ภายใต้รสหวานขมชวนหลงใหล ช็อกโกแลตยังถูกหยิบมาเล่าผ่านภาพยนตร์ ซี่รีส์ ทั้งเปรียบเปรยรสหวานขมกับความรัก ไปจนถึงอำนาจของรสชาติช็อกโกแลตที่สามารถสร้างความสุข ปลอบประโลมจิตใจ จนนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตและขนบธรรมเนียม หรือเป็นเพียงภาพแทนขนมรสหวานที่ประกอบในฉากใดฉากหนึ่ง แต่ช่วยเติมเต็มและเสริมแก่นของเรื่องให้กลมกล่อมขึ้น เช่นเรื่องราวทั้ง 6 นี้
Charlie and the Chocolate Factory
ภาพยนตร์แฟนตาซีของทิม เบอร์ตัน ที่สร้างจากวรรณกรรมเยาวชนของโรอัล ดาลห์ เป็นเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในโรงงานช็อกโกแลตของวิลลี่ วองก้า อาณาจักรช็อกโกแลตที่เกิดขึ้นจากความฝันในวัยเด็กของวองก้า หลังได้ลิ้มชิมรสช็อกโกแลตและตั้งมั่นว่าจะต้องทำช็อกโกแลตให้ได้ ทว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากพ่อผู้เป็นทันตแพทย์ เขาจึงหนีออกมาสร้างโรงงานช็อกโกแลตอันยิ่งใหญ่และประสบผลสำเร็จอย่างมาก หลังช็อกโกแลตที่เกิดจากจินตนาการของเขาขายดิบขายดี แต่แล้วการลอกเลียนแบบก็เกิดขึ้น เริ่มมีร้านไอศกรีมที่ไม่มีวันละลายออกขาย หมากฝรั่งที่เป่าลูกโป่งยักษ์ได้ วองก้าเริ่มไม่ไว้ใจคนในโรงงานว่าจะเป็นหนอนบ่อนไส้ขโมยสูตรไปเผยแพร่หรือไม่ จึงตัดสินใจปิดโรงงานช็อกโกแลตและไม่มีใครเคยได้เข้าไปข้างในนั้นอีกเลยเป็นเวลาหลายปี
กระทั่งมีควันลอยขึ้นมาจากปล่องควันของโรงงาน มีช็อกโกแลตรสเลิศออกมาจากโรงงานของวองก้า โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่ากระบวนการผลิตในนั้นเป็นอย่างไร ตลอดระยะเวลาหลายปีเกิดอะไรขึ้นบ้าง และแล้ววองก้าก็เปิดขายช็อกโกแลตที่มีตั๋วทองชิงรางวัลเข้าชมโรงงานช็อกโกแลตของเขาจำนวน 5 ใบ ทำให้มีเด็กโชคดีรวมทั้งชาร์ลี เด็กชายที่อาศัยอยู่กับครอบครัวยากจนที่ได้รับโอกาสเข้าไปผจญภัยในโรงงานแห่งนี้พร้อมกับคุณปู่โจของเขา ที่เคยทำงานในโรงงานช็อกโกแลตของคุณวองก้า ผู้โหยหาอดีตอันน่าจดจำและใฝ่ฝันอยากจะกลับเข้าไปในโรงงานแห่งนี้อีกครั้ง แล้วเรื่องราวสุดมหัศจรรย์เหนือจินตนาการก็เริ่มต้นขึ้น นำมาซึ่งบทสรุปที่สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาร์ลี
Chocolat หวานนัก รักช็อกโกแลต
เรื่องราวเริ่มขึ้นที่เมืองเล็กๆ ในฝรั่งเศส สุดเคร่งครัดศีลธรรม ในช่วงเวลาหลังสงครามเยอรมันกับฝรั่งเศส ยุคที่ศาสนามีบทบาทสำคัญ ผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตอยู่ในขนบประเพณี ไม่หวือหวา โดยมีท่านเคานต์เป็นนายกเทศมนตรีประจำเมืองผู้เคร่งศาสนา กระทั่งการปรากฏตัวของเวียน รอชเชอร์ที่เดินทางมาพร้อมลูกสาว หลังเดินทางเผยสูตรขนมจากโกโก้ของชนเผ่ามายาบรรพบุรุษของตนไปทั่วทุกแห่ง แล้วมาเปิดร้านช็อกโกแลตในหมู่บ้านแห่งนี้ในช่วงเวลาที่ผู้คนถือศีลอด ใช้ชีวิตหวือหวาด้วยการแต่งตัวสีสันฉูดฉาดผิดกับผู้คนในเมืองจึงสร้างความไม่พอใจให้กับท่านเคานต์เป็นอย่างมาก
แต่ขณะเดียวกันช็อกโกแลตของเธอก็ช่วยเยียวยาจิตใจของผู้คนในเมืองอันเหี่ยวเฉาแห่งนี้ เช่น คู่รักจืดชืดที่กลับมาสวีทกันอีกครั้งเพราะช็อกโกแลตถั่วที่ช่วยเพิ่มพลังวังชาราวกับยาปลุกไฟรัก หรือคุณยายผู้เศร้าใจที่ถูกลูกสาวกีดกันไม่ให้พบกับหลานชาย แต่แล้วทั้งคู่ก็ได้พบกันที่ร้านช็อกโกแลตแห่งนี้ หลายคนเริ่มเปิดใจและกล้าที่จะทำสิ่งที่ตนไม่เคยทำมาก่อนแม้จะเป็นเรื่องที่เคยคิดก็ตาม ในขณะที่ท่านเครานต์ผู้เคร่งศาสนาพยายามบอกกล่าวชาวเมืองว่า ช็อกโกแลต ขนมหวาน รสชาติชวนหวือหวาเหล่านี้คือสิ่งล่อลวงของซาตาน ขณะนั้นเองมียิปซีเร่ร่อนแล่นเรือมา และนั่นทำให้เธอพบกับยิปซีหนุ่มหล่อ เรื่องราวความรักรสหวานขมดังช็อกโกแลตจึงเริ่มขึ้นพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงของเมืองเมืองนี้
Chocolate ซีรีส์เกาหลี ผลงานจาก Netflix
ซีรีส์ดราม่าเกาหลี ที่มีชื่อไทยว่า ‘ช็อกโกแลตสื่อสายใย’ อีคัง พระเอกในวัยเด็กอาศัยอยู่กับคุณแม่ที่เปิดร้านอาหารอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งอย่างมีความสุข เขาจึงมีความใฝ่ฝันอยากเป็นพ่อครัวและสืบทอดกิจการร้านอาหารจากแม่ อยากทำอาหารให้ทุกคนกิน วันหนึ่งได้พบกับชายอง นางเอกในวัยเด็กที่หลงทางมายังร้านอาหารของแม่ เธอไม่มีเงินติดตัวจึงแอบหยิบอาหารตากแห้งกิน พระเอกมาเห็นเลยทำอาหารให้เธอกินอย่างเอร็ดอร่อยจนเธอรู้สึกประทับใจในความใจดีของเขา ก่อนจากกันอีคังสัญญาว่าวันรุ่งขึ้นจะทำช็อกโกแลตให้เธอกิน แต่แล้วเกิดเหตุกาณ์ที่ทำให้ชายองมาพบอีคังไม่ได้
กระทั่งโชคชะตาพาทั้งคู่ให้กลับมาพบกันอีกครั้งในวัยทำงาน พระเอกกลายเป็นหมอศัลยแพทย์ฝีมือดี มาดนิ่ง เย็นชา เก็บความรู้สึกเก่งผิดกับวัยเด็กที่สดใสร่าเริง ส่วนนางเอกเป็นเชฟเพราะได้แรงบันดาลใจจากพระเอกในวัยเด็กที่ทำอาหารให้เธอกิน แล้วเรื่องราวดราม่าเข้มข้นหลากอารมณ์ทั้งสุข เศร้า อบอุ่นหัวใจ ของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อจับพลัดจับผลูต้องมาทำงานร่วมกันในศูนย์ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ทำอาหารดูแลผู้ป่วยให้มีความสุขที่สุดก่อนวันสุดท้ายของพวกเขาจะมาถึง ทุกครั้งที่นางเอกเจอสถานการณ์หรือเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกไม่ดีก็จะกินช็อกโกแลตเพื่อเยียวยาจิตใจ ตรงข้ามกับพระเอกที่ไม่กินช็อกโกแลตเป็นอันขาดหลังเกิดเหตุการณ์ฝังใจขึ้นกับเขา ช็อกโกแลตจึงเป็นทั้งจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ ปมในใจ รวมทั้งสื่อกลางความรู้สึกของทั้งคู่ที่มีทั้งรสหวาน ขม เหมือนช็อกโกแลต
Forrest Gump
ภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจฝากทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ น้ำตาและความอบอุ่นไว้ในใจใครหลายคนมายาวนานกว่า 26 ปี เป็นเรื่องราวชีวิตของฟอร์เรสท์ กัมพ์ ชายหนุ่มออทิสติก จิตใจดี ที่มีชื่อเรื่องไทยๆ ว่า ‘อัจฉริยะปัญญานิ่ม’ ดำเนินเรื่องด้วยชีวิตธรรมดาๆ หลังเรียนจบจากมหาวิทยาลัยก็ได้เข้าร่วมรบในสงครามเวียดนาม ควบคู่ไปกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์สำคัญต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอเมริกา
กัมพ์ มีมุมมองชีวิตเรียบง่าย ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนนัก ดำเนินชีวิตเหมือนขนนกที่ถูกพัดไปตามแรงลม และทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ที่สุดโดยไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร แตกต่างจากคนอื่นๆ ที่แม้จะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันก็ตาม เช่นครั้งที่เขาและเพื่อนทหารเข้าร่วมรบในสงครามเวียดนาม ในขณะที่เพื่อนทหารเก็บร่องรอยบาดแผล ความบอบช้ำและเจ็บปวดใจมาเล่าให้ผู้คนฟัง แต่กัมพ์กลับบอกว่ามันไม่มีอะไรนอกจากการช่วยเหลือเพื่อนทหารด้วยกันและวิ่งหนีกับระเบิด หรืออย่างการที่กัมพ์ออกวิ่งอีกครั้งหลังผิดหวังกับความรัก ซึ่งก็ไม่รู้ว่าการวิ่งนี้จะช่วยเยียวยาจิตใจเขาได้หรือไม่ แต่เขาวิ่งเพียงเพราะรู้สึกว่าอยากจะวิ่ง เปรียบเหมือนชีวิตเราที่ไม่รู้จะต้องเจอกับอะไรในอนาคต เพียงแต่ทำให้ดีที่สุด ดังคำสอนที่แม่บอกเขาไว้ก่อนตายและกลายเป็นวลีที่กัมพ์หยิบมาพูดยามเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาให้คนอื่นฟัง “Life was like a box of chocolates. You never know what you’re gonna get.” (ชีวิตก็เหมือนกล่องช็อกโกแลต เราไม่มีวันรู้ว่าจะเปิดมาเจอกับอะไร)
Julie & Julia
ภาพยนตร์ที่สร้างจากเรื่องจริงของหญิงสาวสองคน Julia Child หญิงชาวอเมริกันเจ้าของตำราอาหารฝรั่งเศสชื่อว่า Mastering the Art of French Cooking กับ Julie Powell หญิงสาวผู้เบื่อหน่ายชีวิตงานประจำและอยากลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง ด้วยความที่เธอเป็นแฟนหนังสือตัวยงของจูเลีย และชื่นชอบการทำอาหาร เธอจึงตั้งเป้าหมายว่าจะทำอาหารฝรั่งเศสตามตำราของจูเลียที่มีอยู่กว่า 542 เมนู ในเวลา 1 ปี พร้อมกับเขียนบันทึกประสบการณ์จากการทำอาหารดังกล่าวลงบล็อกทุกวัน
ในหนังเล่าเรื่องราวชีวิตของทั้งคู่ผ่านเมนูอาหาร สลับไปมาระหว่างชีวิตของจูเลียและจูลี ที่กว่าชีวิตจะเดินทางมาถึงฝัน ทำสำเร็จตามเป้าหมายต้องผ่านทั้งความสุข อุปสรรค ความเศร้า คละเคล้ากันไปได้อย่างกลมกล่อม เช่นเดียวกับภาพฉากอาหาร รวมทั้งฉากทำ Torta al Cioccolato เค้กช็อกโกแลต ที่ถ่ายทอดความน่ากินได้ชวนน้ำลายไหล และยังได้เห็นความสัมพันธ์ผ่านมุมน่ารักๆ ของสองสามีภรรยาที่ส่งกำลังใจให้แก่กันในฉากนี้อีกด้วย
Dragon ball
ปิดท้ายกันด้วยการ์ตูนญี่ปุ่นอย่าง Dragon ball เล่าเรื่องราวการผจญภัยของซุนโกคู ที่ต้องออกเดินทางตามหาดราก้อนบอลทั้ง 7 ลูกให้ครบ เพื่อใช้ขอพรจากเทพเจ้ามังกร และป้องกันลูกบอลไม่ให้ตกอยู่ในมือของคนที่หวังจะยึดครองโลก ระหว่างการเดินทางเขาจึงต้องต่อสู่กับเหล่าวายร้ายมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ‘จอมมารบู’ ตัวสีชมพูที่มีอยู่หลายร่าง ร่างแรกคือบูร่างอ้วน วายร้ายผู้น่ารัก นิสัยเหมือนเด็ก ที่เคยมีร่างเล็กแต่ได้ดูดกลืนไคโอชิน (เทพผู้สร้าง) ทำให้ร่างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งได้ดูดกลืนไคโอชินร่างอ้วนเข้าไป บูเลยตัวใหญ่และมีพลังมหาศาล สามารถเสกอะไรก็ได้ โดยเฉพาะกับคนที่ไม่ชอบบูจะเสกให้กลายเป็นช็อกโกแลตก่อนจะกินเข้าไปทุกครั้ง
บูร่างอ้วนเกิดโมโหสุดขีดทำให้เกิดการแยกร่างออกมาเป็นบูร่างผอม ที่นิสัยต่างกันคนละขั้ว เรียกว่าเป็นร่างปีศาจบูอย่างแท้จริง เมื่อทั้งคู่ต้องมาต่อสู้กันบูร่างอ้วนกลับเป็นฝ่ายพลาดท่าเสียทีถูกบูร่างผอมเสกเป็นช็อกโกแลตก่อนจะกลืนกินเข้าไปและกลายร่างเป็นซูเปอร์บู จอมพลัง
ก็ไม่รู้ว่าบูติดใจในรสช็อกโกแลตหรืออย่างไรถึงต้องเที่ยวเสกคนนั้นคนนี้ให้เป็นช็อกโกแลตก่อนเขมือบ เอาเป็นว่ากินช็อกโกแลตกันแต่พอดี หรือเลือกช็อกโกแลตน้ำตาลน้อยๆ นะ เดี๋ยวจะกลายเป็นบูร่างอ้วน 🙂
กราฟิก: ณัฐฐินันท์ นนทสิงห์
ภาพจาก:
– www.thedailystar.net/star-weekend
– https://medium.com/artisan-digital-agency/forrest-gump
– https://www.vanityfair.com/hollywood/2014/11/julie-julia-amy-adams
