เช้าที่ต่างออกไป

1,295 VIEWS
PIN

image alternate text
image alternate text
เรื่องเล่าของหนุ่มสงขลา นักศึกษาเมืองกรุงที่มุ่งสู่บ้านเกิดเพราะโควิด19 กับความสุขเล็กๆ ยามเข้าครัวและช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง

ข่าวการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจากตลาดในอู่ฮั่น ประเทศจีน ดูจะเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับผมและเพื่อน เราเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง เช่าหอพักริมคลองแสนแสบ ทุกคนพักอยู่กับแฟน มีเพียงผมอยู่คนเดียว

เราไปเรียนตามปรกติ ไม่ได้วิตกอะไรมาก เรื่องฝุ่นละอองในอากาศต่างหากที่ต้องเป็นห่วง โชคดีที่แม่เป็นหมอ ผมเลยมีหน้ากาก N95 ใส่กันฝุ่น และแบ่งปันกับเพื่อน กรุงเทพฯ อากาศแย่ลงทุกวัน หากไม่ติดพันกับภาระทางการศึกษา ผมคงกลับบ้านไปนานแล้ว

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผมกำลังสอบปลายภาค ตอนนี้ไวรัสจากอู่ฮั่น ได้รับการขนานนามเรียกใหม่เป็น Covid19 และแพร่กระจายเป็นวงกว้าง ผู้คนเริ่มป่วยหนักและเสียชีวิต จำนวนเพิ่มมากขึ้นจนประเทศจีนต้องสร้างโรงพยาบาลสำหรับกักกันผู้ป่วย ผู้คนทั่วโลกเอาใจช่วยให้ประเทศจีนผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ ผมและเพื่อนเริ่มสวมหน้ากากทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก เริ่มล้างมือตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข

หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ผมเดินทางกลับบ้าน มหาวิทยาลัยปิดภาคเรียน ผมเป็นกลุ่มสุดท้ายที่กลับบ้านก่อนจะมีการกักตัว และรัฐบาลจะตระหนักว่านี่ไม่ใช้ไข้หวัดธรรมดา ก่อนจะตรวจพบผู้ติดเชื้อรายแรก จากนั้นจำนวนเพิ่มขึ้น ศูนย์แพร่กระจายขนาดใหญ่อยู่ในสนามมวย ติดเชื้อกันหลายราย ดาราดังก็ติด เซียนมวยก็ติด ทหารก็ติด นักธุรกิจก็ติด คนจนก็ติด เชื้อไวรัสแพร่กระจายไม่เลือกชนชั้น

ผู้คนในเมืองหลวงแห่กักตุนอาหารแห้งจนเกลี้ยงร้านสะดวกซื้อ กักตุนเจลล้างมือและหน้ากากอนามัย เครื่องป้องกันโรคระบาดมีราคาหลายบาทและหายากขึ้นทุกวัน ห้างร้านทยอยปิดทำการ ผู้คนหันมาสนใจการทำงานที่บ้าน เราได้รู้จักคำศัพท์ใหม่ นั่นคือคำว่า ‘Work From  Home’

ผมนึกโชคดีที่กลับบ้านเสียก่อน ไม่อยากนึกภาพตนเองใช้ชีวิตในเมืองหลวง เมืองที่คุ้นตากับภาพประชากรหนาแน่น กลับกลายเป็นเมืองว่างเปล่า สถานที่ที่เคยไปก็ร้างไร้ผู้คน ทุกคนเก็บตัวอยู่ในบ้าน ท้องถนนมีรถน้อยคัน มีเพียงบริการส่งอาหาร ที่พึ่งสุดท้ายในยามกักตัว คอยให้บริการโดยผู้ส่งอาหารใส่หน้ากากมิดชิด ป้องกันการรับเชื้อและแพร่เชื้อ หากตอนนี้ผมอยู่ในเมืองหลวง คงต้องใช้บริการอาหารกล่องจากร้านสะดวกซื้อ หรือบริการส่งอาหารถึงที่แบบนี้แหละ นับถือใจและขอบคุณทุกคนที่ทำงานท่ามกลางโรคระบาด

