พืชตระกูลหัวใต้ดิน โดยเฉพาะหัวมัน เป็นอาหารที่มนุษย์ทั่วโลกรู้จักปลูกและแปรรูปมานาน เพราะให้พลังงานสูง อุดมไปด้วยสารอาหารสำคัญ ในยุคที่ระบบอุตสาหกรรมอาหารยังไม่ก้าวหน้าอย่างในปัจจุบัน การปลูกพืชหัวที่ให้พลังงานสูงๆ เหล่านี้ได้นับว่าเป็นความมั่นคงทางอาหารอย่างหนึ่ง
ในปัจจุบันที่วิทยาการและอุตสาหกรรมด้านอาหารพัฒนามากขึ้นแล้ว พืชธรรมดาๆ อย่างมันประเภทต่างๆ ก็ยังไม่ได้หายไปจากอาหารการครัวของโลก เหตุผลหนึ่งก็อาจเป็นเพราะความนุ่มฟูของมันที่ปรุงสุกแล้วยังเป็นรสชาติที่ทำให้คนเรารู้สึกอบอุ่นและสุขใจเสมอ

นอกจากมันชนิดต่างๆ จะยังอยู่ในตำรับอาหารทั่วโลกแล้ว วิทยาการในการผลิตอาหารก็ยังทำให้เรามีผลผลิตที่มีคุณภาพขึ้น อร่อยขึ้น อย่างเช่นมันหวานจากประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องความพิถีพิถันในเรื่องอาหารสุดๆ อย่างประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง
แม้มันหวานจะเป็นพืชที่ปลูกกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลก แต่มันหวานจากญี่ปุ่นกลับเป็นที่นิยมสูงกว่ามันหวานจากแหล่งผลิตอื่นๆ เพราะมีรสชาติหวานฉ่ำ เนื้อเนียนละเอียด นุ่มหนึบตามธรรมชาติ เรียกได้ว่ากินมันหวานจากที่ไหนก็ไม่เหมือนมันหวานจากญี่ปุ่น แค่มันเผาร้อนๆ จากร้านสะดวกซื้อข้างทางในญี่ปุ่นก็อร่อยจนหลายคนยกให้เป็นของหวานชั้นยอด

เคล็ดลับความอร่อยเฉพาะตัวนี้ เกิดขึ้นจากความพิถีพิถันในการผลิต ซึ่งเริ่มตั้งแต่การศึกษาลักษณะเด่นของมันหวานสายพันธุ์ต่างๆ แล้วปรับหาวิธีการที่จะขับเน้นความอร่อยของมันหวานแต่ละสายพันธุ์ออกมาให้ได้ดีที่สุด ไล่เรียงมาตั้งแต่การปรับปรุงสายพันธุ์ การเตรียมดิน ปุ๋ย การเพาะปลูก ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ผลผลิตมันหวานรสชาติดีที่สุด
ขั้นตอนหนึ่งที่เป็นเคล็ดลับสำคัญก็คือการพักบ่ม (Curing) หลังการเก็บเกี่ยว คือ เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตมันหวานมาได้แล้ว จะต้องนำมาบ่มด้วยความร้อนและความชื้นสูง แล้วพักไว้ในที่เย็นต่ออีก 2-4 สัปดาห์ ในโกดังที่ผ่านการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสมเท่านั้น การพักบ่มผลผลิตจะช่วยให้ผลผลิตมันหวานมีลักษณะที่ดีขึ้น เก็บรักษาได้นานขึ้นโดยไม่มีกลิ่น เช่นมันหวานสายพันธุ์ ‘เบนิเทนชิ‘ จากจังหวัดอิบารากิ ที่เมื่อพักบ่มอย่างเหมาะสมก็จะมีการพัฒนารสชาติขึ้นชนิดที่ว่าเมื่อนำไปเผาแล้วก็สามารถวัดค่าความหวานได้มากถึง 47 องศาบริกซ์เลยทีเดียว
นอกจากรสหวานฉ่ำตามธรรมชาติแล้ว มันหวานสายพันธุ์เบนิเทนชิยังมีจุดเด่นที่เนื้อสัมผัสเหนียวหนึบ นุ่มเนียน กินอร่อยทั้งตอนที่เผาเสร็จร้อนๆ และตอนที่พักไว้จนเย็น ความนุ่มเนียนของมันหวานเบนิเทนชินั้นอยู่ในระดับที่ว่า ต่อให้แช่เย็นแล้วก็ยังคงนุ่มเนียน เหมาะกับจะนำมาทำขนมและเบเกอรีต่างๆ เลยขอชวนชาวครัวมาทำขนมง่ายๆ อย่างเครมบูเล จากมันหวานญี่ปุ่นสายพันธุ์เบนิเทนชิกัน

สูตรนี้เป็นการจับมันหวานอบมาแต่งเครื่องเพิ่มด้วยองค์ประกอบของเครมบูเล จึงเป็นของหวานที่มีทั้งรสชาติรูปลักษณ์ดั้งเดิมของมันหวาน และมีทั้งกลิ่นหอมๆ ของคัสตาร์ตกับน้ำตาลไหม้มาเพิ่มมิติในการรับประทาน ที่สำคัญคือทำง่าย ขั้นตอนน้อย แต่อร่อย หน้าตาดีและถ่ายรูปขึ้นกล้อง รับรองว่ามือโปรหรือมือใหม่ก็ทำได้แน่นอน


ในปัจจุบัน มันหวานญี่ปุ่น ถือเป็นที่นิยมมากในประเทศไทย และได้มีการนำเข้ามันหวานจากประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ และในครั้งนี้องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำประเทศไทย หรือ เจโทร กรุงเทพฯ ได้จัดแคมเปญ Japan Premium Food สัมผัสความอร่อยแบบญี่ปุ่นแท้ (โครงการส่งเสริมการประชาสัมพันธ์วัตถุดิบหรือสินค้าอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับร้านอาหารและร้านค้าปลีกในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567) ซึ่งเป็นแคมเปญที่จะช่วยส่งเสริมการประชาสัมพันธ์วัตถุดิบที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และมั่นใจได้ว่าวัตถุดิบและสินค้าที่เข้าร่วมโครงการนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นจริงๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการ ร้านค้าร้านอาหาร ได้ส่งต่อความอร่อย สด ใหม่แบบญี่ปุ่นแท้ๆไปยังผู้บริโภคชาวไทย ทำให้สามารถหาซื้อมันหวานญี่ปุ่น ทั้งในรูปแบบดิบ และสุกพร้อมทาน ได้ตามร้านค้า หรือซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ
มันหวานญี่ปุ่นเครมบูเล
สำหรับ 4 คน
มันหวานญี่ปุ่น (หัวละ 260-280 กรัม) 4 หัว
วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย
ไข่แดงของไข่ไก่ 2 ฟอง
กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
น้ำตาลทรายขาว 30 กรัม
แป้งข้าวโพด 10 กรัม
เกลือป่น ⅛ ช้อนชา
น้ำตาลทรายขาวสำหรับโรย
อุปกรณ์ อะลูมิเนียมฟอยด์ โบลว์ทอร์ช
วิธีทำ
1. ห่อมันหวานด้วยฟอยด์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 2 ชั่วโมง จนมันหวานสุกนุ่มดี

2. ระหว่างรอ เตรียมครีมโดย ใส่วิปปิ้งครีม ไข่แดง น้ำตาล แป้งข้าวโพด กลิ่นวานิลลาและเกลือป่นรวมกันในหม้อ คนด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟกลางค่อนอ่อน หมั่นคนตลอดเวลาจนเนื้อครีมมีลักษณะข้น ปิดไฟ พักไว้ให้เย็นตัวดี โดยใช้ฟิล์มปิดที่หน้าครีมเอาไว้ไม่ให้โดนอากาศ

3. เมื่อมันหวานอบสุกดีแล้ว ให้ใช้มีดผ่ามันหวานตามยาว แบะเนื้อให้แยกออกจากกันเล็กน้อย ใช้ส้อมหรือช้อนขูดเนื้อมัน เกลี่ยให้เรียบลักษณะเป็นช่องสำหรับใส่ครีม

จากนั้นตักครีมใส่ลงไปให้เต็ม โรยด้วยน้ำตาลทรายด้านบนให้ทั่ว ใช้โบลว์ทอร์ชเผาน้ำตาลให้ออกไหม้สีเป็นคาราเมล เสิร์ฟทันที


#JapanPremiumFood #Japanesefoodsupporter