“ย่างเข้าเดือนหกฝนก็ตกพรำพรำกบมันก็ร้องงึมงำระงมไปทั่วท้องนา” เมื่อเข้าหน้าฝนทีไรเพลงนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัวสมองทุกครา ยิ่งเมื่อได้กลิ่นดินหลังฝนตกใหม่ๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก หน้าฝนมาพร้อมความสดชื่นและมาพร้อมกับพืชผักต่างๆ นานาที่ผลิยอดออกมาให้ได้เด็ดกินกันแกล้มกับน้ำพริกถ้วยโปรดอย่างเอร็ดอร่อย และตามหนองน้ำหนองบึงก็เช่นกัน สายบัวช่วงหน้าฝนจะมีกลิ่นหอมกว่าช่วงอื่นๆ เพราะได้ความหอมจากน้ำฝนเมื่อนำมาทำขนมหรือทำอาหารก็จะหอมเป็นพิเศษ
พูดถึงสายบัวเราอาจนึกถึงแต่อาหารคาวเสียส่วนใหญ่ ทั้งแกงกะทิสายบัว ยำสายบัวกุ้งสดหรือตำสายบัว แต่จริงๆ แล้วสายบัวนำมาทำขนมได้เช่นกัน อย่างขนมสายบัว ขนมโบราณที่ใช้ชื่อตามวัตถุดิบเลย ลักษณะคล้ายขนมฟักทองนึ่ง ขนมกล้วยนึ่ง แต่ใช้สายบัวทำแล้วโรยหน้าด้วยมะพร้าวนึ่ง
นอกจากขนมสายบัว KRUA.CO ก็ได้ดัดแปลงขนมที่นำสายบัวมาทำได้อีกอย่าง คือ ‘ขนมโค’ ขนมพื้นบ้านทางภาคใต้ มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับขนมต้มของทางภาคกลาง แต่มีความแตกต่างอยู่ตรงที่ไส้ ซึ่งไส้ของขนมโคนั้นจะเป็นเพียงแค่น้ำตาลโตนดหั่นเป็นแว่น ห่อด้วยแป้ง นำไปต้มแล้วนำมาคลุกกับมะพร้าวนึ่ง ส่วนขนมต้มนั้นไส้เป็นมะพร้าวทึนทึกผัดกับน้ำตาลมะพร้าว ก่อนจะนำไปปั้นเป็นก้อนห่อด้วยแป้ง นำไปต้มและนำไปคลุกกับมะพร้าวนึ่งเช่นเดียวกัน เราจึงปรับเปลี่ยนเล็กน้อยนำสายบัวมาผสมทำเป็นไส้ด้วย โดยนำสายบัว มะพร้าวทึนทึก และน้ำตาลมะพร้าวมาผัดรวมกันให้แห้ง ปั้นเป็นก้อนแล้วนำมาห่อกับแป้งที่นวดเตรียมไว้ ซึ่งแป้งที่นวดเตรียมไว้นั้นก็เป็นแป้งที่ผสมกับน้ำอัญชัน น้ำใบเตย และมันเทศ เพื่อให้ได้สีสันสวยงามจากธรรมชาติ ก่อนนำไปต้มให้แป้งสุกตักขึ้นคลุกกับมะพร้าวทึนทึกที่คลุกกับเกลือเล็กน้อย แล้วจัดใส่จานเสิร์ฟ
เนื้อแป้งที่ต้มให้สุกแล้วนั้นจะมีความนุ่มเหนียว เมื่อกัดเข้าไปเจอกับไส้จะมีความหอมหวานจากส่วนผสมต่างๆ ตัดเค็มนิดๆ จากมะพร้าวทึนทึกที่คลุก สมัยก่อนมักจะเห็นเหล่าผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านกินเป็นขนม ของว่างระหว่างวันคู่กับชาจีน ร้อนๆ เข้ากันเป็นอย่างดี