รัฐบาลประกาศให้เราอยู่บ้าน 14 วัน หากไม่มีเหตุจำเป็นไม่ควรออกไปข้างนอก ผมไม่เคยอยู่บ้านนานขนาดนี้มาก่อน ทุกปิดเทอมมักจะหาเรื่องออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่คณะ ไปออกค่ายอาสาบ้าง นั่งรถไฟไปเที่ยวเชียงใหม่หรือไปเที่ยวทะเลที่ชลบุรี แต่ปีนี้ทุกแผนการเดินทางยกเลิกหมด ทุกคนอยู่บ้าน ไม่มีใครไปไหน ติดตามชีวิตกันบนหน้าเฟซบุ๊ก

ห้องนอนของผมกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หน้าต่างบานไม้ถูกเปิดออก ลมบริสุทธิ์พัดเข้ามา ผ้าม่านสีฟ้าสะบัดพลิ้วไหวในสายลม แสงแดดส่องไออุ่นเข้ามาในห้อง ชั้นหนังสือที่รอผมหยิบอ่าน วิทยุเครื่องเก่าของปู่ยังใช้การได้ดี แม่ผมทำงานทุกวัน แม่ไม่ได้หยุดเหมือนอาชีพราชการ พนักงานส่งอาหาร บุรุษไปรษณีย์ มีหลายอาชีพเลยที่ทำงานจากที่บ้านไม่ได้ ผมได้แต่ส่งกำลังใจให้ปลอดภัยและทำงานราบรื่น

ผมอยู่บ้านตามลำพัง วันนี้ตื่นแต่เช้า เฝ้ารอแสงแดดลำแรกสาดกระทบใบหน้า ห้องนอนผมอยู่ใกล้ยุ้งฉางเก่า เราเลิกทำนาตั้งแต่พ่อจากไป เหลือไว้เพียงกลิ่นไอฤดูร้อนและเมล็ดข้าวเก่าเก็บวิทยุกระจายเสียงของหมู่บ้านรายงานข่าวทั่วไปและเปิดเพลงลูกทุ่ง ผมอาบน้ำแต่งตัว ต้มกาแฟดื่มด้วยเตา Moka Pot โดยผมต้องบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียด ใส่ผงกาแฟ เติมน้ำด้านล่างสุดของหม้อ วางหม้อต้มบนเตา ไม่ต้องใช้ไฟแรงมากนัก สามนาทีกาแฟเริ่มเดือด ไม่นานกลิ่นกาแฟอุ่นกรุ่นกลิ่นขมร้อน อบอวลไปทั่วห้องครัว

ผมซื้อเมล็ดกาแฟมาหลายประเทศ กลิ่นดาร์คช็อกโกแลตและคาสคาร่าจากบราซิล รสกลิ่นดอกไม้จากปางขอน เชียงราย, หรือกลิ่นผลไม้รวมเปรี้ยวจากเอธิโอเปียและคอสตาริกา ผมชอบทุกเช้าที่ต้มกาแฟ

ผมชงกาแฟให้แม่หนึ่งแก้วทุกเช้าก่อนไปทำงาน แม่วัดไข้ให้ผมทุกวันเช่นกัน แม่กลัวว่าผมจะป่วย และผมต้องกักตัวอยู่บ้าน แม่ย้ำทุกครั้งก่อนออกไปทำงาน ให้สวมหน้ากากอนามัยหากจำเป็นต้องออกไปข้างนอก และกินอาหารที่ปรุงสุก แม่ซื้อเนื้อหมูและไก่แช่ตู้เย็นไว้ แล้วแต่เมนูที่อยากทำ และที่สำคัญแม่ย้ำเป็นประจำ  “อย่าลืมล้างมือ”

เมื่อผมไม่รู้จะไปไหน จึงเข้าไปทำความสะอาดชั้นหนังสือในห้อง ปัดฝุ่นและหยากไย่ เก็บเศษแมลงที่ตายบนชั้นหนังสือ ก่อนจะสำรวจชั้นหนังสือ ผมพบว่าซื้อหนังสือไว้มากเหลือเกิน ส่วนใหญ่เป็นวรรณกรรมและบทกวี ตอนเรียนปีหนึ่ง เพื่อนแนะนำให้ผมอ่านวรรณกรรมแปล หลังจากนั้นชีวิตผมเปลี่ยนไป ใช้เวลาว่างในห้องสมุด ไปร้านหนังสือมือสอง ซื้อหนังสือเก็บไว้อ่าน ปิดเทอมขนหนังสือกลับบ้าน จัดเรียงเข้าชั้น คิดเสมอว่าสักวันหนึ่งเมื่อมีเวลาว่างจะนั่งอ่าน แต่ผมไม่เคยว่างเป็นจริงเป็นจังเสียที

การระบาดของโควิด 19 คงเป็นโอกาสที่ผมจะได้ใช้เวลากับหนังสือเหล่านี้เสียที ผมไม่เคยอยู่ติดบ้านสองสัปดาห์ อย่างน้อยคนเราต้องออกไปสูดอากาศบ้าง แต่ในเมื่อโรคระบาดนั้นอยู่ในสายลม ติดมาพร้อมกับทางเดินหายใจ ทุกคนจึงพร้อมใจกันอยู่บ้าน ไม่มีใครออกไปข้างนอกกัน

ผมค้นพบว่ากาแฟที่ต้มดื่มเอง อร่อยกว่ากาแฟที่สั่งตามร้าน คงเป็นเพราะเราได้ใช้เวลากับมัน เลือกเมล็ดกาแฟชนิดที่ชอบ บดด้วยเรี่ยวแรงของเรา บดหยาบๆ ไม่ให้เมล็ดกาแฟแตกสลายมากนัก ต้มด้วยเวลาและอุณหภูมิพอเหมาะ เทใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบลายดอกไม้ กาแฟถ้วยนี้จึงอร่อยที่สุดในรอบหลายปี ต่อให้บาริสต้าคนไหนมาชงก็ไม่อร่อยเทียบเท่า

คงเหมือนที่แม่เคยบอกไว้ อาหารที่เราทำกินเองมักอร่อยเสมอ เพราะเราใส่ใจและลงมือทำทุกขั้นตอน เราภูมิใจในอาหารที่เราทำ ทำด้วยใจ อาหารจึงออกมาอร่อย ถึงแม้รสชาติจะไม่อร่อยเท่าอาหารจากร้านอาหาร แต่เราจะบอกว่ามันอร่อยเสมอ เพราะเราทำเองและกินเอง

มื้อเช้าผมทำอาหารง่ายๆ มีไข่คน ผัดเบคอนใส่ใบกะเพราริมรั้ว แกล้มกาแฟ นานมากแล้วที่ไม่ได้เข้าครัวทำอาหารกินเอง ปกติมื้อเช้าก่อนไปเรียน ผมมักจะดื่มกาแฟดำและกินอาหารแช่แข็ง พอได้ลองทำไข่คนตามสูตรในยูทูบ เป็นมื้อเช้าที่ร้านสะดวกซื้อไม่มีขาย และเป็นมื้ออร่อยที่สุดในรอบหลายปีของผมเลย

ผมเจอถาดหลุมที่เคยไปออกค่ายอาสาโรงเรียนประถม ผมคงหยิบติดมือมาด้วย จะว่าไปผมไม่ได้กินข้าวในถาดหลุมนานมาก เช็ดล้างทำความสะอาด จัดอาหารใส่จาน วางกล้วยหอมสีเหลืองทองช่องบนสุด ด้านซ้ายเป็นกะเพราเบคอน ตรงกลางเหยาะซอสพริกศรีราชา ฝั่งขวาตักไข่คนใส่ พื้นที่กว้างสุดของถาด แน่นอนต้องใส่ข้าวสวยร้อนๆ

แต่มื้อเช้าผมมักไม่กินข้าว สงสัยติดจากหนังฝรั่งที่ชอบกินเบรกฟาสต์ ผมชอบกินข้าวมื้อเที่ยงมากกว่า มื้อเที่ยงสำหรับผมคือมื้อที่กินหนัก เพราะผ่านการใช้แรงงานมาครึ่งวัน ส่วนมื้อเย็นนั้น ผมกับแม่มักจะชอบกินนอกบ้าน แต่เมื่อออกจากบ้านไม่ได้ เย็นนี้คงต้องเข้าครัวอีกรอบ

แม่ไม่ได้ทำอาหารไว้ให้ ไม่ได้กลับมากินข้าวเที่ยงด้วย เพราะแม่ทำงานตลอดวัน แผนกผู้ป่วยหนักมักไม่ค่อยมีเวลาพักมากนัก เที่ยงนี้ผมจึงต้องเตรียมอาหารเอง เบคอนส่วนที่ยังไม่ได้ใช้ ผมหยิบออกมาพักไว้ ก่อนจะลงไปเก็บผักใต้ถุนบ้าน มีกะเพราและถั่วฝักยาว เมนูคงเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากกะเพราเบคอน เมนูเดียวกับเมื่อเช้า กะเพราเมนูยอดนิยมของประเทศแห่งนี้ ผมทอดไข่ดาวสุกๆ อีกฟอง เพราะแม่ย้ำเสมอว่าให้กินอาหารปรุงสุก แม้จะเคยชอบกินไข่ดาวไม่สุก แต่ช่วงนี้คงต้องหยุดไว้ก่อน

ผมสนใจทำอาหารมื้อต่อมื้อ ในรายการทีวีเขาเรียกว่า ‘เชฟ เทเบิ้ล’ และเมื่อได้กลับมาบ้าน เครื่องครัวและวัตถุดับตั่งต่าง ก็ตกเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว คล้ายผมเปิดฟลอร์เต้นรำเดียวดายในครัว บางเช้าเบื่อเบรกฟาสต์ ก็เดินไปซื้อข้าวเหนียวเหลืองหน้ากะทิ ซึ่งญาติใกล้บ้านทำขายทุกเช้า ทำวันละไม่กี่ห่อ ของหวานมักเข้ากันดีกับกาแฟร้อนขมจัดและแก่จัด

ระหว่างกินมื้อเที่ยง แม่ไลน์มาถามผมว่าทำอะไรอยู่ อยู่บ้านคนเดียวได้ไหม? คงกังวลที่ผมออกไปไหนไม่ได้ แต่เปล่าเลย ผมมีความสุขมากมาย กินข้าวเสร็จผมทำความสะอาดครัว เคลียร์ของออกจากตู้เย็น ส่วนใหญ่เป็นถุงแกงค้างคืนกลิ่นเหม็นหืน แม่อยู่ตามลำพังคงไม่ได้เอาใจใส่นัก เสร็จแล้วก็ล้างจานและซ่อมหลอดไฟในครัว เพราะตอนทำครัวหลอดมันกะพริบจนผมรำคาญสายตา

เวลาล่วงเลยจนบ่ายคล้อย ผมกลับเข้าห้อง เลือกหนังสืออ่าน ส่วนใหญ่ผมชอบแนวเพื่อชีวิต เรื่องของชนชั้นแรงงานที่ต่อสู้กับการกดขี่ คนงานเหมืองบ้าง คนงานโรงงานบ้าง ผมชอบอ่านเรื่องทำนองนี้ เปิดวิทยุคลอเบาๆ ใช้เวลาตลอดบ่ายในห้องนอนที่ผมไม่ได้นอนมาแสนนาน

ผมไม่เคยพบความสงบเช่นนี้มาก่อนเลย ได้ใช้เวลาอยู่กับหนังสือ อยู่กับบทเพลงที่ชอบ ความสุขของผมขึ้นอยู่กับผู้คนรอบข้าง ผมผูกความสุขไว้กับพวกเขาเหล่านั้น จนเมื่อผมได้อยู่กับตัวเอง ได้ลองใช้เวลาทบทวน ผมจึงรู้ว่าความสุขที่ผมโหยหานั้น อยู่กับผมตลอดเวลา และผมมองเห็นความสุขเหล่านั้นแล้วในตอนนี้ ช่างเป็นบ่ายที่สงบงามและเรียบง่ายเสียจริงๆ

ผมนั่งอ่านจนแสงแดดโรยลา ยามสนธยาโผล่หน้ามาทักทาย สอดที่คั่นหนังสือในหน้าที่อ่านค้างไว้ เก็บหนังสือเข้าชั้น ลงไปออกกำลังกายใต้ถุนบ้าน ในเมื่อออกไปปั่นจักรยานบนถนนไม่ได้ ผมเลยกระโดดยางแทน ไม่ได้จับเวลา รู้แค่ว่าเหงื่อท่วม ท่วงท่าการกระโดดช่างคล้ายนักมวยเวลาซ้อม เพียงแต่ผมไม่ชอบชกใคร

ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ผมหลั่งสารความสุขมาพร้อมกับเหงื่อ วันนี้ผมมีความสุขจนล้น ร่างกายจึงขับออกมาเผื่อแผ่สิ่งรอบข้างบ้าง นานมากจริงๆ ที่ไม่ได้ออกกำลังกาย แม้หัวใจเต้นระส่ำระส่ายและผมเหนื่อยหอบแทบจะเป็นลม แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีจริงๆ

แม่กลับบ้านค่ำ เรากินอาหารเย็นด้วยกัน  ผมทำไข่คนให้แม่กิน แกล้มเมล็ดกาแฟกลิ่นดอกไม้ป่าจากคอสตาริกา อาหารค่ำของแม่เหมือนมื้อเช้าของผม แม่ชอบดื่มกาแฟหลังเลิกงาน แม่ประหลาดใจที่ผมเข้าครัวเอง แถมชมว่าฝีมือผมอร่อยใช่ย่อย แม้จะเป็นเมนูไข่ธรรมดา แต่แม่รู้ดีว่าไข่คนต้องใช้เวลาและความอดทน ผมเล่าให้แม่ฟังว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง แม่ยิ่งตกใจเข้าไปกันใหญ่ แม่ไม่ค่อยได้เห็นผมในมุมนี้มากนัก แม่บอกผมว่า

“หากอยู่ที่ไหนแล้วทำตัวเป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ เราก็จะรู้สึกสบายใจที่ได้ทำ”

แม่คงไม่เชื่อว่านี่คือลูกของแม่ ปกติผมไม่ค่อยทำงานบ้าน คงเป็นเพราะต้องกักตัวจากเชื้อไวรัส Covid 19 ผมจึงต้องหาอะไรทำ กิจกรรมเหล่านั้นเป็นกิจกรรมที่แม่ทำซ้ำๆ เป็นงานบ้านที่แม่ทำประจำเมื่อผมไม่อยู่ ผมจึงรู้ว่าที่ผ่านมาแม่เหนื่อยแค่ไหน นอกจากงานหนักที่โรงพยาบาลแล้ว แม่ต้องทำงานบ้านและเข้าครัวเพียงลำพังอีก หลังจากนี้ผมจะทำอาหารให้แม่ทุกวัน แม่จะได้มีแรงต่อสู้กับโรคระบาดร้าย

พรุ่งนี้ผมว่าจะทำไข่ดาวน้ำ เมนูที่แม่บอกว่าคนใจร้อนอย่างผมทำไม่ได้ ผมจะทำให้แม่ดู ผมคงต้องตื่นก่อนแม่ เพราะแม่มีเวลาไม่มากนัก ต่างกับผมที่มีเวลาทั้งวัน ในยามเช้าที่ต่างออกไป

เรื่องโดย ปรัชวิชญ์ บุญยะวันตัง 

เพิ่งจบการศึกษาเอกสังคมวิทยา จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันใช้ชีวิตในหมู่บ้านเล็กๆ ริมทะเลสาบสงขลา จังหวัดพัทลุง เวลาว่างชอบอ่านและรีวิวหนังสือลงเพจ : มุมหนังสือนกนางแอ่น (Swiftlet Book)

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS