ถึงแม้สถานการณ์โควิดจะโหมกระหน่ำซ้ำเติมชาวไทยไม่หยุดหย่อน ถึงขั้นว่าพ่อค้าแม่ขายหลายปากท้องต้องปิดกิจการลงอย่างน่าเสียดาย แต่หลายวันมานี้ สองข้างทางคึกคักกว่าปกติ และมีสัญญาณบอกให้เห็นชัดว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่ฤดูฝนแล้วนะ นั่นคือได้เห็น ‘ทุเรียน’ เจ้าของฉายา ‘ราชาแห่งผลไม้’ เต็มไปหมด
เชื่อว่าแทบทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง กินแล้วน้ำหนักอาจจะพุ่งพรวด แต่น้อยคนจะรู้ว่าทุเรียนไม่ใช่แค่กินแล้วจะอ้วนอย่างเดียว ถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสมจะมีประโยชน์มาก เพราะราชาของเรามีคุณค่าทางโภชนาการสูงเชียวละ
กินทุเรียนดียังไง?
นอกจากรสชาติหวานมัน ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้เหล่าทุเรียนเลิฟเว่อร์ยิ้มได้กับโภชนาการของมัน พูดกันง่ายๆ เลยก็คือ โภชนาการคับเปลือก จัดอะไรมาให้แบบจุกๆ บ้าง มาดูกัน
- เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตชั้นเลิศ ทุเรียน 1 พู (100 กรัม) เทียบได้กับการกินข้าว 1 ทัพพี ให้พลังงานถึง 174 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรตนอกจากจะให้พลังงานและช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายแล้ว ก็ยังสงวนคุณค่าของโปรตีนไว้ไม่ให้เผาผลาญเป็นพลังงานด้วยนะ
- มีไขมันอยู่มาก ช้าก่อน ได้ยินคำว่าไขมันอย่าเพิ่งรู้สึกว่าไม่เข้าท่า เพราะไขมันที่พบในทุเรียนคือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและปรับสมดุลระดับความดันโลหิต ถ้าหากว่าเรามีวินัยพอจะหักห้ามใจไม่ให้หยิบพูที่ 3 เข้าปากละก็ (ไม่ควรกินทุเรียนเกินวันละ 2 พู) ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลใจ
- เข้าห้องน้ำมาครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่สบายท้องสักที ปัญหานี้แก้ได้ด้วยทุเรียน เพราะอุดมด้วยกากใยอาหาร เป็นมิตรกับระบบขับถ่าย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องวิ่งเข้าห้องน้ำทุกๆ ครึ่งชั่วโมงนะ ทุเรียนเป็นยาระบายอ่อนๆ เท่านั้น ใครที่มีปัญหาระบบขับถ่ายละก็ กินทุเรียนเข้าไปรับรองสบายท้อง เป็นการดีท็อกซ์ลำไส้ไปในตัวด้วย
- ความร่วงโรยของร่างกายเป็นเรื่องปกติ แต่ใครๆ ก็อยากยืดเวลาความหนุ่มสาวให้ตัวเองกันอยู่แล้ว ถ้าส่องกระจกแล้วเห็นสีขาวบนเส้นผม อย่าเพิ่งตกใจ น้องทุเรียนช่วยได้! เพราะอุดมไปด้วยวิตามินบี 9 ความพิเศษของวิตามินชนิดนี้คือมีส่วนช่วยในการชะลอความเเก่ และชะลอการเกิดผมหงอกได้ด้วย
- ทุเรียนเป็นผลไม้รสหวาน หลายคนเลยอาจไม่รู้ว่าทุเรียนมีวิตามินซีถึง 19.7 มิลลิกรัม คุณสมบัติหลักๆ ของวิตามินซีคือป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบไหลเวียนของเลือด ต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ลดการเกิดของเม็ดสีและริ้วรอยบนผิวหนัง สายรักสวยรักงามถูกใจแน่นอน เพราะนอกจากผิวจะสวยเปล่งปลั่งแล้ว เผลอๆ จะถูกทักว่าดูเด็กกว่าวัยด้วย
- เช้านี้ตื่นมาเข้าครัว หั่นผักเตรียมทำอาหารอร่อยๆ จับมีดได้ไม่ทันไรก็ต้องร้องโอ๊ย เพราะโดนมีดบาดเข้าอย่างจัง เห็นสีแดงๆ ที่ไหลออกมานั่นหรือเปล่า มันคือสีที่เกิดจากธาตุเหล็กจับกับโปรตีน เรียกว่า ฮีโมโกลบิน ถ้าร่างกายมีปริมาณธาตุเหล็กไม่เพียงพอ มีเรื่องแน่นอน เพราะเสี่ยงเกิดภาวะโลหิตจางได้ แต่สำหรับใครที่ชอบกินทุเรียน ไม่ต้องกังวลไป เพราะทุเรียนมีธาตุเหล็ก ช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดี อาการอ่อนเพลียอะไรไม่รู้จัก แถมยังป้องกันและรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กได้ด้วย
- ทุเรียนสามารถควบคุมเราได้นะ! ฟังดูแล้วมีอิทธิพลกับร่างกายน่าดู เพราะทุเรียนเป็นแหล่งที่โพแทสเซียมจะมาชุมนุมถึง 436 มิลลิกรัม เยอะมากกกก สารอาหารชนิดนี้ควบคุมโลหิตสูงได้ ช่วยให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองอย่างเพียงพอ ถ้ากินในปริมาณที่พอเหมาะ แน่นอนว่าจะห่างไกลจากโรคความดันโลหิตและโรคหลอดเลือดสมองอักเสบ และถ้าหากใครกำลังเครียด วิตกกังวลกับการทำงานหรือปัญหาตั้งแต่เรื่องกระจุกกระจิกไปจนถึงเรื่องใหญ่โต จอดรถซื้อทุเรียนเก็บไว้กินได้เลย เพราะโพแทสเซียมจะช่วยควบคุมฮอร์โมนความเครียดในร่างกาย ประโยชน์เน้นๆ
ใครที่ไม่ควรกินทุเรียน?
รสชาติก็ถูกปาก ทั้งยังมีสารอาหารไม่น้อย แต่ใช่ว่าทุเรียนจะมีคุณประโยชน์กับทุกคนเสมอไป เพราะเจ้าหนามแหลมเนื้อเหลืองนี้ไม่ถูกชะตากับผู้ป่วยถึง 4 โรคด้วยกัน เรียกง่ายๆ ก็คือ ไม่เหมาะจะกินในปริมาณมาก หากฝ่าฝืนละก็ อันตรายถึงชีวิต
- โรคเบาหวาน โรคยอดฮิตสำหรับคนรักน้ำตาล ความที่เป็นผลไม้ให้น้ำตาลสูงตัวพ่อ หากผู้ป่วยเบาหวานกินเข้าไปในปริมาณมาก จะทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงปรี๊ด อาจเกิดภาวะช็อก ถึงตายได้
- โรคความดันโลหิตสูง โรคที่เราพบเจอกันบ่อยๆ โดยเฉพาะกับคนเฒ่าคนแก่ที่บ้าน โรคนี้ไม่ถูกกับทุเรียนเช่นเดียวกัน อย่างที่รู้กันดีว่าทุเรียนเป็นผลไม้ธาตุร้อน มีแป้งและน้ำตาลสูง แม้เราจะรักและหลงใหลในรสชาติของทุเรียนแค่ไหน ก็ไม่ควรกินในปริมาณมากอยู่ดี
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ผู้ป่วยโรคนี้ต้องคุมระดับน้ำตาล และไขมันในเลือด การกินทุเรียนในปริมาณมากอาจส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ และทำให้อาการทรุดลงได้
- โรคไต คนชอบกินเค็มควรระวังไว้ เพราะโรคไตกับทุเรียนเป็นปฏิปักษ์กันสุดๆ ใครที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ป่วยโรคไตจะรู้ดีเลยว่าผู้ป่วยไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินได้เท่าคนปกติ หากย้อนดูข้อความข้างบนจะเห็นว่า ทุเรียนมีโพแทสเซียมถึง 436 มิลลิกรัม ฉะนั้นก็ควรจะเลี่ยงกินมัน ไม่อย่างนั้นละก็หัวใจคุณจะทำงานหนัก เต้นผิดจังหวะจนสายเกินกว่าจะแก้
นอกจาก 4 โรคที่ต้องระมัดระวังการกินทุเรียนแล้ว เรามักจะได้ยินคำถามที่ว่า “คนท้องกินทุเรียนได้ไหม” เพราะคนไทยมีความเชื่อว่า ทุเรียนเป็นผลไม้ที่คนท้องควรอยู่ให้ห่าง จริงๆ แล้ว คนท้องก็กินทุเรียนได้นะ ไม่ใช่ว่าห้ามกินไปเสียทุกกรณี เพราะทุเรียนอุดมไปด้วยกรดโฟลิก มีส่วนช่วยในการสร้างตัวอ่อนและลดความผิดปกติของระบบประสาท เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษที่จะช่วยซ่อมแซมพันธุกรรม และเป็นฮีโร่ผู้สร้างเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวในไขกระดูกของเบบี๋ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินซี นักดูดซึมแคลเซียมและธาตุเหล็กผู้มีส่วนช่วยดูแลสุขภาพองค์รวมของคุณแม่ ถ้าคุณแม่ขาดแคลเซียมอาการปวดเกร็ง เป็นตะคริวก็จะตามติดชีวิตเหมือนเจ้ากรรมนายเวร นอนร้องโอดโอยไปพักใหญ่ รวมไปถึงหลังจากแบ่งแคลเซียมไปให้เจ้าตัวเล็ก กระดูกและฟันของคุณแม่ก็จะมีปัญหาเปราะบางกว่าปกติด้วย ดูๆ ไปแล้วก็อันตรายไม่เบา คุณประโยชน์อีกหนึ่งอย่างที่มองข้ามไปไม่ได้มาจากกากใยอาหาร เรียกได้ว่ามีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ปกติแล้วคุณแม่จะต้องเจอะเจอกับอาการท้องผูก เพราะฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ต้องกังวลไป กินทุเรียนได้แถมขับถ่ายคล่องด้วย
แต่สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้วเป็นเบาหวาน ห้ามเข้าใกล้ทุเรียนเชียวนะคะ! อย่างที่ได้บอกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครหากมีโรคเบาหวานเป็นโรคประจำตัวก็ควรพิจารณาหลีกเลี่ยงทุเรียนอย่างหนักเลย
เก็บทุเรียนให้หอมหวานเหมือนแรกซื้อ
เจอปัญหากันมานักต่อนักเรื่องตัดสินใจซื้อทุเรียนแล้วพบว่ามันสุกเกินกว่าที่คิด พอเอาไปแช่ตู้เย็น เพราะดันกินไม่หมด อ้าว! ทุเรียนเน่า น้ำเยิ้ม เสียเวลาทำความสะอาดตู้เย็นเป็นครึ่งชั่วโมง จริงๆ การกินทุเรียนไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย การเก็บรักษาทุเรียนก็เหมือนกัน ยิ่งช่วงนี้ทุเรียนกำลังมา ใครๆ ก็อยากควักเงินซื้อเก็บไว้กิน เจอปัญหาการเก็บทุเรียนบ่อยๆ เข้า เราก็ต้องมานั่งหาคำตอบ แล้วก็พบว่าการเก็บทุเรียนให้อยู่นาน ยังคงสภาพไม่เละเทะเปื่อยยุ่ยเหมือนกระดาษทิชชูเปียกน้ำ เห็นจะมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ที่ให้ผลลัพธ์สุดเจ๋งจนต้องยกนิ้วให้
