เอกลักษณ์โดดเด่นของแกงไทยคือความเผ็ดร้อนของรสชาติ ความเข้มข้นของน้ำแกง ไปจนถึงกลิ่นหอม ที่เกิดจากภูมิปัญญาไทย หยิบโน่นนิด หยิบนั่นหน่อย มาผสมผสานใส่ลงไปจนได้ทั้งรส เนื้อสัมผัส และกลิ่นที่ลงตัว และความ ‘โน่นนิด นั่นหน่อย’ ที่ว่านั้นส่วนใหญ่ก็คือเครื่องแกงที่ประกอบด้วยเครื่องเทศและสมุนไพรหลากหลายชนิด
เครื่องเทศในแกงไทยส่วนใหญ่จะคล้ายๆ กัน ต่างกันก็ตรงชนิดและปริมาณที่ผสม หลักๆ ก็คือหัวหอม กระเทียม ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด รากผักชี กระชาย พริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด ลูกผักชี ลูกยี่หร่า ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ลูกกระวาน ใบกระวาน กานพลู อบเชย ซึ่งสามารถนำไปปรุงเป็นแกงได้หลายอย่าง โดยน้ำพริกแกงแต่ละชนิดจะมีกลิ่นรสเฉพาะตัว แม้เครื่องเทศที่ใช้ผสมผสานกันจะมีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็ตาม
ภูมิปัญญาเรื่องอาหารของคนไทยนั้นต้องบอกว่าเป็นเลิศ ดูได้ง่ายๆ จากแค่เรื่องแกงไทยที่ใช้เครื่องแกงคล้ายกัน แค่ปรับเปลี่ยนหยิบบางอย่างออก เติมบางอย่างลงไป เปลี่ยนสัดส่วน ก็จะได้เครื่องแกงที่แตกต่างกันสำหรับแกงแต่ละชนิด ที่ก็หลากหลายตามเครื่องแกง ทั้งแกงคั่ว ที่เป็นแกงใส่กะทิและเนื้อสัตว์ แต่ที่เรียกแกงคั่วเพราะต้องคั่วน้ำพริกแกงกับกะทิให้หอมเสียก่อน จึงใส่เนื้อสัตว์และผักโรยหน้าด้วยใบมะกรูดฉีกหรือหั่นฝอย แกงเผ็ด เป็นแกงที่มีเครื่องแกงคั่ว มาเพิ่มเติมเมล็ดผักชีและเมล็ดยี่หร่าคั่วลงไปโขลกกับเครื่องแกงจะได้เครื่องแกงเผ็ด ถ้าเป็นแกงเผ็ดเนื้อ จะนิยมใส่ลูกจันทน์ลงไปด้วย และถ้าเป็นแกงเผ็ดปลา โดยเฉพาะปลาดุกจะเติมกระชาย
แกงเขียวหวาน มีเครื่องแกงเป็นแกงเผ็ด แต่ใช้พริกสดสีเขียวแทนพริกแห้ง จะได้แกงชนิดใหม่ที่มีชื่อเรียกว่าน้ำพริกแกงเขียวหวาน สีเขียวได้มาจากเนื้อพริก หรือถ้าต้องการให้สีของแกงเขียวแต่ไม่เผ็ด จะใช้ใบพริกโขลกลงไปด้วยเพื่อเพิ่มสีเขียว พะแนง เป็นแกงน้ำขลุกขลิกที่ใช้เครื่องแกงเหมือนแกงเผ็ด แต่เพิ่มถั่วลิสงคั่วป่นลงไป น้ำแกงมีลักษณะข้น แกงที่ผสมถั่วเป็นวัฒนธรรมอาหารของอินเดียตอนเหนือ ซึ่งไทยรับมาโดยดัดแปลงใส่กะทิแทนนมหรือนมเปรี้ยว แกงมัสมั่น ใช้เครื่องเทศเช่นเดียวกับแกงเผ็ด แต่ใช้เครื่องเทศจำนวนมาก และไม่ใส่ผิวมะกรูด ทั้งยังต้องมีการเผาหอมและกระเทียม คั่วข่า ตะไคร้ รากผักชีก่อนนำไปโขลก
สำหรับคนชอบอาหารรสจัด เนื้อข้น กลิ่นหอม เรามี 4 แกงไทยสุดเข้มข้น กลิ่นแรง เนื้อสัมผัสหนัก ที่นอกจากจะหนักเครื่องเทศแล้วยังเพิ่มเติมด้วยวัตถุดิบที่นำมาแกง อาทิ ไตปลา ปลาเค็ม กะทิ รับรองว่าจะต้องถูกปากคนชอบรสจัดกลิ่นชัดน้ำแกงนัว กินแล้วฟินไปหลายวัน
ถ้าไปนั่งรับประทานสวยๆ ตามร้านอาหาร คุณอาจไม่ต้องคิดมาก แต่สำหรับสายเข้าครัวทำอาหารกินเองแบบชาว KRUA.CO ความอร่อยนี้ก็บอกกันตรงๆ ว่าต้องแลกมาด้วยกลิ่นคาวของไตปลา กลิ่นปลาเค็ม กลิ่นหน่อไม้ดองที่ติดแน่นในภาชนะ ไม่รวมคราบมันจากกะทิและน้ำมัน แค่คิดก็เหนื่อยพาลให้ไม่อยากลงมือทำแล้วใช่ไหมคะ แต่ไม่ต้องห่วงไป เพราะเมื่อมาเสนอแล้วเราก็มีทางแก้ปัญหามาสนองด้วย กับตัวช่วยดีๆ อย่างน้ำยาล้างจานซันไลต์ พลัส โอดอร์ดีเฟนซ์ ที่มีส่วนผสมของชาเขียวญี่ปุ่นและเลมอน ช่วยขจัดคราบมัน คราบสกปรกและกลิ่นที่กำจัดยาก สะอาดเหมือนเดิม… เพิ่มเติมคือขจัดกลิ่นที่กำจัดยากได้ถึง 7 กลิ่น (กลิ่นคาวปลา เครื่องแกง กะปิ น้ำปลา ของทอด ไข่ และกระเทียม) มั่นใจได้เลยว่าจะไม่มีกลิ่นที่ฝังแน่นในภาชนะ หรือกลิ่นตกค้าง ทั้งทุ่นแรงขัดและเซฟเวลาไปได้เยอะ ทีนี้ก็ไม่ต้องกลัวกลิ่นกลัวคราบกันแล้ว เข้าครัว เปิดเตา แล้วลงมือปรุงแกงหม้อเด็ดได้เลย
อ้างอิง: ตำรับแกงไทย – ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน
#สะอาดเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือ ขจัดกลิ่นกำจัดยากได้ 7 กลิ่น #ซันไลต์พลัสโอดอร์ดีเฟนซ์ #Sunlight