รวม 10 สูตรอาหารอินเดียรสจัดจ้านหอมเครื่องเทศพร้อมสูตรปานีร์และโรตี

186 VIEWS
PIN

image alternate text
10 สูตรอาหารอินเดียที่รับรองว่านอกจากจะกินง่าย รสชาติอร่อย หอมเครื่องเทศ ยังทำตามได้ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้

รวบรวมมาให้แล้วกับ 10 สูตรอาหารอินเดียที่รับรองว่านอกจากจะกินง่าย รสชาติอร่อย หอมเครื่องเทศ ยังทำตามได้ง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้ บางเมนูมีแค่ตะเกียบกับกระทะก็ทำได้แล้ว! และไม่ใช่แค่เมนู เรายังมีสูตรทำปานีร์ ชีสสดยืนหนึ่งที่พบเจอได้เสมอในอาหารอินเดีย และสูตรแป้งโรตีโฮมเมด ที่จะเอาไปทำเป็นของหวานแบบที่คุ้นเคยก็ได้ หรือจะนำมากินกับแกงอินเดียก็ได้ ครบจบหมดในนี้ เซฟไว้แล้วทำตามได้ครบมื้อแบบไม่ต้องไปหาซื้ออะไรเพิ่ม แถมน่ากินหมดเลยด้วยค่ะ

1. ปาณีร์

2. แป้งโรตีโฮมเมด

3. ปานีร์บัตเตอร์มาซาลา

4. ปานีร์ติกกา

5. ข้าวบริยานีไก่

6. บัตเตอร์ชิกเก้น

7. แกงไก่อินเดียในถ้วยแตง

8. แกงถั่วแดงแบบอินเดีย

9. แกงมะเขือยาวกับถั่วชิกพี

10. เคบับเนื้อและไก่

รวม 10 สูตรอาหารอินเดียรสจัดจ้านหอมเครื่องเทศพร้อมปานีร์และโรตี

สูตร ปานีร์

อาหารอินเดีย

ชีสสดสุดฮิตในอาหารอินเดียที่บางคนเรียกว่า ‘คอทเทจชีสสไตล์อินเดีย’ เพราะวิธีทำแทบจะเหมือนกัน เพียงแต่ปานีร์จะเอาตะกอนชีสมาอัดเป็นก้อนเดียวกันให้แน่น นมที่ใช้ทำจะใช้นมวัวหรือควาย นำมาใส่กรดธรรมชาติอย่างน้ำมะนาว ทำให้โปรตีนนมตกตะกอนและเซตตัวเป็นก้อน โดยไม่ต้องใช้เวลาหมัก ชีสจะมีสีขาวเหมือนนมวัว เนื้อเนียนแน่น แต่ไม่เหนียวยืด ไม่มีรสหรือกลิ่นแรงเหมือนชีสที่ผ่านการบ่ม

ส่วนผสม

นมสดชนิดจืด 8 ถ้วย (หรือ 2 ลิตร)

น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ

น้ำ ½ ถ้วย

อุปกรณ์ ผ้าขาวบาง (หรือผ้าเนื้อเรียบที่ไม่มีขน) ตะแกรง ครกหรือวัตถุที่มีน้ำหนักสำหรับทับชีส

วิธีทำ

1. เคี่ยวนม: เทนมสดทั้งหมดใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง ระหว่างที่นมยังไม่ร้อน ผสมน้ำมะนาวกับน้ำ คนให้เข้ากัน เตรียมไว้ พอนมเริ่มร้อน ใช้นิ้วจุ่มแล้วอุ่นๆ จับเวลา 10 นาที สาเหตุที่ต้องเคี่ยวนม เพื่อให้น้ำบางส่วนในนมระเหยไป ปานีร์ที่ได้จะแน่นและเข้มข้นขึ้น (ขั้นตอนนี้ระวังนมจะเดือดจนล้นหม้อ) เมื่อต้มนมครบเวลา สังเกตฟองนมจะเดือดเป็นฟองฟู ปิดไฟ

2. เติมน้ำมะนาว: ค่อยๆ เทน้ำมะนาวที่ละลายไว้ลงบนทัพพีให้กระทบหลังทัพพี เพื่อช่วยน้ำมะนาวกระจายบนผิวนมได้กว้างขึ้น คนให้เข้ากัน จะเห็นโปรตีนนมค่อยๆ ตกตะกอนแยกออกมา

3. กรอง: เทส่วนผสมทั้งหมดเพื่อกรองเอาเฉพาะตะกอนนมใส่ผ้าขาวบางไว้

4. รีดน้ำออก: เทน้ำดื่มสะอาดผ่านให้ทั่วตะกอนนม ช่วยให้หายร้อนเร็วขึ้น (หรือจะรวบห่อผ้าไปจุ่มล้างในน้ำเย็นก็ได้) รวบชายผ้าขาวบางขึ้น สะเด็ดน้ำให้มากที่สุด ม้วนบิดชายผ้าให้ชีสเกาะแน่นและเอาหางนมที่ผ้าดูดซับไว้ออก วางห่อชีสลงบนถาด ทับด้วยเขียงไม้และครกอีกที ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อรีดน้ำออกและให้ชีสแน่นขึ้น

5. พร้อมปรุง: หลังจากทับน้ำจนครบเวลาแล้วก็นำไปปรุงอาหารได้เลย ถ้าอยากให้ชีสแน่นและตัดได้ง่ายให้แช่ตู้เย็น 2-3 ชั่วโมงก่อน ชีสจะเฟิร์มขึ้นเวลาตัดแบ่งชิ้นจะไม่แตก

หมายเหตุ: ปานีร์เป็นชีสสด ใช้เวลาทำไม่นาน แนะนำให้ทำสดแล้วกินเลย เว้นแต่ว่าใช้ไม่หมดอยากจะเก็บไว้ใช้ต่อสัก 1-2 วัน ให้ใส่กล่องปิดฝาให้มิดชิด แต่ถ้าจะเก็บไว้นานกว่านั้นไม่เกิน 1 สัปดาห์ ให้ห่อปานีร์ด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ จะช่วยให้ชีสไม่แห้งแข็งเมื่อเจออากาศในตู้เย็น

ดูสูตรปานีร์

สูตร แป้งโรตีโฮมเมด

อาหารอินเดีย

อินเดียเรียกโรตีว่าจาปาตี (Chapatis) แปลว่าขนมปังแบนที่ไม่ขึ้นฟู นิยมกินเป็นอาหารหลักคู่กับแกงกะทิหรือแกงเผ็ดต่างๆ บางพื้นที่ก็เรียกโรตีที่นำมาแผ่ให้แบนเป็นแผ่นกลมว่าโรตีปราตา (Roti parathas) โรตีในไทยได้รับอิทธิพลมาจากชาวอินเดียและชาวมลายูที่เดินทางเข้ามา โดยมีการปรับเปลี่ยนและดัดแปลงรสชาติให้เข้ากับรสปากคนไทย สูตรนี้เป็นโรตีโฮมเมดทำเองง่ายๆ ใช้วัตถุดิบน้อย แต่อร่อยมาก

ส่วนผสม

แป้งโรตี (จำนวน 5 แผ่น)

แป้งสาลีอเนกประสงค์ร่อนแล้ว 250 กรัม

น้ำร้อน 80  กรัม

น้ำตาลทราย 25 กรัม

เกลือป่น 5  กรัม

นมสดชนิดจืด 110 กรัม

น้ำมันพืชและเนยสดชนิดจืดละลายสำหรับทาแป้งโรตี

น้ำมันพืชหรือมาการีนสำหรับทอด

อุปกรณ์จำเป็น  ที่ตัดแป้ง พลาสติกแรป และกระทะเทฟลอน

วิธีทำ

1. นวดและพักแป้ง: ใส่น้ำร้อนลงในแป้งสาลีอเนกประสงค์ ใช้ช้อนหรือไม้พายคนให้เข้ากัน แป้งที่ได้จะมีลักษณะเป็นเม็ดร่วนๆ ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่นและนมสดชนิดจืด ใช้มือนวดแป้งไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 -10 นาที ช่วงแรกแป้งจะมีความแฉะและติดมืออยู่ ให้นวดจนแป้งเนียนไม่ติดมือหรือติดอ่างผสม มีความยืดหยุ่นสามารถขึงแป้งเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ ได้ (แต่จะไม่บางเท่ากับแป้งขนมปัง) รวบแป้งเป็นก้อนกลมใส่ลงในอ่างผสม ทาด้วยน้ำมันพืชบางๆ คลุมพลาสติกแรปหรือผ้าชุบน้ำบิดหมาด พักแป้งไว้ที่อุณหภูมิห้องนาน 1.30 ชั่วโมง

2. แบ่งแป้งและพัก: เมื่อครบเวลาแบ่งแป้งออก เป็น 5 ก้อน ก้อนละ (90 กรัม) ใช้มือคลึงเป็นก้อนกลม วางเรียงใส่ถาดหรือภาชนะที่ทาด้วยน้ำมัน ทาก้อนแป้งด้วยน้ำมันบางๆ ให้ทั่ว ปิดพลาสติกแรป พักไว้ที่อุณหภูมห้องอีก 1 ชั่วโมง

3. ขึ้นรูปแป้ง: ใช้มือแตะน้ำมันเล็กน้อย จากนั้นกดและแผ่ก้อนแป้งให้แบน ทำมือคว่ำและหงายสลับกัน ใช้มือทั้งสองข้างจับแป้งแล้วฟาดลงกับโต๊ะ ดึงเล็กน้อยให้แป้งยืด หมุนแป้งแล้วจับแป้งฟาดใหม่ ทำเช่นนี้จนแป้งโรตีบางใสและมีขนาดใหญ่กว่าเดิม 2-3 เท่า (แป้งยิ่งบางยิ่งกรอบ) จับขอบแป้งให้ตึง ทาด้วยน้ำมันหรือเนยละลายบางๆ ให้ทั่ว

4. เตรียมแป้งสำหรับทอด: พับแป้งให้มาทับกันตรงกลาง ยกแป้งขึ้นแล้วม้วนขดเป็นวงกลม เก็บปลายแป้งให้เรียบร้อย วางเรียงในถาดหรือจาน ปิดพลาสติกแรป พักไว้ 15 นาทีเพื่อให้แป้งคลายตัว

5. ทอดแป้ง: ตั้งกระทะบนไฟกลางค่อนอ่อน ใส่น้ำมันพืชหรือมาการีนแล้วแต่ความชอบ พอเริ่มร้อน ใช้มือกดแป้งโรตีที่พักไว้ให้แผ่ออกเป็นแผ่นกลม (ถ้าใครชอบกรอบๆ แนะนำให้แผ่บางๆ) นำลงทอดจนสุกกรอบสีเหลืองสวยทั้งสองด้าน ตักขึ้น วางบนเขียงหรือพื้นโต๊ะที่สะอาด ใช้มือตบแป้งเข้าหากันตอนร้อนๆ จะทำให้แป้งแตกชั้นและกรอบมากขึ้น

หมายเหตุ:

– การใส่น้ำร้อนลงในแป้งจะทำให้แป้งสุกเป็นเจล เกิดกระบวนการที่เรียกว่า ‘เจลาติไนซ์เซชั่น’ แป้งจะเก็บกักน้ำและความชื้นไว้ในตัวเอง ช่วยให้แป้งโรตีมีความนุ่มเหนียวและยืดหยุ่นได้ดี และ

– แป้งสาลีอเนกประสงค์จะให้เนื้อโรตีที่กรอบร่วนกำลังดีมากกว่าการใช้แป้งขนมปัง

– เมื่อแบ่งแป้งเป็นก้อนกลมเล็กๆ และทาด้วยน้ำมันให้ทั่วแล้ว ถ้ายังไม่ขึ้นรูปสามารถเก็บแป้งใส่ภาชนะที่มีฝาปิด แช่ไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาได้ เมื่อจะใช้ให้นำแป้งมาพักไว้ให้คลายตัวในอุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาทีก่อนขึ้นรูป

– การพักแป้งเป็นสิ่งที่สำคัญ ยิ่งนานยิ่งทำให้กลูเตนในแป้งคลายตัวและมีความยืดหยุ่นดี

– ถ้าฟาดแป้งแล้วขาดให้ค่อยๆ ดึงขอบแป้งส่วนที่ยังหนาให้ยืดออกจนแป้งบาง

ดูสูตรแป้งโรตีโฮมเมด

สูตร ปานีร์บัตเตอร์มาซาลา

อาหารอินเดีย

บัตเตอร์มาซาลาเป็นแกงอินเดียที่กินง่าย รสชาติคล้ายพาสต้าซอสมะเขือเทศ กินคู่กับขนมปังนาน ใครอยากลองกินอาหารอินเดียแบบกลิ่นเครื่องเทศไม่จัดจ้านควรลอง สูตรนี้มีความพิเศษตรงที่เอาใจสายมังสวิรัติด้วยการใช้ปานีร์แทนเนื้อไก่

ส่วนผสม

น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

ปานีร์หั่นเต๋า 2 ซม. 120 กรัม

หอมแขกสับละเอียด 1 ถ้วย

กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา

ขิงสับละเอียด 1 ช้อนชา

พริกป่น (Kashmiri red chili powder) 1 1/2 ช้อนชา

การัมมาซาลา (garam masala) 1 1/4 ช้อนชา

ผงขมิ้น 1 ช้อนชา

ลูกผักชีปั่น 1 ช้อนชา

ยี่หร่าป่น 1 ช้อนชา

น้ำ 1 1/2 ถ้วย

มะเขือเทศเพียวเรกระป๋อง 3/4 ถ้วย

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1/2 ถ้วย

เกลือสมุทร 1/2 + 1/8 ช้อนชา

วิปปิ้งครีม 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำเลมอน 1-2 ช้อนโต๊ะ

ผักชีซอย 1/4 ถ้วย

ผักชีซอยและวิปปิ้งครีมสำหรับแต่งหน้า

ขนมปังนานสำหรับจัดเสิร์ฟ

อุปกรณ์ เครื่องปั่นน้ำ

วิธีทำ

1. ทอดปานีร์: ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ พอน้ำมันร้อนใส่ปานีร์ลงทอดพอเหลืองครบทุกด้าน ตักขึ้น พักไว้

2. ผัดและเคี่ยวส่วนผสม: ใส่น้ำมันพืชที่เหลือลงในกระทะ ตั้งกระทะบนไฟกลาง ตามด้วยหอมแขก ผัดจนหอมแขกสลดลงแล้วจึงใส่กระเทียมและขิง ผัดให้หอมใส่พริกป่น การัมมาซาลา ผงขมิ้น ลูกผักชี และยี่หร่า ผัดจนเครื่องเทศส่งกลิ่นหอม ใส่น้ำ มะเขือเทศเพียวเร (หรือจะใส่มะเขือเทศสดลอกเปลือกสับละเอียดประมาณ 4 ลูก) เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เกลือป่น เคี่ยวประมาณ 20 นาทีจนเม็ดมะม่วงเริ่มสุกนุ่ม นำไปปั่นในโถปั่นน้ำ จนเนื้อเนียนละเอียด เทส่วนผสมกลับลงหม้อ ใส่วิปปิ้งครีมและปานีร์ทอด เคี่ยวพอเดือด ใส่น้ำเลมอนและผักชีซอย คนให้เข้ากัน ปิดไฟ

3. เสิร์ฟ: ตักปานีร์บัตเตอร์มาซาลาใส่ชาม โรยตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีมและผักชีซอย เสิร์ฟคู่กับขนมปังนานย่างอุ่นๆ เวลารับประทานฉีกขนมปังเป็นชิ้นพอคำ จิ้มกับปานีร์บัตเตอร์มาซาลา

ดูสูตรปานีร์บัตเตอร์มาซาลา

สูตร ปานีร์ติกกา

อาหารอินเดีย

ทำง่ายๆ โดยเอาปานีร์มาหมักกับเครื่องเทศผสมโยเกิร์ต โยเกิร์ตจะเป็นตัวเชื่อมให้เครื่องเทศซึมเข้าเนื้อปานีร์ เหมือนเวลาเราหมักไก่ทันดูรี แต่ใช้ชีสปานีร์แทนไก่ แล้วนำมาเสียบไม้ย่าง เวลาย่างผิวปานีร์จะแห้งและหอมเครื่องเทศสุดๆ ใครหาซื้อผงหมักไก่ทันดูรีได้ยิ่งดี จะได้ไม่ต้องผสมเครื่องเทศหลายชนิดเอง

ส่วนผสม

ปานีร์หั่นเต๋า 1 นิ้ว 240 กรัม

พริกหวานสีแดงหั่นเต๋า 1 นิ้ว 1/2 ลูก

พริกหวานสีเหลืองหั่นเต๋า 1 นิ้ว 1/2 ลูก

หอมแขก (หัวละ 50 กรัม) หั่นเต๋า 1 นิ้ว 2 หัว

น้ำมันพืชสำหรับทากระทะ

เครื่องหมัก

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2/3 ถ้วย

กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนชา

ขิงขูด 2 ช้อนชา

พริกป่น (Kashmiri red chili powder) 4 ช้อนชา

ลูกผักชีป่น 2 ช้อนชา

ขมิ้นผง 1 ช้อนชา

การัมมาซาลา (garam masala) 1 ช้อนชา

ยี่หร่าป่น 2 ช้อนชา

ชัดมาซาลา (chat masala) 2 ช้อนชา

Ajwain (carom seed) 1 ช้อนชา

เกลือสมุทร 1 1/2 ช้อนชา

น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

ชัดนีผักชี

ผักชี 6 ต้น

พริกขี้หนูสีเขียวเม็ดใหญ่ 4 เม็ด

ขิงแก่สับละเอียด 1/2 ช้อนโต๊ะ

ผงขมิ้น 1/4 ช้อนชา

ชัดมาซาลา (chat masala) 1/8 ช้อนชา

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/4 ถ้วย

เกลือสมุทร 1/2 ช้อนชา

น้ำเลมอน 2 ช้อนชา

น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา

อุปกรณ์ เครื่องปั่นอาหาร (โถขนาดเล็ก) ไม้ปลายแหลมยาว 6 นิ้ว

วิธีทำ

1. เตรียมเครื่องหมัก: ใส่ทุกอย่างลงในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ใส่ปานีร์ พริกหวาน และหอมแขกลงในอ่างเครื่องหมัก เคล้าให้เข้ากัน นำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา หมักทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง

2. ทำชัดนีผักชี: ล้างผักชีให้สะอาด ตัดรากผักชีออก (เก็บไว้ทำอาหารอย่างอื่น) ซอยผักชีหยาบๆ เตรียมไว้ ส่วนพริกขี้หนูเด็ดขั้วทิ้ง ซอยหยาบๆ ใส่ผักชีซอย พริกขี้หนูซอย ขิง ผงขมิ้น ชัดมาซาลา โยเกิร์ต เกลือป่น น้ำเลมอน และน้ำตาลทรายลงในโถปั่น ปั่นทุกอย่างจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่ถ้วย เตรียมไว้

3. เสียบไม้: นำปานีร์และผักที่หมักไว้ออกจากตู้เย็น นำปานีร์และผักมาเสียบไม้สลับกันตามชอบ

4. ย่าง: ตั้งกระทะเทฟลอนบนไฟกลาง ทาน้ำมันพืชให้ทั่วกระทะ พอกระทะร้อนนำปานีร์ติกกาลงย่าง หมั่นพลิกทีละด้านจนผิวปานีร์และผักเกรียมเหลือง ปิดไฟ

5. เสิร์ฟ: จัดปานีร์ติกกาใส่จาน เสิร์ฟกับชัดนีผักชี

หมายเหตุ:

– Ajwain หรือ Carom Seeds หรือเทียนเยาวพาณี เครื่องเทศรูปทรงคล้ายเมล็ดยี่หร่าแต่มีขนาดสั้น ป้อมกลมกว่า สีน้ำตาล กลิ่นหอมฉุนอ่อนๆ ขมนิดๆ นิยมนำมาคั่วก่อนนำไปปรุงอาหาร หรือใส่เป็นส่วนประกอบแป้งต่างๆ เช่น pharatha samosa mathi หรือบางคนใส่ในแกงกะหรี่

 – Chat masala เป็นเครื่องเทศผสมลูกผักชี ยี่หร่า พริกป่น ขิง เทียนข้าวเปลือก ที่สำคัญ โดดเด่นตรงที่มีรสเปรี้ยวจากผงมะม่วง มีกลิ่นหอมจากเกลือดำ นิยมปรุงในเมนูที่ต้องการความเปรี้ยวสดชื่น

ดูสูตรปานีร์ติกกา

สูตร ข้าวบริยานี

อาหารอินเดีย

อาหารที่กินทั่วไปในอินเดีย นิยมปรุงกับเนื้อสัตว์ไม่ว่าจะเป็นเเพะ ไก่ กุ้ง หรือปลา หอมกลิ่นเครื่องเทศนานาชนิดทั้งกระวานเขียว ยี่หร่า การัมมาซาลา ใบกระวาน เอกลักษณ์อยู่ที่การใช้ข้าวบาสมาติ ข้าวเม็ดเรียวยาวมาต้มกับเครื่องเทศสมุนไพรจนพอสุกเป็นตากบ นำมาอบกับไก่ที่เคี่ยวมาเเล้วให้สุกอย่างช้าๆ เสิร์ฟโดยตักข้าวจากก้นกระทะขึ้นมา ห้ามคนรวมกัน

ส่วนผสม

น้ำ 1.6 ลิตร

กระวานเขียว 5 เม็ด

ยี่หร่าเม็ด ½ ช้อนชา

พริกไทยดำเม็ด ½ ช้อนชา

ลูกผักชี ½ ช้อนชา

อบเชยแท่ง 1 แท่ง

เกลือสมุทร 1½ ช้อนชา

น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

ข้าวบาสมาติ (Basmati rice) 400 กรัม

หอมเจียว 1 ถ้วย

เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ ½ ถ้วย

พริกป่นอินเดีย (Kashmiri red chili powder) ½ ช้อนชา

เนยสดชนิดจืดละลาย 3 ช้อนโต๊ะ

ใบสะระแหน่ซอย ¼ ถ้วย

ผักชีซอย ¼ ถ้วย

หอมเจียว พริกป่นอินเดีย ผักชีและใบสะระแหน่ซอย สำหรับตกแต่ง

ไก่ผัดเครื่องเทศ

สะโพกไก่ 3 ชิ้น

น่องไก่ 3 ชิ้น

โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ½ ถ้วย

กระเทียมกลีบใหญ่ขูด 1 ช้อนโต๊ะ

ขิงแก่ขูด 1 ช้อนโต๊ะ

พริกป่นอินเดีย 2 ช้อนชา

ลูกผักชีป่น 2 ช้อนชา

ผงขมิ้น ½ ช้อนชา

เกลือสมุทร 2½ ช้อนชา

น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

เนยสดชนิดจืด 1 ช้อนโต๊ะ

หอมแขกซอยเส้น 2 ลูก

ใบกระวาน 3 ใบ

การัมมาซาลา (garam masala) 2 ช้อนชา

มะเขือเทศเอาเม็ดออกหั่นเต๋าเล็ก 3 ลูก

พริกจินดาสีเขียวผ่าครึ่งตามยาว 3 เม็ด

ผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ

ใบสะระแหน่ซอย 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.หมักไก่: หมักไก่สำหรับทำไก่ผัดเครื่องเทศโดยหั่นหนังส่วนเกินของสะโพกไก่ออก หั่นครึ่งเป็นชิ้นใหญ่ ใส่สะโพกและน่องไก่ลงในอ่างผสม ตามด้วยโยเกิร์ตรสธรรมชาติ กระเทียมขูด ขิงขูด พริกป่นอินเดีย ลูกผักชีป่น และผงขมิ้น ปรุงรสด้วยเกลือสมุทร 1 ช้อนชา ใช้มือนวดให้ซอสหมักเคลือบชิ้นไก่ทั่ว ปิดพลาสติกแรป หมักทิ้งไว้นอกตู้เย็นประมาณ 30 นาที

2.หุงข้าว: หุงข้าวบาสมาติโดยใส่น้ำลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง ใส่กระวานเขียว ยี่หร่าเม็ด พริกไทยดำ ลูกผักชี อบเชย เกลือสมุทรและน้ำมันพืชลงในหม้อ จากนั้นซาวข้าวบาสมาติประมาณ 2-3 รอบให้สะอาด กรองน้ำออก พอน้ำเดือด ใส่ข้าวบาสมาติ หมั่นคนเพื่อไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อ ต้มนาน 10 นาที จนข้าวสุกบาน (ประมาณ 70%) กรองน้ำออก พักข้าวไว้ในกระชอน

3.ผัดและเคี่ยวไก่: เมื่อครบเวลาหมักไก่ ตั้งกระทะใบใหญ่บนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชและเนย พอเริ่มร้อน ใส่หอมแขกซอย เกลือสมุทรเล็กน้อยและใบกระวานลงผัดจนหอมสุกใสและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล เร่งเป็นไฟแรง ใส่ไก่ที่หมักไว้และการัมมาซาลา ผัดให้เข้ากันและสีไก่สวย ใส่มะเขือเทศ พริกจินดาสีเขียว ผักชีและใบสะระแหน่ซอย ผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือที่เหลือ ลดเป็นไฟอ่อน ปิดฝา เคี่ยวไก่นาน 15 นาทีจนไก่นุ่ม จากนั้นเปิดฝา เคี่ยวต่ออีก 5 นาที ปิดไฟ

4.อบข้าวกับไก่: หยิบอบเชยแท่ง กระวานเขียว และเม็ดพริกไทยดำออกจากข้าวที่หุงไว้ ตักข้าวบาสมาติครึ่งหนึ่งเกลี่ยลงในกระทะไก่ แบ่งเครื่องโรยอย่างหอมเจียว เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พริกป่นอินเดีย เนยละลาย ใบสะแหน่และผักชีซอยครึ่งหนึ่งโรยบนข้าวให้ทั่ว ตักข้าวที่เหลือใส่ด้านบนเกลี่ยให้กระจายทั่ว โรยด้วยเครื่องโรยอีกครั้ง ปิดฝา เปิดไฟอ่อน อบข้าวต่อประมาณ 10-15 นาทีจนสุกหอม

5.เสิร์ฟ: ตักข้าวบรียานีใส่จาน โรยหอมเจียว พริกป่นอินเดีย ผักชีและใบสะระแหน่ซอย เสิร์ฟ

ดูสูตรข้าวบริยานี

สูตร บัตเตอร์ชิกเก้น

อาหารอินเดีย

เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอินเดีย และในปัจจุบันก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เนื่องจากมีรสชาติไม่จัดจ้าน เผ็ดน้อย มีความละมุน หอมเครื่องเทศต่างๆ จากการผัด และยังหอมมันจากเนยเเละเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กินคู่กับขนมปังพิตต้าหรือข้าวสวยร้อนๆ ก็อร่อยไม่เเพ้กัน

ส่วนผสม

เนื้อสะโพกไก่หั่นชิ้นพอคำ 800 กรัม

กระเทียมขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

ขิงแก่ขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ

พริกป่นละเอียด (Chili powder) 1 ช้อนโต๊ะ

พริกดำบดใหม่ 1/2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ

ซอส

น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ

เนยสดชนิดจืด 5 ช้อนโต๊ะ

หอมใหญ่สับหยาบ 1 ลูก

กระเทียมขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

ขิงแก่ขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ

การัม มาซาล่า (Garam masala) 1 ช้อนโต๊ะ

พริกป่นละเอียด (Chili powder) 1 ช้อนโต๊ะ

ยี่หร่าป่น 1 ช้อนชา

ขมิ้นป่น 1/4 ช้อนชา

มะเขือเทศท้อสับหยาบ 400 กรัม

เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1/2 ถ้วย

เกลือสมุทร 1 ช้อนชา+1/4 ช้อนชา

พริกไทยดำบดใหม่ 1/4 ช้อนชา

น้ำ 1 ถ้วย

ผักชี 1 ต้น

วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย

ผักชีสับหยาบ 1/4 ถ้วย

วิปปิ้งครีมและใบผักชีสำหรับตกแต่ง

ขนมปังพิตต้า โรตีทอดกรอบ มะนาว และซาว์ครีมสำหรับจัดเสิร์ฟ

วิธีทำ

1. หมักไก่: ผสมเนื้อไก่ กระเทียม ขิง เกลือสมุทร พริกป่นละเอียด และพริกไทยดำป่นในอ่างผสม นวดให้เข้ากันกับเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 15-20 นาที

2. ผัดไก่: ตั้งกระทะน้ำมันมะกอกบนไฟกลาง นำไก่ลงผัดในกระทะให้สีสวยและสุกประมาณ 80% ตักไก่ขึ้นใส่ถ้วย พักไว้

3. ทำซอส: ในกระทะใบเดิมที่ผัดไก่บนไฟกลาง ใส่น้ำมันมะกอกและเนย 2 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ ใส่หอมใหญ่ลงผัด ตามด้วยกระเทียม ขิง การัมมาซาล่า พริกป่นละเอียด ยี่หร่าและขมิ้น ลดเป็นไฟ่อ่อนผัดจนหอมเครื่องเทศ ใส่มะเขือเทศและเม็ดมะม่วงลงผัดพอหอม ปรุงรสด้วยเกลือสมุทรและพริกไทยดำ เติมน้ำและผักชี ปิดฝาเคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 15 นาทีจนทุกอย่างสุกนุ่ม