วิธีแรก สำหรับทุเรียนเปลื้องผ้า ที่เรียกว่าเปลื้องผ้าก็เพราะว่าเราแยกเนื้อออกจากเปลือกเรียบร้อยแล้ว วิธีนี้ให้เราห่อเนื้อทุเรียนด้วยกระดาษทิชชู ทิชชูจะคอยซับเนื้อทุเรียนให้แห้งสนิท เหมือนเวลาที่เราออกกำลังกายแล้วเหงื่อออกนั่นละ เราจะปล่อยทิ้งให้เหงื่อไหลไคลย้อยก็ดูจะไม่ดี ทิชชูเลยเป็นเหมือนหวานใจคอยดูแลเรา (ทุเรียน) อยู่ไม่ห่าง แต่จะต้องมีวินัยเปลี่ยนหวานใจบ่อยสักหน่อยในช่วงสามวันแรก ไม่อย่างนั้นปฏิบัติการเก็บทุเรียนของเราก็จะล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะน้ำทุเรียนส่งกลิ่นชวนเวียนหัว รบกวนจมูก หรืออาจจะใช้กระดาษเช็ดมือแผ่นใหญ่ 2-3 แผ่น รองก้นกล่องพลาสติกมีฝาก็ได้ แต่วิธีการจะไม่เหมือนเดิมแล้วนะ เพราะเราต้องห่อทุเรียนด้วยพลาสติกห่ออาหาร วางเรียงให้สวยงามตามใจชอบ ปิดทับด้วยกระดาษโรเนียวแล้วปิดฝาเอาเข้าตู้เย็น ทั้งช่วยรักษาเนื้อทุเรียนและสยบกลิ่นเหม็นได้ ไม่ยากเลย
วิธีที่สอง สำหรับทุเรียนที่ยังไม่แกะออกจากเปลือก (แต่ดันผ่าไปซะแล้วสิ) ลองหากระดาษหนังสือพิมพ์ที่ไม่รู้จะเอาไปทำประโยชน์อะไรนอกจากขายรถรับซื้อของเก่า หยิบขึ้นมาสัก 2 แผ่น แล้วจัดการห่อทุเรียนที่ตั้งใจจะเก็บ สวมถุงพลาสติกครอบอีกชั้นหนึ่ง เป็นการรัดเข็มขัดป้องกันไม่ให้กลิ่นหอมอบอวลของทุเรียนไปรบกวนอาหารร่วมตู้ เอาเข้าตู้เย็นก็เป็นอันเสร็จกระบวนการ
แล้วก่อนจะพาน้องกลับถึงบ้าน ระหว่างการเดินทางจากตลาดล่ะ ไม่ต้องพูดเรื่องเดินทางด้วยรถสาธารณะ หรือรถแท็กซี่ ต่อให้รถส่วนตัวของเราเอง กลิ่นก็โชยฉุยชวนปวดหัวอยู่นะ แต่ช้าก่อน! เมื่อรักจะกิน เราย่อมมีวิธี! ถ้าเรารู้ว่าในอนาคตจะต้องซื้อทุเรียน แล้วพากลับบ้าน จำไว้เลยว่าเราต้องเตรียมถุงซิปล็อกติดตัวไปด้วย เจ้าถุงซิปล็อกจะช่วยล็อกให้กลิ่นของทุเรียนกระจายอยู่เฉพาะภายในถุง ตราบใดที่เราไม่เปิดถุงออก ก็หมดปัญหาเรื่องกลิ่น หรือถ้าใครต้องการซื้อทุเรียนเป็นลูก ก็เลือกซื้อทุเรียนที่ยังไม่สุก เพราะไม่มีกลิ่นชวนเวียนหัว ทำแบบนี้แล้ว อดใจรอไม่นาน ทุเรียนสุกก็ได้กินสมใจอยาก แถมไม่ต้องเจอกับปัญหาเรื่องกลิ่นระหว่างการเดินทางด้วยค่ะ
เรื่อง: ปรางค์วลัย บุญเขียว
อ้างอิงและภาพประกอบ
https://bit.ly/3tolCrJ
https://bit.ly/3nSpDmP
https://bit.ly/3unOAZZ
https://bit.ly/3vIxVAy
https://bit.ly/3nPSU1u
https://bit.ly/33lUUFj