Circle of Poison – ผืนดินอาบพิษ ร่างกายอาบโรค

3,808 VIEWS
PIN

image alternate text
ผืนดินที่อาบพิษจากสารเคมีนานวันเข้า ในที่สุด ณ เวลานี้ มันกำลังส่งผลตอบแทนด้วยการอาบร่างกายของคนเราให้เต็มไปด้วยโรค

“กินผักเยอะๆ สิ จะได้แข็งแรง”

คำพูดที่ใครหลายคนอาจได้ยินจนชินชามาตั้งแต่เด็กๆ แต่ชาวนิยมกินผักล้วนจะรู้สึกใจสั่นกันไหม ถ้าได้ดูสารคดีเรื่อง Circle of Poison อย่างที่เราได้ดู

Circle of Poison เป็นภาพยนตร์สารคดีว่าด้วยการพาเราไปสัมผัสผลกระทบจากสารเคมีทางการเกษตรที่มีให้เห็นเป็นรูปธรรม

รูปธรรมขนาดไหน…

ก็ขนาดที่มีผู้หญิงชาวไร่ในยากี-เม็กซิโก ตั้งครรภ์แล้วคลอดทารกแสนอ่อนแอออกมา หนักที่สุดคือเธอกลายเป็นหมันเพราะวันๆ เอาแต่พ่นยาฆ่าแมลงยากำจัดวัชพืช เด็กที่อาศัยอยู่ในคาซาราก็อด-อินเดีย ซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งมีการพ่นยาอย่างหนักป่วยเป็นภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ และใกล้ตัวแบบไม่ต้องมองไปไกลนอกประเทศก็ที่จังหวัดหนองบัวลำภูบ้านเรา ที่พบเกษตรกรป่วยเป็นโรคเนื้อเน่าจากการสัมผัสสารเคมีทางการเกษตรจนต้องเสียขาหรือแขนไป

อ้าว… ผลกระทบก็เกิดแค่กับคนที่คลุกคลีใกล้ชิดเท่านั้นนี่ ผู้บริโภคปลายทางอย่างเรา กว่าจะได้รับผลผลิตตรงนั้นมาถึง มันก็คงไม่มีอะไร แค่ล้างผักผลไม้ดีๆ หน่อย ก็ช่วยได้แล้วนี่ มีเคล็ดลับในอินเทอร์เน็ตบอกมา

แต่ปัญหามันไม่ได้จบแค่ตรงนั้น เพราะหลังดูสารคดีจบ มีการเสวนาในประเด็นของสารพิษทางการเกษตรที่ทำให้ฉายาครัวโลกของไทยอาจไปไม่ถึงฝัน เพราะครัวโลกที่เราเฝ้าฝันถึงอาจกลายเป็นเพียงครัว (อุดม) โรค ทำให้เราได้เห็นสภาพการณ์ ของสารพิษที่วนเวียน จากที่เคยคิดว่าไกลตัวเกิดกับคนเฉพาะกลุ่ม แต่วันนี้เราได้รู้ว่ามันใกล้ตัวคนในทุกกลุ่มกว่าที่คิด… ใกล้เสียจนน่ากลัวด้วย

เพราะเพียงแค่คุณอ้าปากกินผัก สารเคมีสักตัวที่คุณคิดว่าไกลตัวก็เข้ามาสู่ร่างกายคุณแล้ว จะพยายามสักเพียงไหนก็ไม่สามารถชะล้างสารเคมีเหล่านั้นด้วยการล้างได้ เพราะผืนดินซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกอาบสารเคมีที่ฉีดพ่นมาอย่างยาวนานจนซึมลึก พืชพรรณที่เจริญเติบโตบริเวณนั้นก็ดูดซึมสารเคมีเข้าไปตั้งแต่ที่เริ่มเจริญเติบโตจนเก็บเกี่ยว

โดยสารเคมีที่ปรากฏในการเสวนานั้นมีพาราควอต คลอร์ไฟริฟอส และไกลโฟเซต แต่ที่เป็นดาวเด่นน่าจับตา (หรือจับตาย) ที่สุดคือพาราควอต (Paraquat) ตอนแรกเราไม่คุ้นชินกับชื่อนี้นัก เลยลองค้นข้อมูลดูแล้วเจอชื่อทางการค้าที่ว่า กรัมม็อกโซน (Gramoxone) ก็ทำให้ร้องอ๋อออกมาทันที กรัมม็อกโซนฆ่าหญ้า-คือคำโฆษณาที่เราได้ยินมานานเกือบสิบปีที่แล้ว แต่แท้จริงมันถูกใช้มานานมากกว่านั้นหรือเปล่า

พาราควอตถูกคิดค้นโดยบริษัทไอซีไอจากอังกฤษ พ.ศ.2504 ก่อนย้ายไปอยู่ในการดูแลของบริษัทซินเจนทา ในสวิสเซอร์แลนด์ ถูกใช้อย่างแพร่หลายในประเทศฟากยุโรปและอเมริกาอยู่ระยะหนึ่ง และเป็นที่นิยมมากเพราะกำจัดหญ้าได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อพบพิษแพร่กระจายจากการใช้งาน ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทั้งสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ พาราควอตจึงเริ่มถูกสั่งห้ามใช้ห้ามจำหน่ายอย่างเด็ดขาดในประเทศเหล่านั้น ในยุโรปนับได้เกือบ 32 ประเทศ

ส่วนในอเมริกา ด้วยคำสั่งของจิมมี่ คาร์เตอร์ ประธานาธิบดีของอเมริกาในตอนนั้น เขาสั่งแบนพาราควอตทั้งการใช้และการจัดจำหน่าย แต่น่าเสียดาย  เพราะเมื่อเขาลงจากตำแหน่งและโรนัลด์ เรแกนขื้นมาเป็นประธานาธิบดีแทน คำสั่งที่ว่าก็ถูกยกเลิกทันที เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจของเรแกนเอง และจากอำนาจของล็อบบี้ยิสต์ในสภาคองเกรสที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทผลิตสารเคมีเหล่านี้

บทสรุปของเรื่องนี้คือพาราควอตถูกจำกัดการใช้ในอเมริกาก็จริง ทว่าเพื่อชดเชยผลประโยชน์ที่เสียไปของบริษัทที่เกี่ยวข้อง การส่งออกสารเคมีทางการเกษตรเหล่านี้ จึงทำได้อย่างง่ายดาย และกลุ่มประเทศเป้าหมายซึ่งสารเคมีนั้นส่งมาถึง คือกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งก็มีประเทศไทยของเรารวมอยู่ในนั้น

แต่นั่นก็ดูเป็นเรื่องตลกร้ายไม่น้อย ที่แม้อเมริกาจะพยายามจำกัดการใช้พาราควอตก็จริง ทว่าผลผลิตอันนำเข้าจากประเทศซึ่งใช้พาราควอต ก็ยังหมุนเวียนกลับไปที่อเมริกาอยู่ดี

พาราควอตซึ่งละลายน้ำได้ดี ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีพิษเฉียบพลันสูง หากสัมผัสคลุกคลีด้วยจะมีผลกับตับ ไต หัวใจ ปอด  ร้ายที่สุดคือโรคแอบแฝงที่มาอย่างเงียบงัน เช่น โรคพาร์กินสัน อ้อ ยังไม่รวมโรคที่เกิดขึ้นกับเกษตรกรและเด็กๆ ในสารคดี ซึ่งกล่าวไปแล้วตอนต้น ดูเยอะแยะจนน่าหวั่นใจเสียเหลือเกิน

จากการฟังเสวนา แม้มีคนไทยหลายกลุ่มตระหนักถึงภัยร้ายที่กำลังคืบคลานและพยายามออกมาเคลื่อนไหว แต่พาราควอตก็ยังไม่ถูกแบนในประเทศของเราอยู่ดี จะเป็นเพราะเหตุผลอันใดก็สุดจะกล่าว เพียงแค่หวังใจว่าคณะกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งมีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้ จะมีคำสั่งซึ่งเปลี่ยนแปลงวงการเกษตรของบ้านเราในเร็ววัน

เพราะมิเช่นนั้น หากผืนดินยังอาบพิษอยู่ร่ำไป ร่างกายของคนเราก็ยังคงต้องอาบโรควนเวียนอยู่กับวงจรพิษไปชั่วลูกชั่วหลาน

แม้จะฟังดูสิ้นหวัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรเลิกกินผักอย่างสิ้นเชิง ทางออกยังพอมี ดีสุดคือการปลูกผักกินเอง แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็เลือกบริโภคผักท้องถิ่นให้มาก ซื้อผักจากพ่อค้าแม่ค้าที่เราไว้ใจ หรือเลือกซื้อผักปลอดสาร อาจรับประกันไม่ได้ว่าปลอดภัยไร้สารตกค้างแน่นอนร้อยเปอร์เซนต์ แต่อย่างน้อยก็ให้มีสารพิษติดมาน้อยที่สุด ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS