวิธีนี้จะทำให้ประหยัดพลังงานเพราะหากผัดต่อเนื่องไม่ปิดไฟจะใช้เวลานานและเปลืองพลังงานทรัพยากรโลก (ช่วงแรกน้ำในสายบัวจะออกมาชุ่มฉ่ำไม่ต้องตกใจ)
3. ปิดไฟสักพักทำธุระโน่นนี่แช็ทไลน์กับเพื่อนแล้วโปรยผงอบเชยให้ทั่ว จากนั้นเปิดไฟผัดต่อ เดือดแล้วดับไฟอีก 1-2 รอบจนสายบัวสลดและเริ่มเปื่อย ถ้าผัดน้ำเริ่มแห้งให้ค่อยๆ เติมน้ำเลี้ยงไม่ให้ติดกระทะ (ไม่ต้องเติมเยอะเพราะจุดมุ่งหมายคือไม่ให้แห้งเท่านั้น)
4. เมื่อสายบัวสลดนิ่มเละปิดไฟพักอีก ปิดไฟพักแช็ทไลน์กับเพื่อนต่อ หรือจะอัปรูปลงเฟซบุ๊กให้เพื่อนๆ ลุ้นว่ากำลังปรุงเมนูอร่อยอะไรอยู่ให้ชวนฉงนก็ยังได้
5. ก่อนเปิดไฟผัดต่อให้ใส่น้ำผึ้งเคล้าให้ทั่วแล้วผัดต่อให้เดือดเหมือนเดิม ผัดไปมาจนส่วนผสมเหนียว
6. ตรงนี้เลือกได้ถ้าชอบกรุบกรับเคี้ยวกรึบๆ ไม่ต้องผัดจนเยื่อใบแหลกมาก ถ้าชอบให้เนียนเป็นแยมให้ผัดจนสายบัวเปื่อยยุ่ย ว่าแล้วก็ปิดไฟทิ้งให้ระอุอีกรอบ เมื่อได้ลักษณะเนื้อเปื่อย/เนียนมากน้อยตามชอบก็ใส่เนยและเปิดไฟผัดต่อให้หอมเข้าเนื้อ เป็นอันเสร็จพิธี แยมที่ได้จะนำมากินเลยหรือทิ้งไว้ให้คลายร้อนเก็บในภาชนะปิดมิดชิดแล้วนำแช่เย็นก็ได้
7. แยมสายบัวนี้รับประทานโดยทาขนมปังเนื้อนุ่มเปล่าๆ ก็ได้ ทากับขนมปังปิ้งกรอบๆ ที่ทาเนยเค็มบางๆ ไว้ก่อนแล้วก็อร่อย หรือแม้แต่จะบีบน้ำมะนาวพรมลงบางๆ ให้รสเหมือนแยมรูบาร์บผักฝรั่งอย่างบรรเจิดความหวานที่ผู้เขียนกำหนดไว้กลางๆ บางท่านชอบหวานกว่านี้ก็เพิ่มรสได้ หรือชอบให้มีความเป็นไส้ขนมมากกว่าแยมก็ใส่เนยสดมากขึ้น ใส่อบเชยมากขึ้น ให้หอมระเบิดทะลุจอกันไปเลย
เมื่อพบความอร่อยอันเป็นแบบฉบับของตนเองแล้วก็อย่าลืมจัดวางขนมปังให้สวยน่ากินแล้วอัปขึ้นเฟซบุ๊ก ลงไอจี ชวนกันทำชวนกันรับประทาน ใส่แท็ก #ขนมไทยจงเจริญ #เกษตรกรไทยรุ่งเรือง
จึงเป็นอันเสร็จพิธีอย่างแท้จริง!!!
บทความเพิ่มเติม
