บอกแล้วว่าไปเการอบนี้คือไปตะลุยกิน และในฐานะธิดาคาร์โบฯ แน่นอนว่าเราจะพลาดร้านนี้ไปไม่ได้ เพราะ London Bagel Museum คือร้านขายเบเกิลที่อร่อยที่สุดในเกาไหมไม่รู้ แต่ป๊อปสุดและขึ้นชื่อลือชาเรื่องรอคิวยาวววววว จริงๆ LBM เปิดร้านมาในช่วงโควิด ซึ่งก็แปลว่าเปิดมา 2-3 ปีแล้ว แต่ฝูงชนก็ยังแห่แหนไปกินนางแบบมหาศาลไม่เลิกไม่รา อ่ะ ว่าแล้วสาวไทยใจแกร่งก็ไปต่อสู้แย่งชิงคิวกับเขาด้วย
![londonbagelmusuem](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/06/ArticlePic_1920x1920-07px-1024x1024.jpg)
ร้านเปิด 09:00 น. แก๊งเราไปถึงตอนอีกสิบนาทีจะเก้าโมง แต่คุณพระ! หน้าร้านเต็มไปด้วยชาวเกายืนๆ นั่งๆ กันแบบที่เรียกว่าเต็มไปหมด เอาละ ทำใจดีๆ แล้วเดินไปที่น้องสต๊าฟซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ตู้กดคิว ความยากอันดับแรกคือน้องพูดอังกฤษได้แค่นิดหน่อย และเราต้องกดคิวที่ตู้ซึ่งต้องใส่หมายเลขมือถือเกาหลี เพื่อที่พอถึงคิวจะมี sms แจ้งมา แต่ทีมเราไม่มีใครมีเบอร์เกาหลีเลย น้องบอกไม่ต้องใส่เบอร์ก็ได้ แต่ต้องขยันดูคิวเองนะ เพราะจะไม่มีการแจ้ง ได้ กดคิวป้าบ เลขที่ออกคือ 274 แม่จ๋า! ตอนนั้นคิวที่ 1 ยังไม่ได้เข้าร้านเลยแกรรรร! และนี่ขนาดเลือกคิวแบบ take away (ถ้าเลือกแบบนั่งกินในร้าน การรอคิวน่าจะโหดกว่านี้อีก) ยืนดูท่าที กะประมาณว่าแต่ละคิวใช้เวลาสักแค่ไหนนะ ก็ประเมินว่ากว่าจะถึง 274 ของเราน่าจะสองชั่วโมงอัพ ว่าแล้วก็ไปเดินหาคาเฟ่นั่งรอ เจอคาเฟ่คัพเค้กเล็กๆ น่ารักเลยเข้าไปสั่งกาแฟกับคัพเค้กกิน แต่เจ้าของร้านบอกว่านั่งได้แค่ 20 นาทีเท่านั้นนะ อ้าว! อันนี้คาดว่าอาจจะโดนเหล่าผู้รอคิว LBM มานั่งยาวๆ และร้านเขาก็เล็กจิ๋วมาก เลยออกกฎไว้ สรุปนั่งกันอยู่ได้สักครึ่งชั่วโมงก็ต้องออกไปยืนรอคิว ซึ่งใช้เวลารอทั้งสิ้น 2 ชั่วโมงครึ่งไปเลยจ้ะ ตอนที่ถึงคิวเข้าร้านฟีลประหนึ่งได้แชมป์โลก อยากจะกระโดดหมุนตัวเต้นระบำ 3 รอบ!
![londonbagelmusuem](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/06/ArticlePic_1920x1920-03px-1024x1024.jpg)
![londonbagelmusuem](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/06/ArticlePic_1920x1920-06px-1024x1024.jpg)
เดินเข้าไปในร้านก็ตื่นตาตื่นใจกับการตกแต่งสุดน่ารัก ได้ฟีลเหมือนร้านเบเกอรี่ที่อังกฤษสมชื่อจริง แต่ที่ตื่นตาสุดๆ ก็แน่นอนว่าคือสารพัดเบเกิลที่แต่ละชิ้นใหญ่บึ้ม แถมยังมีสารพันชนิด กวาดตามองคร่าวๆ น่าจะเฉียด 20 ให้เลือกสรรกันจนตาลาย แถมมีทั้งคาวทั้งหวานละลานตา สมกับเป็นสวรรค์ของคนรักเบเกิลที่แท้ หยิบถาดได้ ก็ถึงเวลาเลือก ใจจริงอยากกินหมดทุกชิ้นให้คุ้มกับ 2 ชั่วโมงครึ่งที่รอมา แต่ชิ้นเขาใหญ่มากจริงๆ กินชิ้นเดียวก็อิ่มแทนข้าวได้มื้อหนึ่งเลย ว่าแล้วก็ตัดใจเลือกมา 6 ชิ้น คละกันไปทั้งตัวซิกเนเจอร์และที่อยากกินเอง ได้แก่ Jambon Butter, Black Olive, Potato Cheese, Peperoni Cheese, Butter Salt, Plain Bagel ซึ่งกว่าจะได้ลองลิ้มชิมรสก็ปาไปอีกชั่วโมงกว่า (ไม่ได้นั่งกินในร้านอ่ะนะ ต้องไปเดินหาที่ที่จะกินได้ เพราะชิ้นเขาใหญ่มากจริงๆ จะถือเดินกินก็ไม่ถนัด) ขนาดกินตอนไม่อุ่นไม่ใหม่สดแล้ว แต่แป้งโดว์ยังคงนุ่ม หนึบ เนื้อแน่นแต่ไม่แข็งไม่เหนียวเลย
![londonbagelmusuem](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/06/ArticlePic_1920x1920-05px-1024x1024.jpg)
![londonbagelmusuem](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/06/ArticlePic_1920x1920-02px-1024x1024.jpg)
ส่วนตัวชอบตัว Plain Bagel หรือเบเกิลเปล่าๆ ไม่มีรสใดๆ เพราะได้ซึมซับรสชาติเค็มนิดๆ กับตัวแป้งที่นุ่มหนึบชัดเจน Butter Salt ก็คล้ายๆ กันแต่เพิ่มรสเค็มมากหน่อย Peperoni Cheese อันนี้ออกรสเผ็ดชัดเจน เพราะมีพริกหั่นแว่นสอดแทรกอยู่ในเนื้อเบเกิล กัดไปโดนก็จะเผ็ดในระดับที่คนกินส้มตำใส่พริก 3 เม็ดแบบเรารู้สึกว่าเผ็ดเกินไป แสบปาก น้ำตาไหลกันเลยทีเดียว Potato Cheese ตัวฮิตตัวดังที่อร่อยสมราคา เนื้อแป้งนุ่มๆ หนึบๆ ด้านในสอดไส้มันฝรั่งนุ่มๆ ด้านบนโปะชีสเค็มๆ มันๆ ชาวแก๊งบอกว่าอร่อยสุด Jambon Butter อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ก็คือใส่แฮมมาแบบไม่กั๊กกับชีสและเนยรสเค็มเข้ากันดี ชิ้นนี้เรียกว่ากินไปครึ่งเดียวก็อิ่มแบบไม่ต้องกินข้าวแล้ว Black Olive ก็รสนัวละมุนด้วยความเค็มนิดๆ ของแป้งโดว์กับโอลีฟหั่นแว่นกระจายไปทั่วก้อน ส่วนสนนราคาเริ่มที่ 3000 กว่าวอนไปจนถึง 7000 กว่าวอน
![londonbagelmusuem](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/06/ArticlePic_1920x1920-04px-1024x1024.jpg)
เรียกว่ากินเบเกิลที่นี่แล้วจะลืมเบเกิลร้านเชนในกรุงเทพฯ ที่กินกันมาทั้งชีวิตไปเลย เพราะเหมือนเป็นอาหารคนละชนิด และก็ยังไม่เคยเจอเบเกิลที่เนื้อดีขนาดนี้มาก่อน สมแล้วกับที่ป๊อปปูลาร์ระดับคนยอมรอคิวกันเป็นหลายๆ ชั่วโมง ถ้ากลับไปเกาอีกก็จะไปต่อคิวอีก ตั้งใจว่าจะเลือกไปวันธรรมดาที่คิวน่าจะน้อยกว่า (รอบนี้ดันไปวันเสาร์ โห้ย!) และจะลองสู้คิวแบบนั่งกินที่ร้านดู เพราะร้านน่ารักอังกริ๊ดอังกฤษมากจริงๆ หรือถ้าไม่ไหวจะรอก็ไปสาขา Dosan ที่เขาว่าไม่ต้องต่อคิว
พิกัด: สถานี Anguk ทางออก 2 เป็นร้านสาขาแรกต้นตำรับ แต่ยังมีสาขา Dosan อีกแห่ง
ภาพ: https://judyer.com/londonb/