4. เคี่ยวไก่กับซอส: นำซอสไปปั่นให้ละเอียด แล้วกรองออกกากออก เทซอสใส่ลงกลับลงในกระทะ ตั้งบนไฟกลางค่อนอ่อน ใส่ไก่ที่ทอดไว้กลับลงไป ปิดฝาเคี่ยวต่ออีก 10 นาทีจนทุกอย่างเข้ากันดี จึงใส่วิปปิ้งครีม และเนยที่เหลือคนให้เข้ากัน ปิดไฟ

5. เสิร์ฟ: ตักบัตเตอร์ชิกเก้นใส่จาน แต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีมและใบผักชี เสิร์ฟกับขนมปังพิตต้า โรตีทอดกรอบ มะนาว และซาวร์ครีม

ดูสูตรบัตเตอร์ชิกเก้น

สูตร แกงไก่อินเดียในถ้วยแตง

อาหารอินเดีย

แกงไก่แบบไทย ๆ ก็กินบ่อยแล้ว ลองมาทำแกงไก่สไตล์อินเดียบ้างดีกว่า เสิร์ฟมาในถ้วยแตงกวา เวลากินเข้าไปได้ความเผ็ดร้อนแบบเครื่องแกงอินเดีย ตัดด้วยความเย็นเนื้อกรอบฉ่ำของแตง หรือหากใครจะแกงแล้วกินคู่กับข้าวแบบอินเดียหรือแป้งโรตีแป้งนานก็ได้เช่นกัน

ส่วนผสม

แตงร้าน 2-3 ลูก

เนยสดชนิดจืด ½ ช้อนโต๊ะ

หอมใหญ่สับละเอียด ¼ ถ้วย

มะเขือเทศสับละเอียด 25 กรัม

เครื่องแกงอินเดีย Madrasสำเร็จรูป (1 ซอง) 50 กรัม

ยี่หร่าคั่วป่น ½ ช้อนชา

น้ำ ¼ ถ้วย

เนื้ออกไก่หั่นลูกเต๋าเล็ก 150 กรัม

เกลือป่น ¼ ช้อนชา

น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา

วิปปิ้งครีม 2 ช้อนโต๊ะ

ใบผักชีสับหยาบ 1 ½ ช้อนโต๊ะ

โยเกิร์ตรสธรรมชาติสำหรับตกแต่ง

ช้อนคว้านรูปกลม (Parisienne scoop) สำหรับคว้านแตงกวา

วิธีทำ

1. เตรียมแตง: ล้างแตงร้านให้สะอาด ใช้ที่ขูดปอกเปลือกแตงร้านให้เป็นร่อง หั่นเป็นท่อน สูงประมาณ2 ซม. ใช้ช้อนคว้านรูปกลมคว้านเนื้อแตงร้านออกให้มีลักษณะเป็นถ้วย เรียงถ้วยแตงใส่จานปิดด้วยพลาสติกแร็ป นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา เตรียมไว้

2. ผัดไก่: ตั้งกระทะเนยบนไฟกลาง พอเนยเริ่มละลายใส่หอมใหญ่และมะเขือเทศลงผัดประมาณ 3 นาทีพอสุกนุ่ม ใส่เครื่องแกงอินเดียลงผัดพอหอม ใส่ยี่หร่าและน้ำ คนพอทั่ว ใส่เนื้ออกไก่ผัดเคล้าให้ทั่วจนเนื้อไก่สุกและเครื่องแกงซึมเข้าเนื้อ ประมาณ 4-5 นาที ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาลและวิปปิ้งครีม ปิดไฟ ตักขึ้น พักไว้

3. เสิร์ฟ: โรยใบผักชีสับลงในแกงคนพอเข้ากัน ตักแกงไก่อินเดียใส่ในถ้วยแตงร้าน หยอดหน้าด้วยโยเกิร์ต เสิร์ฟทันที

ดูสูตรแกงไก่อินเดียในถ้วยแตง

สูตร แกงถั่วแดงแบบอินเดีย

อาหารอินเดีย

แกงถั่วแบบอินเดียสูตรนี้เลือกใช้ถั่วแดงเป็นพระเอกของเมนู ถั่วแดงต้มจนสุกดีผัดกับหอมแขกและมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยเครื่องเทศแบบฉบับอินเดียอย่างผงขมิ้น เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกป่นอินเดีย เคี่ยวให้ส่วนผสมสุกนุ่ม จากนั้นจึงใส่ผักชีปิดท้าย กินคู่กับแป้งโรตีทอด

ส่วนผสม

น้ำมันมะกอก ¼ ถ้วย

หอมแขกสับ (50 กรัม) 1 หัว

มะเขือเทศ (ลูกละ 100 กรัม)หั่นชิ้นเล็ก 3 ลูก

ผงขมิ้น ¼ ช้อนชา

พริกป่นอินเดีย ½ ช้อนชา

น้ำ 1½ ถ้วย

ถั่วแดงหลวงต้มสุก 150 กรัม

ผักชีหั่น 2 ช้อนโต๊ะ

เกลือสมุทร (ดอกเกลือ) ½-1 ช้อนชา

ผักชีหั่นและหอมแดงเจียวสำหรับโรย

ผักชีและพริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแว่นสำหรับตกแต่ง

โรตีปิ้งหรือโรตีทอดสำหรับจัดเสิร์ฟ

เครื่องเคียงมีแตงร้านหั่นแว่นมะเขือเทศหั่นแว่น ผักชี

วิธีทำ

1. ปรุง: ตั้งกระทะน้ำมันมะกอกบนไฟอ่อน พอร้อนใส่หอมแขกลงผัดจนสุกนุ่มและมีกลิ่นหอมจึงใส่มะเขือเทศ ผงขมิ้น และพริกป่นอินเดียผัดพอทั่ว ใส่น้ำและถั่วแดงหลวงต้ม ผัดให้เข้ากัน เคี่ยวนาน 10-15 นาที จนมะเขือเทศและถั่วแดงสุกนุ่ม ใส่ผักชี และเกลือ คนให้ทั่ว เคี่ยวต่อจนน้ำงวด มะเขือเทศเละ และมีมันสีแดงลอยหน้า ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม กลมกล่อม หวานหอมแขก ปิดไฟ

2. เสิร์ฟ: ตักใส่ถ้วย โรยผักชีและหอมแดงเจียว ตกแต่งด้วยผักชีและพริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแว่น เสิร์ฟร้อนๆพร้อมกับโรตีปิ้งหรือโรตีทอดและเครื่องเคียง

หมายเหตุ: วิธีการต้มถั่วแดง ทำโดยล้างถั่วแดงในน้ำที่ใส่เกลือเล็กน้อย ล้างน้ำหลายๆ ครั้งจนน้ำใสสะอาดจึงแช่ถั่วแดงในน้ำพอท่วมพร้อมกับใส่ถ่านหุงต้มลงไปสัก 1-2 ก้อน เพื่อช่วยดูดกลิ่น แช่น้ำนาน 7-8ชั่วโมง หรือจนเม็ดถั่วแดงอิ่มน้ำเต็มที่ เม็ดถั่วจะอ้วนตึง จึงนำก้อนถ่านออก ล้างน้ำอีกครั้งจนสะอาดพักถั่วแดงในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นต้มน้ำในหม้อด้วยไฟกลางพอร้อน ใส่ถั่วแดงลงต้ม ใส่เกลือสมุทร (ดอกเกลือ) พอเดือด ลดเป็นไฟอ่อน ต้มจนเดือด เติมน้ำจนน้ำหายเดือด ต้มต่อจนน้ำเดือดแล้วเติมน้ำ ทำเช่นนี้จนถั่วสุกนุ่ม ตักถั่วแดงต้มใส่อ่างผสม แล้วใส่น้ำจนน้ำเย็น พักถั่วแดงต้มในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ

ดูสูตรแกงถั่วแดงแบบอินเดีย

สูตร แกงมะเขือยาวกับถั่วชิกพี

อาหารอินเดีย

แกงอินเดียที่มีกลิ่นเครื่องเทศหอมๆ อย่างขมิ้น มีมะเขือยาวนุ่มๆ ที่อยู่ในน้ำแกงรสกลมกล่อม และความมันจากถั่วชิกพี ที่ไม่ว่าจะกินกับข้าวหรือกินกับแป้งนานหรือแป้งโรตีก็อร่อย

ส่วนผสม

มะเขือยาว (250 กรัม) 1 ลูก

น้ำมันมะกอกหรือเนยอินเดีย (Ghee) 1/4 ถ้วย

หอมใหญ่ (100 กรัม) หั่นบาง 1 หัว

มะเขือเทศ (ลูกละ 100 กรัม)ลวกแล้วลอกเปลือกออกหั่นชิ้น 4 ลูก

ผงขมิ้น 1/4 ช้อนชา

พริกป่นอินเดีย 1 ช้อนชา

น้ำ 1 1/2 ถ้วย

ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือสมุทร (ดอกเกลือ) 1 ช้อนชา

ถั่วชิกพีต้มสุก 200 กรัม

มันฝรั่งต้มสุก (80 กรัม)เอาเปลือกออก 1 หัว

ขิงอ่อนหั่นเส้น 1 ช้อนโต๊ะ

พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบ 1 เม็ด

ผักชีสำหรับตกแต่ง

วิธีทำ

1. เตรียมมะเขือยาว: ล้างมะเขือยาว หั่นท่อนยาว 2.5 นิ้วแล้วหั่นเสี้ยวกว้าง 0.5 นิ้ว ใส่ลงแช่ในอ่างน้ำเกลือเจือจางเพื่อไม่ให้ดำ เตรียมไว้

2. ปรุงและเคี่ยว: ตั้งกระทะน้ำมันมะกอกหรือเนยอินเดียบนไฟกลางค่อนข้างอ่อน พอร้อนใส่หอมใหญ่ผัดจนสุกใสและนุ่ม ใส่มะเขือเทศ ผงขมิ้นพริกป่นอินเดีย ½ ช้อนชา ผัดพอทั่ว ใส่น้ำ½ ถ้วย คนให้เข้ากัน เคี่ยวจนมะเขือเทศสุกนุ่ม ใส่ผักชี และเกลือ คนให้ทั่ว เคี่ยวต่อจนน้ำงวด ใส่พริกป่นอินเดียที่เหลือ เคี่ยวต่อจนมะเขือเทศเละและมีมันสีแดงลอยหน้า ใส่ถั่วชิกพีต้ม มะเขือยาว ผัดพอเข้ากันทั่ว ปิดฝานานประมาณ 5 นาที เปิดฝา ใส่น้ำที่เหลือผัดให้ทั่ว ปิดฝา เคี่ยวต่อจนมะเขือยาวสุกนุ่มจากนั้นใช้มือบีบบี้มันฝรั่งต้มทั้งหัวเป็นชิ้นเล็กใส่ลงในกระทะ ผัดจนทั่ว ใส่ขิง และพริกชี้ฟ้าผัดพอเข้ากัน ปิดไฟ

3. เสิร์ฟ: ตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยผักชี เสิร์ฟร้อนๆ

ดูสูตรแกงมะเขือยาวกับถั่วชิกพี

สูตร เคบับเนื้อและไก่

อาหารอินเดีย

เคบับ หรือ กะบับ (kabab) เมนูที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี แต่สูตรนี้มีการพลิกแพลงเล็กน้อยเพราะอยากทำเคบับที่สามารถทำเองได้ที่บ้านให้ออกมาคล้ายที่ร้านแต่ไม่ต้องไปซื้อร้าน โดยที่ใช้แค่ตะเกียบและกระทะเท่านั้น พร้อมซอสชัดนีสุดอร่อยและเนื้อสัตว์ให้เลือกตามชอบทั้งเนื้อและไก่

ส่วนผสม

น้ำมันพืชสำหรับย่างเคบับ

แป้งนาน เลมอนหั่นเสี้ยว มะเขือเทศเนื้อหั่นแว่น หอมแขกหั่นแว่น ใบสะระแหน่และผักชี สำหรับจัดเสิร์ฟ

ซอสกระเทียม (Toum sauce)

ไข่ขาว 1 ฟอง

กระเทียมไทยแกะเปลือก 10 กลีบ

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

กรีนชัดนี (green chutney)

ผักชีซอย 1/2 ถ้วย

ใบสะระแหน่ 1/2 ถ้วย

น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

พริกจินดาเขียว 4 เม็ด

กระเทียมไทยแกะเปลือก 5 กลีบ

เกลือป่น 1/4 ช้อนชา

น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ

เคบับเนื้อ

เนื้อวัวส่วนสะโพก 300 กรัม

กระเทียมไทยแกะเปลือก 10 กลีบ

ขิงแก่หั่นแว่น 3 แว่น

หอมแขกหั่นเสี้ยว 1/2 หัว

พริกจินดาเขียว 2 เม็ด

ใบสะระแหน่ 1 ช้อนโต๊ะ

ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ

การัมมาซาลา 2 ช้อนชา

ลูกผักชีคั่วป่น 1/2 ช้อนชา

ยี่หร่าป่น 1/2 ช้อนชา

พริกป่นอินเดีย 2 ช้อนชา

พริกป่น 1 ช้อนชา

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา

เนยกี 2 ช้อนโต๊ะ

เคบับไก่

อกไก่เอาหนังออก 300 กรัม

กระเทียมไทยแกะเปลือก 10 กลีบ

ขิงแก่หั่นแว่น 3 แว่น

หอมแขกหั่นเสี้ยว 1/2 หัว

พริกจินดาเขียว 2 เม็ด

ใบสะระแหน่ 1 ช้อนโต๊ะ

ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ

การัมมาซาลา 2 ช้อนชา

ลูกผักชีคั่วป่น 1/2 ช้อนชา

ยี่หร่าป่น 1/2 ช้อนชา

พริกป่นอินเดีย 2 ช้อนชา

พริกป่น 1 ช้อนชา

ผงขมิ้น 1/4 ช้อนชา

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

เบกกิ้งโซดา 1/8 ช้อนชา

เนยกี 2 ช้อนโต๊ะ

อุปกรณ์ เครื่องปั่นอาหาร (Food processor)

วิธีทำ

1. หมักและบดไก่: สำหรับเคบับไก่ ให้หั่นเนื้อไก่เป็นชิ้นพอคำใส่ลงในอ่างผสมใบที่หนึ่ง ใส่กระเทียม ขิง หอมแขก พริกจินดาเขียว ใบระสะแหน่ และผักชี ปรุงรสด้วย การัมมาซาลา ลูกผักชี ยี่หร่า พริกป่นอินเดีย พริกป่น ผงขมิ้น เกลือและเบกกิ้งโซดา คนให้ส่วนผสมเข้ากัน นำลงเครื่องบด บดจนเนื้อละเอียด ตักขึ้นใส่อ่างผสมใส่เนยกี จากนั้นนวดประมาณ 5 นาทีให้ส่วนผสมเข้ากัน ปิดพลาสติกแรป พักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที

2. หมักและบดเนื้อ: สำหรับเคบับเนื้อ ให้หั่นเนื้อวัวเป็นชิ้นพอคำใส่ลงในอ่างผสมใบที่สอง ใส่กระเทียม ขิง หอมแขก พริกจินดาเขียว ใบระสะแหน่ และผักชี ปรุงรสด้วย การัมมาซาลา ลูกผักชี ยี่หร่า พริกป่นอินเดีย พริกป่น เกลือและเบกกิ้งโซดา คนให้ส่วนผสมเข้ากัน นำลงเครื่องบด บดจนเนื้อละเอียด ตักขึ้นใส่อ่างผสมใส่เนยกี จากนั้นนวดประมาณ 5 นาทีให้ส่วนผสมเข้ากัน ปิดพลาสติกแรป พักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที

3. พอกไก่และเนื้อ: ทำเคบับเนื้อโดยนำเนื้อที่พักไว้ เเบ่งเนื้อ 60 กรัม ออกมาพอกเนื้อบนตะเกียบ ใช้มือบีบให้เเน่นทำจนหมดพักไว้ใส่ในจาน ทำเช่นเดียวกันกับเนื้อไก่

4. ย่าง: ตั้งกระทะบนไฟกลาง ทาน้ำมันให้ทั่ว พอกระทะร้อน นำเคบับเนื้อและเคบับไก่ลงย่างจนสุกและสีสวย ย่างจนหมด

5. ทำกรีนชัดนี: ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในโถปั่น ปั่นส่วนผสมให้ละเอียด ใส่ถ้วยพักไว้

6. ทำซอสกระเทียม: ใส่ไข่ขาว กระเทียม และเกลือ ลงในโถปั่น ปั่นส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆ ใส่น้ำมันพืชจนหมดและใส่น้ำมะนาวเป็นอย่างสุดท้าย ปั่นพอเข้ากันส่วนผสมข้นฟูคล้ายโยเกิร์ต ใส่ถ้วยพักไว้

7. เสิร์ฟ: วางเลมอน มะเขือเทศเนื้อ หอมแขกใส่จานเสิร์ฟ วางเคบับเนื้อและเคบับไก่ โรยใบสะระแหน่และผักชี เสิร์ฟคู่กับกรีนชัดนีและซอสกระเทียม

มายเหตุ: เคบับไก่จะมีการเพิ่มสีสันโดยการใส่ผงขมิ้นเข้าไปและลดปริมาณเบกกิ้งโซดาลงจากเคบับเนื้อ เพราะเนื้อไก่มีความนุ่มอยู่แล้ว

ดูสูตรเคบับเนื้อและไก่

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS