บางคนออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ก็ยังมีพุง นั่นก็เพราะจริงๆ แล้วการมีพุงไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะคนอ้วน พุงยื่นๆ นั้นบางทีก็ไม่ได้เป็นเพราะก้อนไขมันส่วนเกินอย่างเดียว แต่รวมถึงอุจจาระ ลมหรือแก๊สในท้อง ปัญหาร่วมของคนมีพุงจึงมักจะมีอาการท้องผูก ท้องอืด อาหารไม่ย่อย และมีแก๊สในท้อง ซึ่งปัญหาเหล่านี้มาจากอาหารที่กินเข้าไปล้วนๆ
สำหรับคนที่น้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน มีโอกาสสูงที่จะมีไขมันสะสมที่พุง การควบคุมอาหารและออกกำลังกายเท่านั้นคือคำตอบสุดท้าย แต่สำหรับคนที่ไม่ได้อ้วนสักหน่อย แต่ไหงดันลงพุง นี่เลย ลองสังเกตอาการกับพฤติกรรมการกินของตัวเองดูว่ามีสิ่งเหล่านี้ที่เป็นต้นเหตุของการลงพุงบ้างหรือไม่
1. มีอาการท้องผูกเนื่องจากดื่มน้ำน้อย กินอาหารกากใยน้อย
2. ชอบกินอาหารเค็มจัด
3. กินอาหารไม่เคี้ยว กินอาหารคำโต
4. ชอบกินอาหารที่มีแก๊สเยอะ กินอาหารย่อยยาก
วิธีแก้ไขปัญหาลงพุงเบื้องต้น
- กินอาหารที่มีไฟเบอร์หรือกากใยเพื่อลดอาการท้องผูก เช่น ผัก ผลไม้ แต่อย่ากินเยอะเกินไป เพราะถ้าเกินปริมาณจำเป็นก็อาจมีอาการท้องอืดได้เช่นกัน ส่วนการดื่มน้ำเยอะๆ ก็ช่วยให้อุจจาระนุ่ม ขับถ่ายได้ดี แล้วยังช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวทำงานเป็นปกติ
- ลดทอนเครื่องปรุงรสเค็ม เมื่อเราได้รับโซเดียมเกินความจำเป็น ร่างกายจะกักเก็บน้ำโดยอัตโนมัติเพื่อขับโซเดียมส่วนเกินออก ทำให้เกิดอาการที่เรียกว่าบวมน้ำ รวมไปถึงลงพุงด้วย คนเข้าฟิตเนสที่ต้องการกล้ามเนื้อชัดๆ จึงไม่ควรกินเค็ม บางคนหันไปใช้ซอสปรุงรสชนิด low sodium แทน
- กินข้าวไม่เคี้ยว หรือกินคำโต ทำให้อาหารย่อยยาก เมื่ออาหารตกค้างอยู่ในระบบย่อยนานขึ้น จึงเกิดการหมัก เกิดก๊าซและแบคทีเรียในลำไส้เล็ก ทำให้ท้องอืด เราจึงควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียด กินคำเล็กลง เคี้ยวปิดปาก จะทำให้ไม่เอาอากาศเข้าไปในท้องระหว่างกลืนอาหาร
- ลดละเลิกการกินอาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สในระบบทางเดินอาหาร โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลในผักบางชนิด เช่น กระเทียม หอมใหญ่ ต้นหอม ถั่วฝัก ผักตระกูลกะหล่ำ อาทิ บร็อกโคลี กะหล่ำปลี ดอกกะหล่ำ แก้ไขโดยนำผักไปลวกก่อนก็ช่วยได้ หรือผลไม้ เช่น แอปเปิล แตงโมก็ทำให้เกิดแก๊สแป้งสาลี แป้งข้าวโพด แป้งมันฝรั่งล้วนก็ให้เกิดแก๊สได้มาก แม้กระทั่งอาหารสุขภาพบางอย่างที่เราว่าดีเช่น ข้าวโอ๊ต ถั่วเปลือกแข็ง ธัญพืชเต็มเมล็ด หรืออาหารที่มีเส้นใยสูง กินมากเกินไปก็เป็นเหตุให้ท้องอืดเช่นกัน อ้อ ที่ต้องหลีกเลี่ยงอีกอย่างคืออาหารสำเร็จรูปที่มีน้ำตาลแอลกอฮอล์ (sorbitol, lactitol, xylitol, mannitol) เช่น ลูกอม หมากฝรั่ง แยม โดยเฉพาะขนม sugar free ต่างๆ เพราะน้ำตาลเหล่านี้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมในลำไส้เล็กได้ทั้งหมด จึงผ่านไปหมักหมมอยู่ในลำไส้ใหญ่ กลายเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียซึ่งเป็นต้นตอการผลิตแก๊สออกมา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากสภาวะบุคคลบางอย่างเช่น บางคนกินนมแล้วท้องอืด ลำไส้แปรปรวน เพราะร่างกายไม่มีเอนไซม์เเลคเทสเพียงพอสำหรับย่อยนม ควรหลีกเลี่ยงการกินนม ไอศกรีม โยเกิร์ต ชีสสดประเภทต่างๆ ถ้าอยากกินจริงๆ อาจเลี่ยงไปกินนม lactose free หรือ daily product ชนิดแลคโตสต่ำ เช่น เนย เชดด้าชีส เฟตต้าชีส พาร์มีซานก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นหน้าที่ของเราล้วนๆ ที่ต้องหมั่นสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและอาหารที่ตัวเองกินคู่กันไป
ตัวช่วยให้พุงยุบ
- ดื่มชาเขียว ชาอู่หลงร้อนๆ หลังอาหาร จะช่วยย่อยและทำให้ร่างกายเผาผลาญได้เร็ว
- ดื่มสมูตตี้ผักผลไม้ ย่อยง่าย มีกากใยธรรมชาติช่วยลดน้ำหนัก ลดการดูดซึมไขมัน แต่หลีกเลี่ยงผลไม้ที่เป็นอาหารของแบคทีเรียอย่างแอปเปิล มะม่วง ลูกแพร์ แตงโม
- ดื่มน้ำอุ่นผสมมะนาว (น้ำอุ่น 1 แก้ว มะนาว ½ ลูก) ทุกเช้าหลังตื่นนอน ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย กำจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย ช่วยดีท็อกซ์ สร้างภูมิคุ้มกัน มะนาวมีวิตามินบี แร่ธาตุ ไฟเบอร์ แคลเซียม ฯลฯ น้ำมะนาวมีไฟเบอร์สูงซึ่งทำให้รู้สึกอิ่มตลอดเวลา
- ดื่มเม็ดแมงลักผสมน้ำอุ่น (เม็ดแมงลัก 2 ช้อนชา น้ำอุ่น 1 แก้ว) ช่วยให้ขับถ่ายดีขึ้น
- ดื่มน้ำมะละกอดิบต้มกับใบชา ช่วยล้างไขมันที่เกาะในลำไส้ ทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
- ออกกำลังกายหน้าท้อง นอกจากช่วยสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องแล้ว ยังช่วยกระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนไหว และกระตุ้นการขับถ่าย