รวมของกินสุดฟินที่ฮอกไกโด

10,379 VIEWS
PIN

image alternate text
พาไปลิ้มรสอาหารที่ฮอกไกโด หลากหลายของอร่อยไม่ควรพลาด ในดินเเดนที่ได้สมญานามว่าเป็นห้องครัวของญี่ปุ่น

ฮอกไกโดเป็นเกาะเหนือสุดของญี่ปุ่น ธรรมชาติและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในฮอกไกโดนั้นสวยงามแตกต่างกันตามฤดูกาล เป็น destination ฮอตฮิตในหมู่คนไทย จนถือเป็นที่ท่องเที่ยวสุดแมส เราเลยเลือกพูดถึงของกินที่ไม่ควรพลาดเวลามาเที่ยวฮอกไกโดโดยเฉพาะดีกว่า กับดินแดนที่ได้รับสมญานามว่าเป็นห้องครัวของญี่ปุ่น เพราะขึ้นชื่อเรื่องการประมงและการเกษตร ทำให้ที่นี่มีทั้งปลาและผักที่อร่อยสุดยอด ตอนที่เราไปอยู่ในช่วงฤดูร้อน (ประมาณปลายเดือนกรกฎาคม) อาหารบางอย่างจึงแตกต่างกับฤดูอื่นด้วยนะ เอาละ! ขออนุญาตแชร์ประสบการณ์ของปลายลิ้น ณ บัดนี้

ทำมั้ย…ทำไม คนมักพูดกันว่าห้ามพลาดกิน soft cream ที่ฮอกไกโด  นั่นเป็นเพราะกรรมวิธีการทำ soft cream ของเขามันเฉพาะมากน่ะสิ อุณหภูมิที่ใช้จะสูงกว่าการทำไอศกรีมทั่วไปคืออยู่ที่ -3 องศาเซลเซียส (ไอศกรีมทั่วไปจะอยู่ที่ -6 ถึง -9 องศาเซลเซียส) และในขั้นตอนการปั่นไอศกรีมยังผสมอากาศเข้าไป ทำให้เราได้สัมผัสรสชาตินุ่มละมุน หอมหวาน ละลายในปากแต่โดยดี ยิ่งเป็นนมของฮอกไกโดที่มีปริมาณไขมันมากกว่านมของที่อื่นก็ยิ่งรู้สึกอร่อยลิ้น ไม่ว่าคนขายจะครีเอทผสมรสชาติอะไรเข้าไปก็ดูจะเข้ากันไปหมด กว่าจะหมดทริปก็ซัดเข้าไปหลายโคนอยู่ ถือเป็นของว่างที่กินได้เรื่อยๆ ซอกแซกตามที่ว่างของกระเพาะอาหารได้เป็นอย่างดี

ที่เห็นในภาพคือ Hokkaido Milk Soft Cream ที่ Hokusei Hill Observatory เกือบจะไม่ได้กินเพราะมัวแต่ขับรถชมวิวข้างทางของบิเอะซะเพลิน ตอนที่ไปถึง ร้านเพิ่งปิดไปไม่กี่นาที (ปิดตอน 5 โมงเย็นนะ) ด้วยหน้าตาที่น่าสงสารสุดๆ คุณป้าเลยยอมขายให้เรา รสชาติสมหวังดังตั้งใจ หอมนมมากกก หวานน้อย อร่อยสุดๆ ถือเป็นโคนเปิดทริปได้อย่างสวยงาม

Location : https://goo.gl/maps/HbGzSDMXQ8t

Lavender Soft Cream ที่ฟาร์มโทมิตะ อันนี้เราขอแนะนำของแมสๆ แต่การันตีว่าอร่อยจริง สีม่วงพาสเทล หอมกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆ ทำให้สาวๆ หลงรักไปตามๆ กัน มีให้เลือกทั้งแบบใส่โคนและแบบถ้วย ใครอยากถ่ายรูปสวยๆ แนะนำว่าต้องรีบหน่อยนะเพราะไอศกรีมแบบนี้ค่อนข้างละลายง่าย

Location : https://goo.gl/maps/QRt4mckUNnJ2

Milk Half Matcha Soft Cream ที่ Goryokaku-Tower ณ เมืองฮาโกดาเตะ ซึ่งเป็นป้อมจุดชมวิวรูปดาวห้าแฉก ในภาพที่เห็นคือรส original บวกกับชาเขียวหอมๆ (นี่เลือกรสชาติจากสีของบรรยากาศรอบๆ นี่นา ฮ่าๆ) ซื้อก่อนแล้วค่อยเดินชมวิวรอบๆ หอ ละเลียดทั้งไอศกรีมและวิวของป้อมรูปดาวมุมสูงไปพร้อมกัน ฟินดีจางงงง

Location : https://goo.gl/maps/NK53LUd5CCJ2

Shiroi Koibito Parfait ที่ Shiroi Koibito Park ในเมืองซัปโปโร หลังจากเดินชมโรงงานช็อกโกแลตเสร็จ แนะนำให้มานั่งชิวๆ ที่ Chocolate Lounge แล้วสั่งพาร์เฟต์ soft cream รสนมผสมรสช็อกโกแลตที่หอมหวาน เสิร์ฟพร้อมกับเจ้าคุกกี้ขึ้นชื่อของ Shiroi Koibito แถมยังมี Topping Berry ต่างๆ ตัดรสชาติได้ดีมาก ใครติดใจรสชาติขนมก็ซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝากได้เลย (แต่แนะนำให้ไปซื้อที่สนามบินก็ได้นะเพราะเป็นของฝากชื่อดังอยู่แล้ว)

Location : https://goo.gl/maps/SpXu4NFz5S42

สิ่งที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดคือ ข้าวหน้าทะเลสดๆ ล้นชาม!  เพราะขึ้นชื่อเรื่องความสดมาก ด้วยว่ากระแสน้ำอุ่นและน้ำเย็นมาบรรจบกัน กระแสน้ำอุ่นทำให้แพลงก์ตอนและอาหารของเหล่าสัตว์ทะเลต่างๆ อุดมสมบูรณ์ ส่วนกระแสน้ำเย็นทำให้สัตว์ต่างๆ พากันสะสมไขมัน ขุนตัวเองให้ใหญ่เบิ้มกว่าปกตินั่นเอง ฉะนั้นในชามต่างๆ ที่ร้านโปะวัตถุดิบสดๆ เข้ามาแบบไม่ยั้งนั้น แทบจะไม่ถูกปรุงรสชาติอะไรเลย เพราะเขาอยากให้เราได้ชิมรสชาติแจ่มๆ จากทะเลฮอกไกโดนี่ละ แต่ขอแนะนำให้กินที่แถวตลาดปลาจะอร่อยชัวร์และราคาไม่แพง เพราะเราเคยพลาดไปแล้วที่โอตารุ ซึ่งเต็มไปด้วยร้านข้าวหน้าของทะเลและมโนเอาเองว่าทุกร้านคงสดเหมือนกันหมด… แต่เปล่าจ้า! ร้านข้างทางอยู่แถวๆ ทางที่จะไปพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีค่อนข้างจะเฟล ความสดของอาหารสู้ที่ตลาดไม่ได้จริงๆ (เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน)

ภาพที่เห็นคือ ข้าวหน้าทะเลที่ตลาดปลานิโจ ซัปโปโร มีให้เลือกหลากหลายแบบ รับประกันความสดทุกอย่าง ปลามาชิ้นใหญ่ลายสวย ไข่หอยเม่นไม่มีกลิ่นคาวเลย ประทับใจกับซุปมิโสะขาปูที่รสชาติมิโสะเข้ากันกับกลิ่นปูมากๆ และเมื่อเทียบราคาแล้วก็ถือว่าคุ้มมากกับความอร่อย ราคาไม่แพงเลย

Location : https://goo.gl/maps/ZufVL8yaMLL2

ไปต่อกันที่ ข้าวหน้าทะเล ณ ตลาดปลาอาไซจิ ที่ฮาโกดาเตะ ใครสายแซลมอนแนะนำให้สั่งปลาแซลมอนบวกไข่ปลาแซลมอน รับรองว่าฟินมากกกกก หรือจะเป็นหน้าปูทาราบะ หอยโฮตาเตะ กุ้งหวานก็สด หวานอร่อยมากๆ ราคาคุ้มค่า อ้อ มีข้อสังเกตเพิ่มเติมมาฝาก คือข้าวที่ฮาโกดาเตะจะมีความนุ่มนวลลิ้นมากกว่าที่ซัปโปโรด้วยนะ ใครที่ไปกินช่วยมาบอกด้วยว่าเรามโนไปเองหรือเปล่า ฮ่าๆ ส่วนการเดินทางไปนั้นง่ายมากๆ เพราะอยู่ติดกับสถานีฮาโกดาเตะเลย เดินไม่เกิน 5 นาทีก็ถึง ห้ามพลาดจ้า!

Location : https://goo.gl/maps/ccEvNcLESbn

ราเมนในแต่ละพื้นที่ของเกาะฮอกไกโด จะมีจุดเด่นแตกต่างกันในเรื่องของน้ำซุป เช่น ถ้าไปอาซาฮิคาวาควรจะลองน้ำซุปโชยุ ราเมนซัปโปโรจะดังเรื่องน้ำซุปมิโสะ หรือจะเป็นราเมนซุปเกลือของฮาโกดาเตะ ก็แล้วแต่ว่าจะชอบรสชาติแบบไหน ส่วนตัวติดใจรสชาติของราเมนน้ำซุปมิโสะที่สุด ทั้งความหอมของมิโสะและรสชาติเข้มข้นถึงใจ แต่อาจจะเลี่ยนในตอนท้ายเอาได้เพราะชามใหญ่มาก! หาเพื่อนแชร์ตามสไตล์คนไทยก็ได้นะคะ จะได้ลองหลายๆ แบบ

ว่ากันว่าที่ซัปโปโรเนี่ยต้องมาลองราเมนซุปมิโสะ เราเลยมากันที่ Ramen Republic ตั้งชื่อยิ่งใหญ่อลังการมาก แปลว่าสาธารณรัฐราเมน เนื่องจากเขาได้รวมเอาร้านราเมนชื่อดังทั่วซัปโปโรทั้งหมด 8 ร้านมาไว้ในที่เดียว ไม่ต้องลำบากดั้นด้นไปกินถึง Asahikawa Ramen Village (ในทริปนี้เราได้ไปลองกินแล้ว รสชาติของร้านที่สุ่มเลือกเดินเข้าไปกิน ไม่สมหวังดังใจนัก) จากที่เดินวนแล้ววนอีก จึงเดินเข้าร้าน Yoshiyama Shouten (吉山商店/ ชั้น 10 ห้าง Esta ใกล้สถานีซัปโปโร) ด้วยเพราะแพ้ภาพ food shot ที่หน้าร้าน และเลือกเมนูที่ดูแคลอรีสูงสุดอย่างไม่แคร์สื่อ นั่นคือราเมนซุปมิโสะงาคั่วโปะท็อปปิ้งด้วยสันคอหมูย่างมาอีกครึ่งชาม น้ำซุปมิโสะที่ใส่งาคั่วมาเต็มเหนี่ยวนั้นหอมเข้มข้นสะใจมากๆ เส้นที่เหนียวนุ่ม หมูสันคอย่างอร่อยมากๆ เช่นกัน แต่กินไปเรื่อยๆ แล้วค่อนข้างจะเลี่ยนเพราะชามใหญ่มาก กินไม่หมดสักที

Location : https://goo.gl/maps/jdLj3EQDbqK2

ชีส ชีส และชีส รสชาติชีสที่ตราตรึงใจ! อีกหนึ่งประเภทของกินที่ทำเอาสาวๆ หลายคนฟินกันไปเลย นมและชีสของฮอกไกโดเลื่องชื่อลือชาอยู่แล้ว ก็จัดกันไป! Snaffle’s เป็นชีสเค้ก No.1 ของฮอกไกโด รู้ทั้งรู้ว่ามีขายในไทย แต่ได้มาถึงฮาโกดาเตะแล้วก็จัดซะหน่อย ถูกกว่าที่ไทยเยอะ สาขาที่เราไปซื้ออยู่แถวโกดังตึกแดง (Kanemori Red Brick Warehouse) เนื้อชีสเค้กที่นุ่มฟูเบา ละลายในปาก ไม่หวานเลี่ยน กินทีเดียวได้สองชิ้นอย่างไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ ตอนเราไปกันร้านเกือบจะปิดเลยซื้อแล้วออกมาหาที่กินด้านนอกตึกแดงที่ติดกับท่าเรือ กินไปดูพระอาทิตย์ตกดินไปที่ท่าเรือ แหม่ มันฟินมากๆ

Location :https://goo.gl/maps/M9G9P48HafS2

อีกความชีสที่ไม่ควรพลาดคือ Lucky Pierrot ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังที่มีหลายสาขาในฮาโกดาเตะ โดยที่ร้านมีคอนเซ็ปต์ใช้แต่ของคุณภาพดี สดใหม่จากฟาร์มในฮอกไกโด ไม่ใส่สารกันบูดหรือวัตถุอันตรายเจือปน เมนูเด่นก็ไม่พ้นชีสเบอร์เกอร์ไส้ต่างๆ ทั้งเนื้อ หมู ไก่ ขนาดใหญ่และรสชาติเข้มข้นถึงใจ สไตล์อเมริกันบวกญี่ปุ่น อร่อยกว่าเบอร์เกอร์ที่เราเคยกินทั่วไปมากๆ นอกจากนั้นยังมีเมนูไม่แคร์แคลฯ ของเราอีกแล้วนั่นคือ เฟรนช์ฟรายส์ราดชีสที่เสิร์ฟมาในแก้ว Mug เข้มข้นสะใจซะจริง เราเลือกกินสาขาใกล้ๆ Red Brick ใครไปอย่าลืมเลือกนั่งตรงโซนที่ติดกับอ่าวเลยจะได้ชมวิวสวยๆ ของท่าเรือไปด้วย

Location : https://goo.gl/maps/fUChYTr2He42

มาถึง Furano Cheese Factory ก็ขอลองไอติมชีสซะหน่อย เลือกได้ว่าจะกินรสเดียวหรือแบบมิกซ์ 2 รสมาในโคนเดียวกันก็ได้ เราเลยเลือกรสนมและชีสมากินคู่กัน อร่อยม้ากก คนชอบชีสต้องไม่พลาด นอกจากรสชีส ยังมีรสแปลกๆ ให้ได้ลองกินอีก เช่น รสฟักทอง รสข้าวโพด รสเกรปเบอร์รี หรือรสหน่อไม้ฝรั่ง เป็นต้น แต่เราว่ารสชีสและนมยังให้เป็นที่หนึ่งอยู่ มันได้ฟิลฮอกไกโดดีจ้า
Location : https://goo.gl/maps/1zzgSQNC3Kp
มาถึงฮอกไกโด จะให้กินมังฯ เนี่ยนะ! สายเนื้ออาจจะรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ไอเดียที่ดีเท่าไร แต่ขอบอกว่าให้ลองเถอะ อย่างที่บอกว่าฮอกไกโดดังเรื่องปศุสัตว์และเกษตรกรรมอยู่แล้ว ผักต่างๆ ที่ไซส์บิ๊กเบิ้มไม่แพ้อาหารทะเลก็มีรสชาติพิเศษเฉพาะตัวมาก ยิ่งกินในบรรยากาศฟาร์มโทมิตะด้วยยิ่งทำให้อะไรๆ ก็รสชาติดีขึ้นไปหมดแบบไม่มีเหตุผลเลยแหละ

ที่ Tomita Melon House เมล่อนจะหอมและหวานมากๆ เปลือกของเมล่อนญี่ปุ่นบาง เนื้อหวานๆ จะลามมาถึงส่วนเปลือก ทำให้หวานทั้งชิ้นที่กินเข้าไป ที่ร้านมีขายทั้งลูกสำหรับคนที่เป็นเมล่อนเลิฟเวอร์ ขายครึ่งลูกโปะด้วยซอฟต์ครีมก็มี ใครกลัวกินไม่หมดก็มีแบ่งขายเป็นเสี้ยวๆ แช่เย็น ส่วนราคาก็แรงมิใช่น้อยแต่ต้องกินนะ ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง

Tomita farm ไม่ได้มีแค่เมล่อนอร่อย ข้าวโพดเป็นอีกสิ่งที่น่าประทับใจสุดๆ ด้วยความไม่ได้คาดหวังอะไรมาก พอได้กินเข้าไปรู้สึกว่าเมล็ดข้าวโพดมีความกรอบเด้งในทุกๆ คำที่กัดเข้าไปเลย เหมือนแต่ละเมล็ดมีความฉ่ำน้ำมาก แพ็กเกจใส่ข้าวโพดก็เก๋ พลาสติกที่หุ้มทั้งฝัก ดึงเส้นพลาสติกออกตรงกลางแล้วดึงออกฝั่งหนึ่ง เพื่อให้อีกฝั่งถือได้ไม่เลอะมือ สมกับเป็นญี่ปุ่นจริงๆ ขอแถมอีกหนึ่งอย่าง คือมันฝรั่งย่างใส่เนย กลิ่นมันฝรั่งย่างหอมฉุย แล้วเขาใส่เนยมาให้แบบไม่ยั้ง เป็นคอมบิเนชันที่เข้ากันได้ดีสุดๆ ความหวานหอมของมันฝรั่งนวลๆ เข้ากันกับกลิ่นเนยม้าก

Location : https://goo.gl/maps/QRt4mckUNnJ2

คาดว่าทุกคนที่ไปซัปโปโรต้องได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโรแน่ๆ พอเดินชมประวัติต้นกำเนิดของเบียร์ซัปโปโรเรียบร้อยแล้ว ของกินที่ไม่ควรพลาดคือเนื้อเจงกีสข่าน หรือเนื้อแกะนั่นเอง ซึ่งเขาจะมีเนื้อแกะสองแบบ คือแบบฟรีซ (แผ่นกลมๆ) กับแบบสดที่แล่เป็นเส้นๆ สมาชิกทุกคนลงความเห็นกันว่าแบบฟรีซชนะเลิศจ้า ด้วยความที่เราไม่ชินกับกลิ่นสาบแรงๆ ของเนื้อแกะ  จึงทำให้กินแล้วประทับใจในความไม่เหม็นสาบเลยจริงๆ เวลาย่างเขาก็มีวิธีให้เอาพวกผักลงไปรองที่กระทะก่อน แล้วค่อยๆ บรรจงคีบเนื้อดิบไปย่างบนนั้น รอจนสุกได้ที่ก็คีบเนื้อกับผักที่มีกลิ่นไหม้ๆ จิ้มกับน้ำจิ้มก่อนเข้าปาก แหม่! ทำไมเนื้อแกะมันอร่อยจังเนี่ย เนื้อแบบฟรีซจะแพงกว่าแบบไม่ฟรีซนิดหน่อย แต่คุ้มที่จะสั่งจริงๆ ใครไม่เชื่อลองสั่งหลายๆ แบบมากินกันดู แล้วอย่าลืมสั่งเบียร์ซัปโปโรมากินคู่ด้วยกันละ สดชื่นอย่าบอกใคร

Location : https://goo.gl/maps/pFipADctCvD2

ปิดท้ายด้วยการแนะนำมื้ออาหาร local จากเกสต์เฮ้าส์ที่เราได้ไปพำนักอาศัย เป็นโฮมสเตย์แถวฟุราโนะ ชื่อ Pension Ashitaya เจ้าของเป็นชายอาวุโสที่แสนจะใจดีชื่อจิมมี่ซัง ซึ่งเราได้จองมื้อเย็นของที่นี่ไว้ด้วย เพราะอยากลุ้นกับอาหารที่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้กินอะไร ขอฝากท้องไว้กับจิมมี่ซังเลยละกัน ภรรยาของจิมมี่ซังเป็นคนปรุงอาหารเองทั้งหมด จิมมี่ซังเป็นคนเสิร์ฟ ทีละอย่างๆ เหมือนเป็นคอร์ส

แต่ละจานจิมมี่ซังจะแนะนำหมดว่า ข้าวนี้มาจากฟาร์มที่ไหน (จะบอกว่าประทับใจข้าวสวยมาก หอม นุ่ม อร่อย) ผักชนิดนี้ของเพื่อนเขาปลูกเอง เล่าถึงสภาพอากาศในฤดูต่างๆ ฯลฯ เราก็ได้ภาษาญี่ปุ่นแบบงูๆ ปลาๆ เขาก็พยายามสื่อสารกับเราสุดชีวิต กลายเป็นพูดกันรู้เรื่องได้ไงไม่รู้ ทำให้มื้อนั้นเป็นมื้อที่ประทับใจและรู้สึกถึงความตั้งใจทำให้นักท่องเที่ยวได้เข้าใจถึงวัตถุดิบต่างๆ ที่ได้กินเข้าไป ทั้งๆ ที่แต่ละอย่างก็ดูเรียบง่ายและไม่ได้เลิศหรูอะไร แต่อร่อยมากแถมสารอาหารครบถ้วน 5 หมู่เหมือนได้กินของดีที่พ่อแม่ตั้งใจทำให้ลูกอย่างไรอย่างนั้นเลย แล้วยังได้มิตรภาพดีๆ แบบที่หาจากร้านอาหารไหนไม่ได้ ถ้าได้กลับไปฟุราโนะครั้งหน้าก็บอกจิมมี่ซังไว้แล้วว่าอยากมาพักที่นี่อีก ขอจองไปยาวๆ เลยค่า

Location : https://goo.gl/maps/L3rQyJ5PrJL2

—-

เรื่องและภาพโดย พิชญา ทองสวรรค์

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS