น้ำผึ้งหยดเดียวก็พาเราไปไกล…
ด้วยน้ำผึ้งใกล้ชิดชีวิตเรามานานแล้ว เรียกว่าเป็นความหวานจากธรรมชาติที่มนุษย์ใช้เติมความอร่อยและใช้รักษาโรคกันมายาวนาน ถ้าย้อนกลับไปไกลหน่อย ตั้งแต่กำเนิดกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกที่โรมเมื่อ 2,793 ปีก่อน นักกีฬาก็นิยมดื่มน้ำผึ้งเพิ่มพลังก่อนลงสนามแข่งกันอยู่แล้ว เพราะน้ำผึ้งมีน้ำตาลกลูโคสและฟรักโทสที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ทันที หรือถ้าย้อนไปไกลกว่านั้น ชาวอียิปต์โบราณยังใช้น้ำผึ้งแทนยาแก้อักเสบ ช่วยรักษาแผลเรื้อรังหลังผ่าตัด และส่งต่อองค์ความรู้มาจนถึงแพทย์แผนปัจจุบัน
ความดีงามของน้ำผึ้งจึงเป็นเรื่องที่เรารู้กันมาแต่ไหนแต่ไร…
ไม่เพียงประโยชน์ของน้ำผึ้งเท่านั้นที่ทำให้มันมีคุณค่า แต่เบื้องหลังของน้ำผึ้งแต่ละหยดยังอุดมด้วยเรื่องราวซับซ้อนและทรงพลังต่อทั้งระบบนิเวศน์รวมถึงชีวิตของมนุษย์ด้วย
ถึงกับมีคำกล่าวว่า ถ้าโลกนี้ขาดผึ้งแค่ไม่เกิน 3 ปี พืชพันธุ์อาจสูญสลายหายไปจากโลก เพราะผึ้งคือกลไกสำคัญในการขยายสายพันธุ์ เป็นตัวละครลับที่ช่วยทำให้โลกอุดมสมบูรณ์อยู่อย่างเงียบๆ และให้ผลผลิตเป็นน้ำผึ้งที่เราติดตราตรึงใจกันมาหลายพันปี
และน้ำผึ้งก็ไม่ได้มีแค่ความหวานอย่างที่คิด…
เมื่อผึ้งรับบทผสมเกสรดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ และดอกไม้ของป่าหนึ่งย่อมแตกต่างกับอีกป่าหนึ่งตามกลไกธรรมชาติ น้ำผึ้งป่าแท้จึงมีกลิ่นรสซับซ้อน บ้างหวานลึก บ้างอมเปรี้ยว บ้างติดขมปลายๆ ให้เราทายเล่นว่าผึ้งรังนั้นไปเก็บเกสรดอกไม้อะไรมา?
ทว่าน้ำผึ้งแท้จากป่าธรรมชาตินั้นก็หายากในยุคนี้ ยุคที่น้ำผึ้งมีราคา การผลิตเพื่อการค้าจึงเข้ามาตอบสนองความต้องการ น้ำผึ้งส่วนมากจึงมักมาจากการเลี้ยงผึ้งเชิงเดี่ยว คือนำกล่องผึ้งไปวางไว้ในสวนผลไม้สักสวน ปล่อยไว้สักพัก แล้วค่อยนำน้ำผึ้งที่เก็บกักได้มาบรรจุขวดขาย น้ำผึ้งในตลาดส่วนมากจึงมักมีแค่รสหวานคล้ายน้ำเชื่อม หรือร้ายกว่านั้นบางครั้งอาจไม่ใช่น้ำผึ้งแท้แม้แต่น้อย แต่เป็นน้ำตาลกวนให้ใสใส่คำโฆษณาและทำเหมือนว่ามีราคาน่าจับจอง
แต่ถ้ายังมีคำถามว่าน้ำผึ้งดีๆ เป็นแบบไหน มีดีเทลยังไง? ต่อไปนี้คือตัวอย่างของน้ำผึ้งที่เรานำมาเทียบกันหยดต่อหยดให้หมดข้อสงสัย!
กลิ่นและรสของน้ำผึ้งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะชนิดของเกสรดอกไม้ที่ผึ้งสะสมมารวมกันกลายเป็นน้ำผึ้ง ซึ่งอาจทำให้น้ำผึ้งมีรสเปรี้ยว หวาน ขม หรือมีกลิ่นไหม้จางๆ หากเวลานั้นมีไฟป่าคุกรุ่นอยู่ไม่ไกลรังผึ้ง รวมถึงชนิดของผึ้งเองก็มีส่วนทำให้กลิ่นรสของน้ำผึ้งต่างกัน เพราะผึ้งแต่ละชนิดมีระดับการบินไม่เท่ากัน ผึ้งโพรงที่บินเรี่ยพื้นเกสรที่เก็บได้ย่อมไม่เหมือนกับผึ้งหลวงที่บินอยู่ในระดับสูง ทว่าผึ้งทั้งสองชนิดเป็นผึ้งป่า เลี้ยงยาก น้ำผึ้งที่เราพบตามท้องตลาดส่วนมากจึงมาจากผึ้งเลี้ยงที่นำเข้าสายพันธุ์มาจากต่างประเทศ แข็งแรงกว่า เลี้ยงง่ายกว่า น้ำผึ้งป่าจากผึ้งโพรงและผึ้งหลวงจึงเป็นของดีที่มีแต่ธรรมชาติเท่านั้นจะให้ได้
กลิ่น / รส : เปรี้ยวนำ หวานตาม มีรสขมอ่อนๆ เมื่อกลืนจะได้รสขมลึกๆ ในลำคอ และมีกลิ่นดอกไม้ซับซ้อนอวลอยู่ในเนื้อน้ำผึ้ง
ขวดนี้เป็นน้ำผึ้งจากผึ้งหลวงที่สะสมเกสรจากป่าลึกของหมู่บ้านห้วยหินลาดใน จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นชุมชนชาวปกาเกอะญอเล็กๆ ที่ผลิตน้ำผึ้งไว้กินไว้ใช้กันมานานหลายสิบปี ความพิเศษของน้ำผึ้งป่าแท้ขวดขึ้นอยู่ตรงรสชาติอันซับซ้อน เด่นที่รสเปรี้ยวอมหวาน และติดขมเล็กๆ เนื่องจากดินของป่านี้เป็นกรดพิเศษ พืชพันธุ์ภายในป่าเลยติดรสเปรี้ยวอ่อนๆ ด้วยเหมือนกัน
หาซื้อได้ที่ : ร้านสวนชั้น 1 หอศิลป์กรุงเทพฯ
กลิ่น / รส : มีกลิ่นดอกไม้โดดเด่น มีกลิ่นถั่วจางๆ และรสหวานกว่าขวดอื่น
ขวดนี้เป็นน้ำผึ้งจากโครงการพัฒนาเกษตรดอยตุงฯ จึงมั่นใจได้ว่าปลอดสารเคมีและเป็นน้ำผึ้งที่ผลิตโดยวิธีธรรมชาติ ด้วยการเลี้ยงอย่างผสมผสานในไร่แมคคาเดเมียที่เติบโตอยู่ในป่าลึก น้ำผึ้งขวดนี้จึงมีกลิ่นหอมดอกไม้โดดเด่น ผสมกับกลิ่นถั่วจางๆ และมีรสหวานหอมเป็นพิเศษกว่าขวดอื่น
หาซื้อได้ที่ : ร้านอาหารเพื่อสุขภาพทั่วไป หรือในเว็บไซต์ : ดอยตุง
กลิ่น / รส : มีกลิ่นหอมของดอกไม้เมืองร้อน มีรสหวานนำ เปรี้ยวจางๆ รสไม่จัดจ้าน
น้ำผึ้งขวดนี้ส่งตรงจากศูนย์การเรียนรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ พันพรรณ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นน้ำผึ้งจากชุมชนละแวกอำเภอแม่แตง ที่ทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน กลิ่นรสของเกสรดอกไม้ในขวดนี้จึงซับซ้อนพอสมควร มีรสหวานนำ เปรี้ยวจางๆ และหอมดอกไม้เบาๆ เป็นขวดที่เหมาะสำหรับกินเปล่าๆ
หาซื้อได้ที่ : ศูนย์การเรียนรู้พันพรรณ จังหวัดเชียงใหม่ หรือเว็บไซต์ พันพรรณช็อป
กลิ่น / รส : หอมกลิ่นกาแฟคั่ว มีรสหวานกลางๆ และขมปร่าติดปลายลิ้น
เป็นน้ำผึ้งขวดพิเศษที่ส่งตรงจากไร่กาแฟบนยอดดอย! ความพิเศษของน้ำผึ้งดอกกาแฟคือมันเต็มไปด้วยความหอมและรสขมปร่าของกาแฟ เหมือนยามเราดื่มกาแฟ ทว่าเป็นกาแฟที่มีรสหวานลึกติดปลายลิ้น เป็นขวดที่เราว่าอร่อยมาก เหมาะกับคนที่อยากกินน้ำผึ้งเพื่อสุขภาพแต่อาจไม่ชอบรสหวานมากเท่าไหร่
หาซื้อได้ที่ : ร้านแกเลอรีกาแฟดริป ชั้น 1 หอศิลป์กรุงเทพฯ หรือเว็บไซต์ Akha Ama
กลิ่น / รส : หวานละมุน และหอมกลิ่นลำไย ไม่มีรสเปรี้ยวหรือขมติดอยู่เลย
น้ำผึ้งดอกลำไยเป็นน้ำผึ้งสายแมสที่เรามักพบเห็นกันมากที่สุดในท้องตลาด เพราะสวนลำไยมีมากโดยเฉพาะแถบภาคเหนือ แต่น้ำผึ้งดอกลำไยจากเลม่อนฟาร์มขวดนี้ต่างออกไป เพราะเป็นน้ำผึ้งจากสวนลำไยอินทรีย์ ที่เลี้ยงผึ้งด้วยวิธีธรรมชาติ ไม่เร่งรัดเพื่อทำกำไรจากผึ้ง น้ำผึ้งที่ได้จึงหวานละมุนและหอมกลิ่นลำไยกว่าน้ำผึ้งดอกลำไยขวดไหนที่เราเคยเจอ
หาซื้อได้ที่ : ร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพทั่วไป, Lemon Farm Store
เป็นความเข้าใจผิดอย่างยิ่งที่ว่าน้ำผึ้งนั้นมีอายุขัยเพียงหนึ่งถึงสองปี เพราะจริงๆ แล้วน้ำผึ้ง ‘แท้’ ไม่มีวันหมดอายุ (ถ้าเก็บไว้ในภาชนะและอุณหภูมิที่เหมาะสม) และยิ่งเก็บนานสีและรสชาติของน้ำผึ้งก็จะเข้มขึ้นเรื่อยๆ (เราเคยชิมน้ำผึ้งที่เก็บมานานหลักสิบปี รสหวานปนขม มีมิติมากๆ) อีกทั้งชนิดของเกสรดอกไม้ก็มีผลต่อสีและความข้นเหนียวของน้ำผึ้งเช่นกัน รวมถึง ‘ความชื้น’ ในน้ำผึ้งก็มีผลต่อน้ำผึ้งด้วย เพราะยิ่งมีความชื้นมาก ความข้นเหนียวก็จะยิ่งลดลง รสชาติยิ่งเจือจาง เป็นเหตุผลว่าทำไมน้ำผึ้งเดือน 5 ถึงได้รับความนิยมกว่าเดือนไหน เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นหน้าแล้ง ความชื้นในอากาศต่ำ แถมมีดอกไม้บานสะพรั่ง น้ำผึ้งเดือน 5 จึงมีความข้นเหนียวและรสชาติลุ่มลึกกว่าเดือนไหนในรอบปี
**ถึงน้ำผึ้งจะไม่มีวันหมดอายุ แต่ถ้าเก็บรักษาไม่ดีก็อาจเสื่อมคุณภาพหรือมีราขึ้นได้ โดยวิธีเก็บรักษาง่ายๆ คือเก็บในที่แห้ง ใช้ช้อนสะอาดตักน้ำผึ้งจากขวดเท่านั้น และอย่าลืมปิดฝาให้สนิท
1-สว่างสุด 5-เข้มสุด / 1-จางสุด 5-ข้นสุด
1.) น้ำผึ้งป่าจากป่าของชาวปกาเกอะญอ
ความเข้ม / ความข้น : 4/5 , 3/5
2.) น้ำผึ้งดอกแมคคาเดเมีย
ความเข้ม / ความข้น : 3/5 , 5/5
3.) น้ำผึ้งป่า จาก Pun Pun
ความเข้ม / ความข้น : 1/5 , 2/5
4.) น้ำผึ้งดอกกาแฟ Akha Ama
ความเข้ม / ความข้น : 5/5 , 4/5
5.) น้ำผึ้งดอกลำไย Lemon Farm
ความเข้ม / ความข้น : 2/5 , 1/5