ไม่แปลกที่เมื่อเข้าสู่หน้าหนาว ‘สตรอว์เบอร์รี’ จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ใครไปเที่ยวภาคเหนือหรือบนดอย ก็จะต้องไปตามหาเพื่อให้ได้ลิ้มรสกันแทบจะทุกคน เนื่องจากสตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน เป็นสตรอว์เบอร์รีที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานให้ชาวเขาได้ปลูกทดแทนฝิ่นและประสบความสำเร็จ จนเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ภาคเหนือแทบทุกจังหวัดและบนดอยแทบจะทุกดอย มีสวนสตรอว์เบอร์รี่ให้ได้เข้าไปเที่ยวชม
เรามักพบเจอสตรอว์เบอร์รีช่วงระหว่างเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ เพราะเป็นช่วงที่สตรอว์เบอร์รีออกผลให้ได้ลิ้มรสกันมากที่สุด ด้วยรสชาติที่หวานอมเปรี้ยว ลูกเล็กน่ารักกำลังดี ผลสีแดงสวยทั้งลูก เราจึงมักเห็นสตรอว์เบอร์รีถูกนำมาทำเป็นเมนูของหวานหรือเครื่องดื่มเสียมากกว่าที่จะเห็นนำมาทำเป็นเมนูของคาว แต่ไม่ได้แปลว่าเอามาทำไม่ได้นะ ฉะนั้น เมื่อหน้าสตรอว์เบอร์รีเวียนมา เราเลยขอหยิบสตรอว์เบอร์รีมาทำเมนูคาวเพื่อความแปลกใหม่ แต่รับประกันได้ว่าอร่อยไม่แพ้เมนูหวาน
เราขอเรียกเมนูนี้ว่า ‘ทาโก้สตรอว์เบอร์รี’ เป็นการนำเอาสตรอว์เบอร์รีของไทยมาทำเป็นซัลซ่าแทนมะม่วงที่เห็นกันทั่วไป ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว เกลือ และน้ำตาลเล็กน้อย คลุกเคล้าให้เข้ากันดี นอกจากจะใส่สตรอว์เบอร์รีแล้ว ยังใส่หอมแดง ใบสะระแหน่ และผิวมะนาวลงไปนิดหน่อย เพื่อเพิ่มกลิ่นให้หอมขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีเนื้อย่าง เห็ดย่าง และข้าวโพดย่าง เพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสเข้าไปอีก เวลาจะกินก็นำแผ่นแป้งที่ย่างเรียบร้อยแล้วใส่ซัลซ่า ตามด้วยเนื้อย่าง เห็ดย่าง และข้าวโพดย่าง ราดด้วยซอสบัลซามิกรีดักชั่น รสชาติเปรี้ยวอมหวานเช่นกัน ตัดรสได้อร่อยกำลังดี
เพื่อนๆ คนไหนมีโอกาสได้ขึ้นไปบนดอยหรือไปเที่ยวภาคเหนือช่วงนี้ แวะซื้อแวะชมไร่สตรอว์เบอร์รีแล้วแนะนำซื้อติดมือกลับมาลองทำเมนูทาโก้สตรอว์เบอร์รีกินกันดู ทางเรารับประกันได้ว่ากินแล้วจะติดใจจนแทบรอหนาวต่อไปไม่ไหวเลยทีเดียว