INGREDIENTS
METHOD
1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ ร่อนแป้งเค้ก เกลือ และผงฟู ลงในอ่างผสมเข้าด้วยกัน พักไว้
2. ตีเนยกับน้ำตาลไอซิ่งในอ่างผสมด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้าความเร็วปานกลางจนขึ้นฟู ค่อยๆ ใส่ไข่ขาวที่ตีพอเข้ากันกับกลิ่นวานิลลาลงไปช้าๆ พร้อมกับตีไปด้วย ตีพอเข้ากัน ปิดเครื่อง ใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไป ใช้พายยางตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากันตักใส่ถุงบีบทีละครึ่ง (เพราะเนื้อคุกกี้ชนิดนี้ข้น ใส่ถุงบีบพอประมาณจะทำให้บีบได้ง่ายกว่า)
3. บีบคุกกี้เป็นเส้นยาว 2 นิ้ว ลงในถาดที่ปูแผ่นอบซิลิโคน โดยเว้นระยะห่างระหว่างคุกกี้ประมาณ 1 นิ้ว บีบจนเต็มถาด นำเข้าอบในเตาอบที่อุ่นไว้ อบนาน 15 นาที หรือจนคุกกี้สุก สังเกตจากก้นคุกกี้เป็นสีเหลืองอ่อนๆ พักไว้บนถาดต่ออีกประมาณ 5 นาที จนหายร้อน
4. ทำช็อกโกแลตเคลือบ โดยละลายมิลก์ช็อกโกแลตบนหม้อน้ำร้อน คนตลอดเวลาเพื่อให้ช็อกโกแลตละลายเร็วขึ้น เมื่อช็อกโกแลตละลาย (อุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส) ยกลงจากหม้อ วางพักบนอ่างน้ำแข็งประมาณ 30 วินาที ระหว่างนั้นคนไปด้วยจนช็อกโกแลตเริ่มเย็นลง (อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส) แล้วยกอ่างช็อกโกแลตขึ้นตั้งบนหม้ออีกครั้ง คนให้ทั่วจนช็อกโกแลตดูเงาและข้นขึ้น ทดสอบโดยแตะช็อกโกแลตที่ตรงใต้ริมฝีปากล่างแล้วรู้สึกธรรมดา (อุณหภูมิ 32 องศาเซลเซียส) ยกอ่างช็อกโกแลตลง จากนั้นนำคุกกี้ด้านหนึ่งลงจุ่มช็อกโกแลต วางคุกกี้พักบนตะแกรงจนช็อกโกแลตเซตตัว
Tips
- การนำช็อกโกแลตไปเคลือบหรือตกแต่ง ควรเป็นช็อกโกแลตที่ผ่านการปรับอุณหภูมิ (Tempering) ดังขั้นตอนด้านบนก่อนเพื่อทำให้ไขมันในช็อกโกแลตเรียงตัวกันดีขึ้น จะช่วยให้ช็อกโกแลตเป็นเงามากขึ้น
- การใช้น้ำตาลไอซิ่งเหมาะสำหรับคุกกี้ที่ใช้วิธีการบีบหรือตัด จะช่วยทำให้เนื้อคุกกี้เนียนและรสชาตินุ่มนวลยิ่งขึ้น
อ่านบทความเพิ่มเติม