ร้านหมูปิ้งที่มีความสุขที่สุดในโลก

4,530 VIEWS
PIN

image alternate text
image alternate text
เมื่อหมูปิ้งไม่ได้ทำหน้าที่แค่เติมท้องให้อิ่ม แต่ยังช่วยเติมหัวใจให้เต็มอีกด้วย

เป็นเรื่องยากที่หนุ่มสาวจะไม่ถามหาเหตุผลจากชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวัน อาจเป็นเพราะช่วงวัย จังหวะชีวิต หรือสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่บีบบังคับให้เราต้องทวงถามว่า เช้าวันนี้อะไรทำให้เราต้องลุกออกจากที่นอน?

ทุกเช้าของทุกคนเป็นแบบนั้น เช้าของแต่ละวัน บนรถเมล์ ในแถวต่อคิวขึ้นวินฯ หน้าปากซอย บนมอเตอร์ไซค์ที่ติดไฟแดงเป็นครั้งที่สี่ของเช้านี้ และอาจจะติดไปอีกหลายครั้งกว่าจะถึงออฟฟิศ

กรุงเทพฯ ไม่มีพื้นที่ส่วนตัวมากพอที่เราจะใช้ชีวิตได้โดยไม่สังเกตความเป็นไปของผู้อื่น ในฐานะมนุษย์กรุงเทพฯ ฉันจึงได้เห็นความเหนื่อยล้าและแววตาว่างเปล่าแต่เช้าทุกวัน เป็นแววตาเดียวกับที่สะท้อนออกมาจากคนในกระจก หลังจากถามคำถามรอบที่ร้อยของปีว่าวันนี้เราจะตื่นไปทำงานเพื่ออะไร

เพื่อชาบูหลังเลิกงาน เพื่อรองเท้าคู่ใหม่ เพื่อทริปโตเกียวต้นปีหน้า เพื่อสารพัดสิ่งที่กลายเป็นหลักฐานบนโลกโซเชียล ยืนยันกับโลกและยืนยันกับตัวเราเองว่าเรายังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขดีไปตามอัตภาพ (และหวังว่ามันจะเป็นหลักฐานที่หนักแน่นพอให้ตื่นเช้าขึ้นมาทำงานต่อในวันพรุ่งนี้)

ในช่วงหลายเดือนก่อนที่การงานกลายเป็นทั้งพระเจ้าและปีศาจของชีวิต ฉันกลายเป็นคนทำงานตลอดเวลาที่ตอบคำถามตัวเองไม่ได้ว่าการงานคือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ในแต่ละวันจริงๆ ไหม–น่าตลกที่ชีวิตตอบคำถามฉันด้วยหมูปิ้งไม้ละห้าบาท

หมูปิ้งรถเข็นคันเล็ก จอดประจำการเช้าตรู่ที่หน้าโรงแรมทาวน์อินทาวน์ เป็นอาหารเช้าที่นับว่าเป็นชิ้นเป็นอันที่สุด หลังจากฉันเอียนกับแซนด์วิชจากร้านสะดวกซื้อ หมูปิ้งของป้า -เจ้าของเสียงพูดไทยกลางสำเนียงอีสาน ไม่ใช่หมูปิ้งนมสดอย่างที่เจอกันจนเฝือ เป็นหมูปิ้งที่ไม่มีมันแทรก แต่มีมันหมูชิ้นเล็กๆ ไว้เป็นไฮไลต์คำสุดท้ายของไม้ รสหวานเค็ม หอมเครื่องเทศ ฉันกินสี่ไม้ พร้อมข้าวเหนียวอีกหนึ่งถุง เป็นชุด Happy Meal

อาหารเช้าราคายี่สิบห้าบาทเติมพลังให้อิ่มยาวถึงบ่าย เป็นมิตรต่อทั้งลิ้นและเงินในกระเป๋าสตางค์ นานวันเข้าฉันจึงปวรนาตนเป็นลูกค้าขาประจำ แม้บางทีจะต้องรอนานเกินสิบนาที วันไหนที่ฉันไปผิดเวลา หมูปิ้งป้าจะหมดแผงก่อน เพราะบรรดาพนักงานออฟฟิศในย่านนี้ล้วนแต่ฝากตัวเป็นขาประจำป้าทั้งนั้น

“ทำไมป้าไม่เอามาสักวันละพันไม้อะ หนูมาไม่ทันอีกและ”
“โอ้ยย มันก็อยากขายวันละพันน่ะ แต่มันเสียบหมูไม่ไหว”
“อ่าวป้าเสียบหมูเองเหรอ”
“หมักเอง เสียบเองทุกไม้ อร่อยมั้ยล่ะ”
“วันนี้ไม่อร่อยสิ หนูไม่ได้กิน”
  ไม่ได้หมูปิ้งจากร้านป้า ได้เสียงหัวเราะกลับไปก็ยังดี

การไปยืนดูป้าปิ้งหมูเป็นกิจวัตรอีกอย่างของฉันไปด้วยป้าจำลูกค้าได้แทบทุกคน คนไหนกินกี่ไม้ คนไหนมาจากออฟฟิศเดียวกัน คนไหนมักจะมาซื้อพร้อมกัน บางวันฉันยังไม่ทันกระโดดลงจากท้ายมอเตอร์ไซค์ ป้าก็โบกมือไล่ก่อน

“ไปสแกนนิ้วก่อน ค่อยลงมาเอา ยังไม่ได้”
“กินเลยไม่ได้เหรอ ไม่ต้องเกรียมก็ได้ หนูหิว”
“ไม่ได้ๆ อีกห้านาทีค่อยมาเอา”

หมูปิ้งของป้าเป็นแบบนั้น ป้าน่าจะเป็นคนปิ้งหมูที่จดจ่อกับงานมากสุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา

หมูปิ้งแต่ละไม้จะถูกป้าพลิกกลับไปกลับมาจนสุกเกรียม ป้าจะหยิบกรรไกรเล็กๆ มาเล็มเนื้อส่วนที่ไหม้ออก ทำอย่างนั้นทีละไม้ๆ ก่อนใส่ถุงส่งให้คนรอกิน ภาพทั้งหมดนี้เจือด้วยรอยยิ้มและเสียงเจื้อยแจ้วของป้าเสมอ

วันละเล็กละน้อยโดยไม่ต้องตั้งใจค้นหาหลักฐาน ป้าคือคนขายหมูปิ้งที่มีความสุขที่สุดในโลกในสายตาฉัน
“ปิ้งไม่ทันแล้ว รับลูกมือมั้ย หนูจะมาช่วยทุกเช้า”
“โอ้ยย อย่ามาตัวเหม็นเหมือนป้าเลย ทำงานในห้องแอร์ดีๆ น่ะดีจะตาย อยู่นี่ร้อน ไม่สวยนะ”
ป้าพูดพลางหัวเราะไปด้วย

ฉันไม่เคยถามว่าทำไมป้าถึงมาขายหมูปิ้ง ป้ารักอาชีพคนขายหมูปิ้งไหม การปิ้งหมูในทุกเช้าเป็นอิคิไกของชีวิตป้าหรือเปล่า หรือจริงๆ แล้วเป็นความจำทนเพื่อให้มีเงินพอใช้ หากพรุ่งนี้ตื่นมาแล้วคนทั้งโลกไม่กินหมูปิ้ง คุณค่าในชีวิตของป้าจะสูญสลายไปด้วยไหม ข้อนี้ฉันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าป้าตั้งใจปิ้งหมูเหมือนเดิม ทุกวัน

คำตอบของชีวิตที่มีคุณค่าอาจเป็นแบบนี้ วันพรุ่งนี้มันจะไม่ง่ายขึ้นหรอก และเราไม่มีทางจะสมหวังได้ตลอดเวลา แต่หากเราวางหัวใจไว้ในการทำงานอย่างหนักแน่นและเต็มที่ สิ่งที่เราทำอยู่นั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นสุข

“จงทำสวนของเรา” ก็องดิตเคยบอกฉันไว้ในบรรทัดสุดท้ายของหนังสือ

“จงปิ้งหมูของเรา” ป้าไม่เคยบอก – แต่ฉันเห็น
แด่คุณป้าหมูปิ้ง ผู้มีความสุขที่สุดในโลก


ร้านคุณป้าหมูปิ้ง
พิกัด: ทางเข้าโรงแรม Town in Town ถนนศรีวรา (เลียบทางด่วนรามอินทรา-เอกมัย) แขวงวังทองหลาง กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด: ประมาณ 07.00 – จนกว่าหมูปิ้งจะหมด (ราว 10.00)

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS