The Last Recipe อาหารจากหัวใจคืออาหารที่อร่อยที่สุดในโลก

2,270 VIEWS
PIN

image alternate text
คำโปรยบอกไว้ว่านี่คือเรื่องราวของเชฟอาหารมื้อสุดท้าย ผู้ได้รับการว่าจ้างให้ตามหาสูตรอาหารที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อให้เป็นสุดยอดสูตรอาหารที่โลกต้องจารึก และการออกเดินทางครั้งนี้เองที่ทำให้ตัวเขาได้ค้นพบตัวตนและเยียวยาหัวใจตัวเองไปด้วย

แต่ที่ทำให้ The Last Recipe ยิ่งเลื่องลือก็เพราะทีมงานเบื้องหลัง ตั้งแต่ผู้กำกับระดับรางวัลออสการ์ โยจิโร่ ทาคิตะ (Departures) นักแสดงแนวหน้า นิโนะมิยะ คาซึนาริ (Letters from Iwo Jima) โค อายาโนะ (Ajin) ฮิเดโทชิ นิชิจิมา (The Wind Rises) ยูทากะ ทาเคอุชิ (BLUE AND ROSSO) อาโออิ มิยาซากิ (NANA) และที่ทำให้คนรักอาหารอย่างเราๆ ตาลุกวาวคือการดีไซน์เมนูเพื่อใช้ในภาพยนตร์ถึงกว่า 112 เมนู ซึ่งนักแสดงทุกคนต้องฝึกทำอาหารกับเชฟมิชลินตัวจริง เพื่อถ่ายทอด 112 เมนูให้ออกมาดูสมจริงและเอร็ดอร่อยเหมือนต้นฉบับที่สุด

เอาละ แล้วก็ถึงเวลาเข้าโรงไปดูกันว่า ‘หนังอาหาร’ ของผู้กำกับออสการ์จะออกมาแบบไหน เราติดตามซาซากิ มิตสึรุ เชฟอัจฉริยะที่จดจำรสชาติอาหารและวัตถุดิบได้ภายในการชิมเพียงครั้งเดียว ที่รับทำ ‘อาหารมื้อสุดท้าย’ เติมเต็มความปรารถนาก่อนตายของผู้คน ไปยังปักกิ่ง พบผู้ว่าจ้างซึ่งเป็นยอดเชฟชาวจีน ที่จ้างให้เขาตามหาสูตรเมนูอาหารในความทรงจำกว่า 70 ปีที่หายสาบสูญไปให้เจอ

ซาซากิออกเดินทางตามหาเมนูที่ว่านี้ซึ่งเป็นผลงานของเชฟชาวญี่ปุ่น นาโอทาโร่ ยามากาตะ เชฟอัจฉริยะเมื่อเกือบ 100 ปีก่อนที่มีจุดร่วมกับเขาคือสามารถจดจำรสชาติอาหารและวัตถุดิบได้ภายในการชิมเพียงครั้งเดียวเช่นกัน การได้ติดตามเส้นทางชีวิตและเรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจุดจบของสุดยอดเมนู เต็มไปด้วยความบีบคั้นอารมณ์ ความรัก มิตรภาพ ความสุข ความเศร้า ความเสียสละ ชนิดคนดูจะต้องแอบปาดน้ำตา

แต่นอกจากน้ำตาแล้ว ‘น้ำลาย’ ก็เป็นอีกสิ่งที่ควรเตรียมผ้าเช็ดหน้าไปซับ เพราะเมื่อเนื้อเรื่องเข้าสู่การให้กำเนิด ‘อาหารจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิญี่ปุ่น’ พร้อมภาพทีมอาหารของเชฟนาโอะซัง ที่พากันหยิบจับหั่นสับถูซอยขูดแล่ทอดต้มปิ้งย่างบรรดาวัตถุดิบชั้นยอดทั้งหลาย เพื่อรังสรรค์ 112 เมนูที่จะ ‘จารึกในประวัติศาสตร์โลก’ คุณเอ๊ยยยยยยยยย กล้องช่างจับภาพได้อย่างทรมานกระเพาะคนดูยิ่งนัก โคลสเข้าไปชนิดเห็นลายหินอ่อนสวยจัดของเนื้อมัตซึซากะ ภาพเนื้อที่ถูกวางลงบนเตาพร้อมเสียงซู่ซ่าจากความร้อนที่ทำปฏิกิริยากับเนื้อและมัน ภาพเอ็นดิชแสดงน้ำซุปที่เดือดปุดๆ ภาพการตัดกะหล่ำปลียัดไส้เห็นโมจิเหนียวหนึบเยิ้มควันฉุยอยู่ด้านใน แล้วยังจะภาพการกัดเนื้อชุบแป้งทอดกรอบดังกร้วม พร้อมการเคี้ยวตุ้ยๆ กับเสียงดังกรอบๆๆๆๆ ในปาก กว่าจะจบสองชั่วโมง จำไม่ได้ว่าแอบกลืนน้ำลายไปกี่รอบ ขอบอกว่า #ห้ามไปดูตอนท้องว่าง #มันทรมานมากจริงๆ

112 เมนูที่โฆษณาไว้ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้นั่งนับว่ามีให้ดูครบไหม และอาจจะด้วยความที่เป็นภาพยนตร์ เวลาค่อนข้างจำกัด บวกกับมีเส้นเรื่องว่าด้วยชีวิตและความเป็นไปของตัวละครอีก แต่ละเมนูเลยมาอย่างรวดเร็ว มาเร็วไปเร็ว กะพริบตาปริบเดียว อ้าว เปลี่ยนจานแล้ว แต่ในความเร็วนั้น รับรู้ได้ว่ามีการดีไซน์และประดิดประดอยแต่ละจานมาอย่างพิถีพิถัน จนดูๆ แล้วก็แอบคิดไปว่าถ้าเอามาทำเป็นซีรี่ส์ ลงดีเทลแต่ละจานให้หนักๆ น่าจะยิ่งฟินไปอีก แต่แค่นี้ก็ฟินมากละ อารมณ์เหมือนตอนอ่านการ์ตูนเกี่ยวกับการทำอาหาร ที่พอได้กินแล้วจะมีน้ำตกพวยพุ่ง มีสายรุ้งโผล่มาข้างหลัง แต่ละเมนูที่จัดมาอย่างดี ความสมจริงในการแสดงของคุณเชฟนาโอะและซาซากิ ไปจนถึงงานภาพ การตัดต่อ งานเสียง รวมกันอย่างกลมกลืนมีประสิทธิภาพทำให้น้ำลายไหลบวกท้องร้องครืดคราดอย่างกับกินข้าวมื้อล่าสุดตั้งแต่เดือนก่อน

อย่างที่บอกว่าแม้จะมี 112 เมนูและภาพยั่วยวนชวนหิวของอาหารเป็นส่วนสำคัญ แต่อีกครึ่งหนึ่งที่สำคัญพอๆ กันก็คือเรื่องราวของชีวิต ความฝัน ความรัก ความทุ่มเท The Last Recipe คือภาพยนตร์ที่กำลังบอกเราว่าเรื่องที่อาจจะดูเหมือนธรรมดาสามัญอย่างอาหาร จริงๆ แล้วมันมีค่ามีความหมายความสำคัญยิ่งกว่านั้นมาก และความฝันของคนที่รักและหลงใหลในการทำอาหารก็สามารถยิ่งใหญ่ได้ไม่แพ้ฝันอื่นๆ คิดอีกที อาหารอาจเป็นเพียงไม่กี่สิ่งในโลก ที่สามารถหลอมรวมผู้คน ทลายทั้งเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ อคติ และเส้นแบ่งทั้งหลาย เหมือนที่เชฟหมิงบอกกับนาโอะซังว่าในโลกแห่งความจริง ความฝันที่จะลบทิ้งเชื้อชาติ อคติ ชนชั้นวรรณะ เป็นได้แค่ความฝัน แต่ในโลกของอาหารมันสามารถเป็นจริงได้

ดีงามขนาดนี้ก็ไม่แปลกใจที่ได้รับยกย่องเป็น 1 ใน 5 ภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ดีที่สุดของปี 2017 โดย Japan Time #อย่าลืมกินให้อิ่มก่อนเข้าโรง #อาจจะพอช่วยได้เล็กน้อย

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS