ของดีที่ 4 ร้านญี่ปุ่นสุดลึกลับย่านสุขุมวิท

11,437 VIEWS
PIN

image alternate text
image alternate text
ซอกแซกเข้าซอยเล็กซอยน้อยตามล่าหาของอร่อยที่ 4 ร้านญี่ปุ่นลับๆ ย่านสุขุมวิท

ร้านอาหารญี่ปุ่นกับสุขุมวิทคือของคู่กัน เยอะซะจนตาลายและเดินหลงเข้าไปแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่านี่เราอยู่โตเกียวหรือกรุงเทพฯ และแน่นอนว่านอกจากร้านดังๆ ฮิตๆ ที่คนรู้จักกันดีอยู่แล้ว ยังมีอีกหลายร้านที่แอบซ่อนตัวอยู่ในซอกหลืบของสุขุมวิท อาจจะหายากไปนิด หรือต้องเข้าซอยเล็กซอยน้อยไปหน่อย แต่เราคัดสรรมาแล้วว่า 4 ร้านนี้ควรค่าแก่การแวะไปลิ้มลอง เพราะเขามีดีคุ้มกับการดั้นด้นซอกแซกไปจริงๆ นะเออ

Soba Juban

ร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ สไตล์อิซากายะที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ภายในร้านมี 2 ชั้น มีที่นั่งทั้งแบบเคาน์เตอร์บาร์สามารถมองเห็นเชฟได้แบบใกล้ชิด และแบบห้องส่วนตัวสำหรับคนที่ชอบความไพรเวท จุดเด่นของที่นี่คือ เส้นโซบะสดทำมือที่เชฟจะโชว์นวดเส้นให้เราเห็นกันแบบใกล้ชิด แต่ใครอยากเห็นลีลาการนวดเส้นโซบะของเชฟแนะนำให้ไปเร็วหน่อย

มาร้านโซบะทำมือทั้งทีพลาดไม่ได้ที่จะต้องสั่งโซบะเย็นมากิน เราแนะนำ Three kind of soba (โซบะ 3 สี) สำหรับคนที่อยากลองชิมเส้นโซบะหลายๆ แบบ เมนูนี้ประกอบด้วยเส้นโซบะ 3 ชนิด มี hikigurumi soba – โซบะทำจากแป้งบัควีตสูตรปกติ inaka soba – โซบะทำจากแป้งบัควีต 90%  และ purple sweet potato soba – โซบะทำจากมันม่วง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซารุ 2 สไตล์ นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้กินโซบะทำมือจากแป้งบัควีต 90% ความรู้สึกคือเส้นมีความใหญ่ สีเข้ม เนื้อแน่นหนึบ สัมผัสสากลิ้นมากกว่าเส้นโซบะทั่วไป ส่วนโซบะแบบออริจินอลและแบบมันม่วงนั้นเส้นนุ่มใช้ได้เลย ตัวเส้นมันม่วงจะหอมกลิ่นมันม่วงและนุ่มสุด น้ำจิ้มซารุก็หอมกลิ่นดาชิ รสกลมกล่อมแอบเค็มไปหน่อยแต่พอกินกับเส้นแล้วพอดีเลย ปิดจบด้วย Soba-yu หรือน้ำต้มเส้นโซบะที่ทางร้านจะเสิร์ฟมาให้กินเป็นตอนสุดท้าย เวลากินก็แค่เทลงผสมกับน้ำจิ้มซารุแล้วดื่ม ถือว่าเป็นการปิดมื้ออาหารแบบคอมพลีท

สำหรับเมนูขนมหวานของร้านนี้ก็ดีไม่แพ้เส้นนะจ๊ะ อย่าง Warabimoji แป้งโมจิที่ถูกเสิร์ฟมาแบบอุ่นๆ คลุกด้วยผงถั่วเหลืองบด เสิร์ฟพร้อมซอสน้ำตาลทรายแดง เป็นขนมหวานญี่ปุ่นที่เราเพิ่งเคยกินเป็นครั้งแรก เนื้อแป้งนุ่มเหนียว หอมกลิ่นถั่วและน้ำตาลทรายแดงมากๆ กินเพลิน อีกเมนูขนมที่ห้ามพลาดเด็ดขาด! คือ ชาบัควีตพุดดิ้ง เป็นขนมหวานที่เราชอบมากกก! เนื้อพุดดิ้งนุ่มละมุนลิ้น รสหวานมันกำลังดี ไม่เลี่ยน หอมกลิ่นคาราเมล มีเม็ดบัควีตคั่วกรอบๆ มันๆ โรยด้านบน เป็นความลงตัวที่ดีเลยทีเดียว แต่แอบกระซิบว่ามีแค่ไม่กี่ถ้วยต่อวันเท่านั้น ใครอยากชิมต้องโทรจองนะ นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูอื่นๆ อีก ทั้งซาซิมิ เทมปุระ ของกินเล่นต่างๆ แถมทั้งพนักงานและเชฟที่นี่ยังสุดจะเป็นกันเอง คุยกับลูกค้าเก่งมากๆ ด้วย

พิกัด:  ซอยสุขุมวิท 33 (ซอยประไพพักตร์ ซอย 1) 

เปิด-ปิด:17:30-23:30 น. (จันทร์-เสาร์)

โทร: 02-2620584 / 092-2831072

Jidori Cuisine Ken

ร้านไก่ย่างที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กๆ ในซอยสุขุมวิท 26 อีกที เปิดประตูเข้ามาก็พบกับบรรยากาศร้านญี่ปุ่นแบบคูลๆ ด้วยไฟที่ดิมไว้สลัวราง ด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์บาร์ประจันหน้ากับเชฟและเตาย่างไก่ ด้านขวาเป็นโซนโต๊ะส่วนตัว ซึ่งตอนวอล์กอินไปนั้นเต็มหมด เหลือแค่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ก็ดีเหมือนกัน กินไปนั่งมองเชฟปิ้งไก่ หยิบไม้โน้น วางไม้นี้ พัดไฟควันโขมง พร้อมสัมผัสควันอย่างใกล้ชิดไป และแน่นอนว่าเมื่อซิกเนเจอร์ของร้านคือไก่ย่าง เราก็เลยสั่งเมนคอร์สเป็น Ken 8 Skewers Course เซตของย่าง 8 ไม้มาชิมซิว่าสมคำร่ำลือหรือไม่

แต่ก่อนนั้น ทางร้านมีออเดิร์ฟมาให้ เป็นแคร็อท แตงกวา เซเลอรีหั่นยาวแช่น้ำแข็งมาในแก้วพร้อมมายองเนส ที่ไม่ใช่แค่จัดมาสวยดี ยังกินอร่อย มันก็ผักสดจิ้มมายองเนสนั่นแหละ แต่ผักสดมาก หวาน กรอบจนรู้ตัวอีกทีก็จะหมดแก้ว แต่พักก่อน เพราะ Kabocha & Gobou Salad ที่เราสั่งไปมาเสิร์ฟแล้ว จานนี้สวยงามอลังการแบบต้องถ่ายรูปลง IG รัวๆ ด้วยฟักทอง มะเขือเทศ ผักต่างๆ ท็อปด้วยไฮไลต์คือรากโกโบ ราดเดรสซิ่งรสชาติหวาน (เดาว่าน่าจะมีส่วนผสมของถั่ว) อารมณ์คล้ายๆ น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ แต่ทั้งเท็กซ์เจอร์และรสชาติอ่อนละมุนลง 10 เลเวล อร่อยมาก ให้ไปเลยสิบผ่าน!

แล้วก็ถึงเวลาของ Ken 8 Skewers Course เซตของย่าง 8 ไม้ เสิร์ฟพร้อมไข่แดงดิบในซอสและเลม่อน 1 ซีก ทำพิธีบีบเลม่อนให้ทั่วทั้ง 8 ไม้ จากนั้นก็หยิบมาจิ้มลงในไข่แดงผสมซอสและส่งเข้าปาก ไม้แรก ตับไก่ ได้รสหวานธรรมชาติโดยไม่ต้องหมัก ใครกลัวว่าจะคาวก็ไม่ต้องกลัว เพราะบีบเลม่อนลงไปแล้วเข้ากันดีมาก ไม่คาวเลย แถมยังนุ่มละมุนแทบไม่ต้องเคี้ยว ไม้สอง ไก่สับผสมหัวหอมปั้นเป็นก้อน รสชาติค่อนข้างจืด เอาจริงๆ จืดมากเลยแหละ จืดจนต้องหันไปกินสลัดแก้เลี่ยน ไม้สาม กล้ามเนื้อสะโพกไก่ มาเป็นคำเล็กๆ กินง่าย ไม้นี้เราชอบที่เครื่องหมักจะติดอยู่บนหนัง เลยได้รสชาติชัด เค็มๆ กรอบๆ กรอบนอกนุ่มใน ผ่านทั้งเท็กซ์เจอร์และรสชาติ ไม้สี่ ปีกไก่+น่องบน มาแบบติดหนังซึ่งซึมซับน้ำหมักรสออกเค็มมาอย่างชุ่ม โรยพริกไทยไปอีก เลยได้กลิ่นหอมจัดกว่าไม้อื่น แต่กระดูกอ่อนเหนียวไปหน่อย ต้องออกแรงในการกัดและเคี้ยวเยอะ ถ้ามากับผู้ก็อาจจะดูเสียกิริยาไปนิดหนึ่ง แนะนำให้สั่งไม้อื่น!

ไม้ที่ห้าคือหัวใจ ฟังน่ากลัวแต่กินแล้วประทับใจมาก ไม่เหนียว ไม่คาว แถมยังนุ่มละมุนลิ้น ส่วนตัวคิดว่าเครื่องหมักเข้าเนื้อมากกว่าเครื่องในส่วนอื่น รสชาติเลยค่อนข้างจัดกว่าไม้อื่นๆ ไม้หก เนื้อสะโพกไก่ อันนี้เบๆ เพลนๆ ก็เหมือนกล้ามเนื้อสะโพกแหละ แต่มาในเวอร์ชั่นชิ้นใหญ่ ซึ่งชิ้นเล็กอร่อยกว่า ไม้เจ็ด อกไก่ทาบ๊วย+ใบโอบะ เป็นการผสมที่แปลกดีแต่เวิร์กมาก เพราะความเปรี้ยวแบบสดชื่นของใบโอบะกับความเปรี้ยวอมหวานของซอสบ๊วยช่วยชูรสไก่ที่นุ่มๆ จืดๆ ให้ชัดขึ้น ยกให้ไม้นี้เป็นเดอะเบสต์! และไม้สุดท้าย กระเจี๊ยบโรยปลาโอแห้ง ก็กระเจี๊ยบย่างอ่ะทุกคน หอมกลิ่นปลาแห้งบางๆ แค่นั้นแหละ

สรุปคือไก่ย่างรสชาติโดยรวมออกแนวนุ่มๆ จืดๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่น คนชอบอาหารรสอ่อน เท็กซ์เจอร์เนื้อนุ่มแบบเกือบละลายในปากน่าจะถูกใจ แต่เราว่าที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือจานอะลาคาร์ตต่างๆ ควรต้องกลับมาโดน!

พิกัด: 10/12 ซอยสุขุมวิท 26
เปิด-ปิด: 17:00-00:00 น.(จันทร์-เสาร์) 17:00-22:00 น. (อาทิตย์)
โทร: 02-663457

Mimata

ร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดประตูเข้าไปเหมือนวาร์ปไปโผล่ที่เกียวโต ด้วยการตกแต่งร้านแบบญี่ปุ่นบ้านๆ ซ้ายมือเป็นชั้นหนังสือ (แน่นอนว่าภาษาญี่ปุ่น) ต่อด้วยเคาน์เตอร์บาร์ที่เรียงรายไปด้วยหม้อสเตนเลสใบเขื่อง ด้านขวาเป็นโต๊ะสำหรับรับประทานอาหาร ผนังด้านซ้ายเต็มไปด้วยขวดเหล้าญี่ปุ่น ส่วนผนังด้านขวาตกแต่งด้วยเสื้อเบสบอล ลายมือเขียนภาษาญี่ปุ่น ภาพวาดฝีมือเด็กน้อยญี่ปุ่น ภาพถ่าย ลายเซ็นต่างๆ ลายพร้อยเต็มผนังไปหมด ให้ฟีลบ้านๆ สบายๆ ซึ่งก็เข้ากับเมนูของที่ร้าน เพราะเน้นอาหารญี่ปุ่นแบบทำกินเองที่บ้าน ไม่ใช่อาหารญี่ปุ่นตามร้านเชนที่เราคุ้นเคย

ในหม้อบนเคาน์เตอร์เป็นซุปต่างๆ ที่เราสามารถเดินไปเปิดฝาหม้อดูได้ ถูกชะตากับหม้อไหน ก็สั่งเลย (อารมณ์เหมือนข้าวราดแกงเนอะ) นี่ก็ทำการบ้านมาแล้วว่าซุปเด็ดซุปดังของร้านคือ ไส้หมูต้มมิโสะ ว่าแล้วก็เปิดหม้อหา แต่หาไม่เจอ เลยหันไปถามคุณพี่ 2-3 คนที่ยืนรับแขกว่าอันไหนคือไส้หมูต้มมิโสะ พี่เขาบอกอยู่ข้างใน อ่ะได้ จัดมา 1 ที่

ระหว่างรอจานซิกเนเจอร์ก็กิน ซาบะย่างซีอิ๊ว ไปพลางๆ เห็นเป็นเมนูบ้านๆ เบสิกๆ แบบนี้เถอะ แต่บอกเลยว่านี่เป็นซาบะย่างซีอิ๊วที่อร่อยติด Top 5 ในชีวิต เนื้อช่วงท้องปลานุ่มละมุนแต่ไม่เละ รับรู้ได้ว่าปลาสดมาก น้ำซีอิ๊วที่ตุ๋นมาก็รสละมุนนุ่มนวลไม่หวานเกินไป (ลืมรสซาบะหวานเจี๊ยบตลาดนัดไปก่อนนะคะ)

คุณพี่แนะนำ นาโบนัทซึ (มะเขือยาวราดซอส) นี่ก็แอบไม่ค่อยเชื่อ เพราะเป็นคนไม่ชอบกินมะเขือ แต่พอตักคำแรกเข้าปากเท่านั้นแหละ โหววววว มะเขือยาวสดกรอบขนาดพอดีคำ ผัดกับหมูสับในซอสรสเค็มนิดๆ กินกับหอมซอย อร่อยน้ำตาไหล รสชาติกลมละมุนละไมนุ่มนวลมาก โลกเป็นสีพาสเทลขึ้นมาทันที จานนี้เด็ดสุดบอกเลย! รากบัวยัดไส้หมู ก็เป็นอีกจานที่ทางร้านแนะนำ และก็เช่นเคยที่รากบัวทั้งหวานทั้งกรอบ คลุกกับหมูสับผสมหัวหอมเต็มปากเต็มคำ ทอดมาแบบไม่อมน้ำมันเลยสักนิด เคี้ยวเพลินกรุบกรอบ (แต่แป้งหนาไปนิด)

และสุดท้าย ไส้หมูต้มมิโสะ ที่รอคอย เตือนก่อนเลยว่ากลิ่นเครื่องในแรงมาก อาจจะต้องบีบจมูกไว้สักหน่อย แต่ตักเข้าปากแล้วได้สัมผัสสุดละมุน นุ่มนิ่ม นุ่มนวล เข้ากับเต้าหู้ที่ก็นุ่มมากเหมือนกัน และหัวไช้เท้าชิ้นใหญ่รสชาติรวมๆ คล้ายพะโล้ แต่ละมุนกว่า

มื้อนี้รับประทานอาหารด้วยความละมุนทั้งเนื้อสัมผัสและรสชาติ มันนุ่มนิ่ม ละมุนละไม สมูตไปหมด จนอยากจะลงไปนั่งพับเพียบรับประทานเพื่อให้เหมาะสมกับความสุภาพของรสชาติอาหาร ซึ่งอร่อยมากนะ มันเด็ดตรงนี้ เป็นรสชาติที่กลมกล่อมถ่อมตัวแต่อบอวลอยู่ในปากและความรู้สึก
พิกัด: ซอยทองหล่อ 9
เปิด-ปิด: 17:00-23:00 น. (ปิดวันอาทิตย์)
โทร: 02-3929794

Walden Café & Bar

ร้านเหล้าญี่ปุ่นสุดชิคที่กว่าจะหาทางเข้าเจอก็เดินวนอยู่หลายรอบ กูเกิ้ลแม็ปก็ไม่ช่วย จำง่ายๆ ว่าร้านอยู่บนชั้นสอง เจอร้านโคมไฟด้านล่างที่มีบันไดวนอยู่ข้างๆ ให้เดินขึ้นบันไดไปเลย จะพบคาเฟ่แอนด์บาร์เก๋ๆ กลางกรุงแห่งนี้ บรรยากาศร้านคล้ายๆ เดินเข้าไปในโชว์รูมมูจิ มีความมินิมอลแบบดีไซน์มาแล้ว ทุกสิ่งมีความเก๋ เท่ ครีเอท ไม่มีอะไรที่วางแบบสุ่มๆ แม้แต่น้องพนักงานหญิงชาวญี่ปุ่นก็ยังแต่งกายคุมโทนมูจิ พูดด้วยเสียงนุ่มนวลงุ้งงิ้ง จนคนหยาบกร้านอย่างเราต้องปรับทั้งโทนเสียง น้ำเสียง และระดับเสียงให้ช้านุ่มขึ้น 4 เลเวล เพื่อให้ดูไม่กระโชกโฮกฮากผิดกาลเทศะกับสถานที่ของเขา

มาร้านเหล้าญี่ปุ่นก็ต้องสั่ง Umeshu หรือเหล้าบ๊วย ถามว่ามันแปลกแตกต่างจากเหล้าบ๊วยที่อื่นยังไง ก็ไม่หรอก รสชาติก็เหล้าบ๊วยปกตินั่นแหละ แต่เก๋ตรงวิธีการเสิร์ฟที่มาเป็นเซต 3 แก้ว เหล้าบ๊วย น้ำแข็งทรงกลม น้ำเปล่าในถาดไม้มินิมอลให้เราเลือกผสมทั้งสามอย่างเข้าด้วยกันเอง ใครชอบเหล้าจางน้ำเยอะก็จัด ใครสายฮาร์ดคอร์จะออนเดอะร็อคเหล้าเพียวก็ได้ Glenfiddich วิสกี้แอปเปิ้ลโซดา แก้วนี้รสชาติจืดไปนิดกลิ่นโซดาเยอะไปหน่อย ตกแต่งแอปเปิ้ลฝานบางบนแก้ว ซึ่งแอปเปิ้ลฝานอร่อยมาก รู้เลยว่าคัดสรรแอปเปิ้ลมาเป็นอย่างดี!

Denki Bran เหล้าญี่ปุ่นผสมโซดา แอบค่อนว่าแก้วที่แล้วจืดจางไป เจอแก้วนี้ตาตื่นตาแตกไปสิ เหล้าเข้มมาก บอกเลยว่าเหมาะกับสายแข็ง Kaku แก้วซิกเนเจอร์ วิสกี้เลม่อนโซดา มาในแก้วสีเงินทรงสูงท็อปด้วยเลม่อนฝานติดปลือกชิ้นเบ้อเริ่ม รสชาติกลางๆ นุ่มละมุน น่าจะเหมาะกับทุกคน อ้อ ที่ร้านมี appetizer ด้วย แต่ไม่มีในเมนู ต้องถามน้องคนเสิร์ฟเอาเอง เจอ Denki Bran เข้าไปเลยเรียกน้องมาถามว่ามีอะไรแกล้มบ้างไหมคะ น้องบอกมีไม่กี่อย่าง และแล้วแต่วันด้วย วันที่ไปมี อินานาเมะ ซึ่งคือถั่วเขียวญี่ปุ่นต้มคลุกซอสโรยสาหร่าย ง้าย…ง่ายแค่นี้แหละ แต่อร่อยลืม ถั่วคุณภาพดีงามคัดสรรมาแล้วคลุกซอสเค็มๆ มันๆ เสิร์ฟมาแบบเย็นๆ ในถ้วยแก้วทรงกลมน่ารัก กินกับเหล้าเพลินมาก กินกันเพลินชนิดแทบจะยกถ้วยขึ้นมาเลีย

นอกจากบรรยากาศร้านที่ชนะเลิศ เงียบ ชิลล์ ผ่อนคลาย เข้ามานั่งจิบเหล้าเคล้าเพลงแจ๊ซและบลูส์แล้วเหมือนโลกหมุนช้าลงสามระดับ ชอบพิเศษคือผ้าเช็ดมือทั้งเย็นเจี๊ยบทั้งหอมกลิ่นมิ้นต์อบอวล เย็นแบบวางทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงก็ยังเย็นอยู่ จนอยากถามว่าใช้นวัตกรรมกักเก็บความเย็นยังไง กลิ่นมิ้นต์ก็หอมตลบมากจนอยากไปถามหาที่ซื้อ เมล็ดกาแฟเคลือบช็อกโกแลตที่เสิร์ฟมาตอนท้ายก็อร่อยสุดๆ แก้วก็สวย ถาดก็สวย ตะเกียบ จานชามเก๋ไก๋จนอยากได้ไปหมด แล้วทางร้านยังมีผ้าห่มพาดไว้ให้ที่พนักโซฟาด้วย ประทับใจความใส่ใจนี้ แต่อย่าเพลินจนเมามากนะคะ ขาลงอาจจะกลิ้งตกบันไดวนได้ เตือนแล้วนะ!

พิกัด: 7/1 สุขุมวิทซอย 31 (อยู่ชั้น 2 ข้างร้านขายโคมไฟ)
เปิด-ปิด: 17:00-01:00น. (ปิดวันอาทิตย์)
โทร: 02-6628087

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS