วันหนึ่ง ฉันไม่ได้เดินเข้าป่า แต่เดินอยู่แถวสี่แยกคอกวัว แล้วสายตาก็เหวี่ยงไปเจอร้านเล็กๆ ร้านหนึ่ง สะดุดตาเพราะผนังกระจกรอบด้านที่มองเข้าไปเห็นเคาน์เตอร์และสารพัดเครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งพนักงานที่ก้มๆ เงยๆ อยู่กับงานตรงหน้า สงสัยว่าเขาทำอะไรกัน และมันคือร้านอะไร จนต้องเดินเข้าไปเกาะกระจกดู พบว่าเป็นร้านขายช็อกโกแลต คนที่เห็นง่วนๆ กันอยู่ในร้านต่างก็กำลังวุ่นกับการทำช็อกโกแลต หืมมมมม ทำกันสดๆ เปิดโล่งให้เห็นแบบนี้เลยหรือ ไม่เคยเจอมาก่อน แล้วเจ้าน้องช่างภาพที่มาด้วยกันก็กระตุกแขนด้วยความตื่นเต้น ชี้ไปที่ป้ายหน้าร้านพร้อม “พี่ๆๆๆๆ นี่ร้าน PARADAi อ่ะ ร้านช็อกโกแลตคราฟต์ที่กำลังดังไง”
สบตากันหนึ่งที เราสองก็ผลักประตูเข้าไปนั่งพร้อมสั่งเครื่องดื่มและบอนบอน สัมผัสแรกที่ช็อกโกแลตเย็นเข้าปาก โอ้โห แทบจะเห็นน้ำพุสายรุ้งยูนิคอร์นกระโดดออกมาพร้อมกันที่ฉากหลัง มันอร่อยมาก ยอมรับว่าเกิดมาก็ไม่เคยกินช็อกโกแลตที่คั่วบดสดใหม่แบบนี้มาก่อน จะให้เทียบกับร้านช็อกโกแลตคราฟต์ร้านอื่นก็ไม่สามารถ แต่เทียบจากความรู้สึกในชีวิต 18 ฝนของตัวเอง นี่คือช็อกโกแลตที่อร่อยที่สุดตั้งแต่เคยกินมา
นับจากวันนั้นก็ได้อาฆาตไว้ว่าจะต้องกลับมาทำรีวิวร้านนี้ให้จงได้ และนั่นเองคือสาเหตุให้ฉันกลับมาร้าน PARADAi อีกครั้ง คราวนี้มาในหน้าที่ ติดต่อนัดหมายคุณ อิ๋ว ภูริชญ์ ฐานะวุฑฒ์ หนึ่งในเจ้าของร้านไว้อย่างเรียบร้อย ใช่แล้ว หนึ่งในเจ้าของร้าน เพราะ PARADAi หรือ ‘ภราดัย’ เป็นการร่วมมือกันของกลุ่มเพื่อนที่เรียนจบทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหารและมีประสบการณ์ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มโดยเฉพาะช็อกโกแลตและกาแฟ หลังจากได้ไปลองกินช็อกโกแลตคราฟต์ที่ต่างประเทศ คุณอิ๋วก็นึกอยากจะให้คนไทยได้กินช็อกโกแลตอร่อยๆ แบบนี้บ้าง เลยเริ่มศึกษาเรื่องช็อกโกแลตในบ้านเราและเริ่มต้นทำฝันให้เป็นจริงด้วยการตระเวนซื้อเมล็ดโกโก้จากชาวบ้านที่ จ. นครศรีธรรมราช
“ซื้อตามบ้านคนทั่วไปที่เขาปลูกต้นโกโก้ไว้หน้าบ้าน” คุณอิ๋วเล่า “เราเห็นคนปลูกต้นโกโก้ทิ้งไว้มานานแล้ว เพราะอย่างที่รู้ ประเทศไทยเคยมีโรงงานช็อกโกแลต แต่ปิดไป ต้นโกโก้ก็ปลูกทิ้งไว้อย่างนั้น ไม่ได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์อะไร เราก็ไปขอซื้อมา”
หลังใช้เวลากว่าสองปีกับการทดลอง หมัก คั่ว ผสมจนได้ที่ ร้าน ‘ภราดัย’ ที่เป็นเสมือนโรงงานช็อกโกแลตขนาดย่อมก็เปิดตัวขึ้นในตึกเก่าย่านพระนคร ให้เราได้เข้าไปสัมผัสรสชาติช็อกโกแลตสุดเข้มข้น ที่มองเห็นกระบวนการทำเกือบทุกขั้นตอน และแน่นอนทั้งสดทั้งใหม่ ชนิดแค่เปิดประตูเข้าไปก็ได้กลิ่นช็อกโกแลตหอมอวลไปทั้งร้าน ความดีงามของช็อกโกแลตแห่งร้านภราดัยยังมีรางวัลระดับนานาชาติการันตีถึง 2 รางวัล นั่นคือเหรียญเงินและเหรียญทองแดง จากการประกวด International Chocolate Awards 2018 ในประเภท Micro Batch ทั้ง Belize Dark Milk 65% และ Nakhon Si Thammarat 58%
“ช็อกโกแลตบาร์ที่ดีต้องหักแล้วดังแคร่ก” คุณอิ๋วลุกไปหยิบช็อกโกแลตบาร์ที่หน้าร้านมา 1 อันแล้วหักให้เราดู มันดังแคร่กขณะแตกเป็น 2 ชิ้นจริงๆ จุดนี้ให้ลืมความรู้สึกยามหักช็อกโกแลตบาร์สำเร็จรูปตามซูเปอร์มาร์เก็ตได้เลย ไม่เคยมียี่ห้อไหนที่หักแล้วได้ทั้งเสียงทั้งเนื้อสัมผัสอย่างที่เห็นอยู่นี้ “เพราะช็อกโกแลตแบบอุตสาหกรรม เขาจะคั่วให้ไหม้แล้วแต่งกลิ่นเพื่อกลบกลิ่นที่อาจติดมากับสายพันธุ์ การหมัก หรือการตากที่ไม่ได้คุณภาพ มีการบีบน้ำมันโกโก้ส่วนหนึ่งออกจากเนื้อโกโก้ เพราะเอาไปขายได้ราคาดีกว่า แล้วเติมน้ำมันพืชลงไปเพื่อลดต้นทุน เนื้อช็อกโกแลตที่ได้เลยไม่ใช่เนื้อช็อกโกแลตร้อยเปอร์เซ็นต์ ต่างจากคราฟต์ช็อกโกแลต”
นอกจากช็อกโกแลตบาร์ที่ได้รางวัลซึ่งมีวางขายในแพ็กเกจแบบไทยๆ สวยงามในราคา 250 บาท ภราดัยยังมีบอนบอนหรือช็อกโกแลตทรงกลมสอดไส้หลากรสให้ได้เลือกหยิบมาชิมกันอย่างสนุกสนาน เพราะบอนบอนของที่นี่มาพร้อมการครีเอทรสชาติแบบไม่ซ้ำใคร กะประมาณด้วยสายตาน่าจะกว่า 10 รส ทุกชิ้นเป็นงานแฮนด์เมด มีการลงสีให้เห็นกันที่หน้าร้าน จะเรียกว่าเป็นชิ้นเดียวในโลกก็ว่าได้
แถมแต่ละรสชาติยังใช่จะพบเจอได้ทั่วไป ‘ส้มซ่า & สายน้ำผึ้ง ครีมชีส’ อย่างนี้ ได้ทั้งรสขมของช็อกโกแลต ผสมรสเปรี้ยวอมหวาน กัดไปจะเจอเปลือกส้มซ่า แล้วยังมาพร้อมสัมผัสหยุ่นๆ นุ่มๆ ของครีมชีส ‘เสาวรส & งาดำ’ และ ‘ราสป์เบอร์รี & กระเจี๊ยบ’ ที่มีเนื้อเยลลีอยู่ด้านในเคี้ยวนุ่มเคี้ยวเพลินผสานรสหวานอมเปรี้ยวและขมได้อย่างลงตัว ‘ข่า & ส้มยูสุ’ ได้ความเผ็ดร้อนแบบบางเบาผสมความเปรี้ยวและขม หรือจะ ‘ฮาเซลนัทมาลิบู’ รสชาติเข้มข้นสะใจทั้งถั่วทั้งแอลกอฮอล์ ได้กลิ่นเหล้าเตะจมูกชัดเจน
“เราใช้ช็อกโกแลตนครศรีธรรมราช ทำให้มีสองรสชาติในชิ้นเดียว เพื่อรสจะได้ตัดกัน กินแล้วไม่เลี่ยน และพยายามคิดค้นรสชาติใหม่ๆ โดยการเอาวัตถุดิบไทยๆ ผสมลงไป” คุณอิ๋วยิ้มเมื่อเห็นพวกเราตื่นเต้นกับการชิมรสโน้นรสนี้
“ความตั้งใจของเราคือช็อกโกแลตไทยไม่แพ้ใคร เราพยายามนำความเป็นไทยออกไปให้โลกได้รับรู้ ทั้งแพ็กเกจ วัตถุดิบ ที่ตั้งร้านที่เป็นตึกเก่าห้ามเปลี่ยนแปลงต่อเติมใดๆ แม้แต่ชื่อร้าน ‘ภราดัย’ ก็มาจากชื่อของหนึ่งในหุ้นส่วนที่ดูแลเรื่องการหมักอยู่ที่ จ. นครศรีธรรมราช ฟังดูเป็นไทยดี เลยเอามาเป็นชื่อร้าน”
แล้วก็มาถึงเมนูซิกเนเจอร์ เครื่องดื่มสำหรับคนรักช็อกโกแลต มีให้เลือกตามความชอบทั้ง Hot Chocolate ช็อกโกแลตร้อนแบบอุ่นพอดีๆ มีแบบช็อกโกแลตเพียว หรือจะท็อปด้วยมาร์ชเมลโลว์นุ่มๆ เพิ่มสัมผัสละมุน และ Iced Chocolate ช็อกโกแลตเย็น ทั้งสองเมนู โรยหน้าด้วยดาร์กช็อกโกแลตสับเป็นชิ้นเล็กๆ กัดแล้วให้รสขมอมเปรี้ยวเล็กน้อยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของช็อกโกแลตนครศรีธรรมราช แค่จิบแรกก็ได้รสเข้มข้นของช็อกโกแลตแบบเต็มๆ แต่ถ้าอยากซึมซับรสชาติให้มากอีกนิด คุณอิ๋วแนะนำให้ดื่มหนึ่งอึก อมไว้ในปากสักพักแล้วค่อยกลืน จะรับรู้ได้ถึงความเข้มข้นของรสชาติที่อวลอยู่ได้ชัดเจนขึ้น เช่นเดียวกับบอนบอน กัดแล้วเคี้ยวเบาๆ ทิ้งไว้ในปากก่อนสักครู่ ค่อยกลืน ลองทำตามดูแล้วสามารถแยกแยะและรับรู้รสชาติที่ก็ว่าเข้มข้นแล้วได้มากขึ้นจริงๆ ด้วย และแน่นอน มันยังคงอร่อยมากในระดับสายรุ้งพวยพุ่งเหมือนที่มากินครั้งแรกไม่มีผิด
เครื่องดื่มอยู่ที่ราคาแก้วละ 100 บาท บอนบอนชิ้นละ 35-45 บาท อยากจะบอกว่าถูกมากเมื่อเทียบกับคุณภาพและความใส่ใจของคนทำตั้งแต่ต้นจนท้ายกระบวนการ เสียดายก็แต่ที่ตั้งร้านที่อยู่ค่อนข้างห่างจากแหล่งพลุกพล่านของคนเมืองไปสักหน่อย แต่ภราดัยมีแพลนจะขยายสาขาในไม่ช้า จะเพิ่มเมนูช็อกโกแลตต่างๆ รวมทั้งจะพยายามหาทางให้มีบริการส่งเครื่องดื่มแบบเดลิเวรี่ถึงบ้าน
“ช็อกโกแลตไม่เหมือนกาแฟ จะกินให้อร่อยต้องมากินที่ร้าน เอาออกจากร้านไปแป๊บเดียวก็ไม่อร่อยแล้ว เราเลยไม่มีบริการส่งเครื่องดื่ม เพราะมันไม่อร่อย ไม่อยากให้คนได้กินของไม่อร่อย”
แต่ด้วยความที่เป็นนักคิดค้นและทดลองกันอยู่แล้ว ทางร้านก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ กำลังหาวิธีทำให้น้องช็อกโกแลตยังคงรสชาติที่ดีแม้ต้องเดินทางไกลกว่าจะถึงผู้กิน โดยระหว่างนั้นก็ขอเชิญคนรักช็อกโกแลตเดินทางมาหาน้องก่อน ไกลนิด แต่รสชาติช็อกโกแลตคราฟต์ของภราดัยคุ้มค่าการมา เชื่อสิ!
พิกัด: ภราดัย Crafted Chocolate & Cafe ถนนตะนาว ใกล้สี่แยกคอกวัว ราชดำเนิน
เวลาเปิด-ปิด: 09.30 – 18.00 น. (ปิดวันอังคาร)
FB: www.facebook.com/Paradai.Chocolate/
