“เราสังเกตตัวเองมานานมาก เวลาเล่นมือถือ นอกจากดูซีรีส์ ตามติ่งผู้ชาย ก็จะต้องแวะดูยูทูบเกษตรกรที่เขาทำสวน ปลูกผัก ทั้งคนไทย ทั้งต่างชาติ เลยรู้ว่านี่แหละคือความชอบของเรา”
บทสนทนาของมายด์ ดมิสา ชวการวิโรจน์ อดีตวิศวกรสาววัย 30 กว่า ที่ลาออกจากงานมาทำสิ่งที่รักคือการปลูกผัก ตัดสินใจเป็นเกษตรกรเต็มตัวมากว่า 7 เดือน มากกว่าภาพแปลงผักงอกงามสวย เราสัมผัสได้ว่าความรักที่จะทำตามฝันเป็นพลังขับเคลื่อนให้ชีวิตเธอมาถึงฝันแบบไม่ต้องรอวัยเกษียณ กระนั้นการอยู่กับฝันได้อย่างงอกงามและยั่งยืน ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นจากศูนย์ ชีวิตไม่เคยจับจอบ จับเสียม เกิดในครอบครัวข้าราชการ ไม่รู้งานไร่สวน
เกษตรกรไม่ใช่อาชีพเผื่อเลือก ชีวิตสโลไลฟ์ของชาวสวนคือภาพขายฝัน เราจึงชวนเธอมาแชร์ประสบการณ์การเป็นเกษตรกรปลูกผักเลี้ยงชีพต้องเตรียมตัวหรือพบเจอกับอะไรบ้าง ก่อนที่ใครหลายคนจะกระโจนเข้ามาล่าฝันเดียวกันกับมายด์
จากหน้าจอมือถือสู่แปลงผักกินได้
ชีวิตในวัย 30 กว่าของมายด์ก็เหมือนพนักงานบริษัทหลายคน เป็นวัยที่หน้าที่การงานเริ่มมั่นคง ชีวิตเริ่มลงหลักปักฐาน การเปลี่ยนสายอาชีพในวัยนี้อาจเป็นเรื่องท้าทายของใครๆ และชีวิตของมายด์ก็ดูจะท้าทายกว่าคนอื่นหลายเท่า ความไม่แน่นอนทำให้มายด์เริ่มวางแผนทำตามฝัน ลองสวมบทบาทเกษตรกรวันหยุด ลงมือปลูกกล้วย เดินทางขึ้นลงระหว่างโคราช – ฉะเชิงเทรา สำรวจใจตัวเองว่าชอบจริงมั้ย ก่อนลาออกมาเป็นเกษตรกรเต็มตัว
“ใครๆ ก็มีจุดเปลี่ยนช่วงนี้เยอะคือช่วงโควิด พอมันว่าง มันก็ตอกย้ำเราว่า ชีวิตมันไม่แน่นอนว่ะ เลยคิดว่าถ้าอยากทำอะไรก็ควรทำหรือชอบอะไรก็ควรลองทำซะ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะติดโควิดหรือเปล่า แล้วจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า ช่วงนั้นขี้กลัวไงเลยคิดเยอะ ก็หันมาดูตัวเองว่าชอบอะไร
จากที่เราสังเกตตัวเองมานานมาก เวลาเล่นมือถือ นอกจากดูซีรีส์ ตามติ่งผู้ชาย ก็จะต้องแวะดูยูทูบเกษตรกรที่เขาทำสวน ปลูกผักทั้งคนไทยทั้งต่างชาติ เลยรู้ว่านี่แหละคือความชอบของเรา”
“พอดีบ้านที่โคราชมีที่ว่าง ก่อนหน้านี้ให้คนอื่นเขาเช่าปลูกมัน เลยคิดว่าลองมาปลูกผักที่นี่ก่อนดูมั้ยว่าเราชอบจริงๆ หรือเปล่า รักที่จะทำเกษตรจริงไหม เริ่มจากปลูกกล้วยทิ้งไว้ก่อน พอมาทำจริงเราชอบมาก เวลาต้องกลับมาทำงานที่ฉะเชิงเทราก็ยังนึกถึงสวนกล้วยรู้สึกสนุก เลยเป็นจุดเปลี่ยนว่าน่าจะมาทำเกษตรจริงจังนะ”
ความโชคดีของมายด์คือคนรอบข้างรวมถึงครอบครัวต่างสนับสนุน ไม่มีใครคัดค้าน เส้นทางสู่ฝันดูจะราบเรียบ แต่ก้าวแรกนั้นยากเสมอ
“ตอนแรกพ่อก็มีพูดบ้างว่าจะลาออกมาจริงเหรอ ทำงานเก็บเงินก่อนมั้ย เพราะงานเราด้วยตำแหน่งและหน้าที่ก็ค่อนข้างโอเค มั่นคงเงินเดือนก็สูงประมาณนึง แต่สุดท้ายเขาก็มองว่ามันเป็นชีวิตของลูกเนาะ เขาเลยไม่ว่าอะไร ที่นี้บ้านเราไม่มีใครเป็นเกษตรกรเลย ส่วนใหญ่ทำงานรับราชการเป็นหมอ พยาบาล ครู เลยต้องเรียนรู้เองใหม่ เราชอบดูยูทูบทำเกษตรมานานมากแล้ว ระหว่างนั้นมันเลยเหมือนศึกษาด้วยตัวเอง มันดูมันรู้ แล้วก็จำไปเรื่อยๆ แค่ยังไม่ไดทำสักที”
“พอมาทำจริง แรกๆ โคตรยาก โคตรเหนื่อย ตั้งแต่ลองปลูกกล้วยแล้วนะ เรามีลอจิกที่เป็นวิศวะเนาะ มันต้องมีการวางแผน แผนเป็นแบบนี้ ประเมินความเสี่ยง แต่พอทำจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลยเว้ย มันก็มีคำถามทำไมวะ ทำไมไม่เป็นตามแผนที่วางไว้”
“มันเหนื่อย แต่เรายังชอบอยู่ ยังสนุกและรักที่จะทำ เลยมาลองหาคำตอบว่าทำไมมันเป็นอย่างนี้ จะแก้ยังไง ศึกษาเรื่อยๆ มันเหนื่อยแค่กาย ทำเกษตรมันต้องมีความอดทนด้วยนะ พอลองดูตัวเราเองทำไมมันเหนื่อยแต่เรายังอดทนได้นะ ทำไมเหนื่อยแต่ก็รู้สึกแฮปปี้จังมันเลยยิ่งย้ำว่าเรากำลังทำสิ่งที่ชอบและเป็นสิ่งที่รักจริงๆ เราเลยทำมันต่อไปได้”
แปลงผักแบ่งปัน แบ่งขาย ก้าวแรกสู่การเติบโต
กว่า 7 เดือนที่มายด์ใช้ชีวิตเป็นเกษตรกรเต็มตัว ค่อยๆ เนรมิตพื้นที่ว่างข้างบ้านให้กลายเป็นแปลงผักสารพัด เลือกผักมาปลูกตามความชอบกินเป็นหลัก เช่น คะน้า หัวไชเท้า กวางตุ้งดอก กวางตุ้งฮ่องเต้ ผักสวนครัวทั่วไป เช่น พริก โหระพา กะเพรา รวมถึงประเภทผักที่ชาเลนจ์ความสามารถของตัวเองอย่างผักต่างประเทศ เช่น ฟักทองญี่ปุ่น แตงกวาญี่ปุ่น แรดิช ผักสลัดอย่างเคล คอส เรดโอ๊ก สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แปลงผักเล็กๆ ข้างบ้านจึงเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง มีผลผลิตแบ่งกิน แบ่งปัน และแบ่งขาย
ผลผลิตในฟาร์มเล็กๆ ของมายด์เป็นผักปลอดสารทั้งหมด นอกจากตั้งใจปลูกให้คนกินปลอดภัย เกษตรอินทรีย์ยังยั่งยืนกว่าเพราะตอบโจทย์เกษตรกรตัวน้อยอย่างเธอ
“นอกจากกินปลอดภัย ก็เป็นเรื่องของต้นทุนด้วย มีเงินเก็บประมาณนึง ไม่ได้มากมายจะมาลงอะไรยิ่งใหญ่ ที่ทำได้คือซื้อท่อแป๊บ แสลนกันแดด แค่นี้เลย ที่เหลือลงแรง เริ่มทำจากที่เราพอมีก่อน เป็นเกษตรกรแฮนด์เมด ทำเองทุกขั้นตอน ไม่ได้ใช้เครื่องทุ่นแรง ใช้เสียมใช้จอบขุดเองกับมือ
“เกษตรอินทรีย์เลยตอบโจทย์สำหรับเรานะ เพราะไม่ได้ใช้เงินเยอะ ปุ๋ยหมักเอง ไม่ต้องเสียค่ายา ถ้าทำเคมี อะไรๆ ก็เสียเงินหมดปลอดสารไม่ต้องเสียเงิน ใช้แต่กำลัง ใช้ความใส่ใจเยอะหน่อย”
ผักที่มายด์ปลูกให้ผลผลิตดี สวย ดูน่ากิน เราเลยถามมายด์ถึงช่องทางการขายผักปลอดสาร และการเป็นเกษตรกรเริ่มสร้างรายได้ให้กับเธอมากน้อยแค่ไหน
“ตอนนี้มันยังอยู่ในเสตรทเริ่มต้น เลยเริ่มจากปลูกกินเองก่อน แจกจ่ายครอบครัวที่บ้าน แบ่งคนในซอยบ้าน เดินเอาไปแจกเขา ถ้าเหลือจากนี้ก็เอามาขาย แล้วคนที่เราเอาไปแจกนั่นแหละเขาก็กลับมาถามว่ามีผักอีกมั้ย ก็แบ่งขายไป บางคนขับรถผ่านมาเห้นมีเคลก็แวะขอซื้อ พอพ่อเห็นคนมาขอซื้อผักเขาก็จะตื่นเต้น มาบอกเราว่า คนนั้นคนนี้ถามหาผักนะ เห็นใครมาซื้อก็ถาม เขามาซื้อผักอะไรมาซื้อต้นไหน เขาก็คงดีใจกับเราแหละ แต่ไม่ได้เป็นคำพูดออกมาชัดเจนว่ายอดเยี่ยม สุดยอดเลย
“เรามองว่าที่ทำอยู่มันยังอยู่ที่ 30 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่พอใจ ลองผิดลองถูกอยู่เลย เราเพิ่งออกจากงานเพราะรู้ว่ารักในสิ่งนี้ แต่ที่ทำอยู่ก็ยังมีข้อผิดพลาด ยังต้องอดทน เราไม่รู้ว่าคนข้างนอกเขามองเรายังไงนะ อาจมองว่าเรียนจบมาทำงานก็ดี ได้เท่านั้นเท่านี้ แล้วลาออกมาทำแบบนี้เหรอ ซึ่งตอนนี้เราก็ยังไม่มีรายได้เข้ามาแบบจริงจัง แต่ก็ไม่ได้สนใจว่าคนจะมองยังไงนะ เราชัดเจนว่าเราทำสิ่งที่รัก ทุกวันนี้ก็พัฒนาตัวเองอยู่ตลอด มองช่องทางการขายออนไลน์ไว้บ้าง ศึกษาอยู่ แต่มีอีกหลายสิ่งที่ต้องบริหารจัดการ อย่างการขนส่งเพราะเราทำคนเดียวด้วย ก็เรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ”
เกษตรกรไม่ใช่อาชีพเผื่อเลือก
ถ้าคนมีฝันคล้ายเรา ในฐานะที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำตามฝัน เป็นเกษตรกรเต็มตัวมา 7 เดือน เรียกว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน อยากบอกอะไรกับคนมีฝันเหมือนเรา เขาต้องเตรียมตัวอย่างไร ต้องพบเจออะไรบ้าง – – – เราถามมายด์
ลองสำรวจตัวเองก่อนว่าชอบจริงมั้ย เราชอบบรรยากาศเขียวๆ สวนร่มรื่น หรือชอบงานเกษตรกรรม มันไม่เหมือนกันนะ ชอบที่จะทำงานเกษตรกรรม ลงมือปลูกกว่าจะได้มาเป็นสวนเขียวๆ หรือชอบแค่บรรยากาศ สองเรามีความอดทนมั้ย ปลูกผักปลูกต้นไม้ต้องใช้เวลา ไม่ใช่ปลูกวันนี้ได้พรุ่งนี้
เรื่องของความพร้อม เงินสำคัญนะ ชีวิตสโลไลฟ์ของเกษตรกรไม่มีอยู่จริง อย่างเราก็ไม่สโลไลฟ์ ต้องตื่นแต่เช้ามาทำงานในสวนก่อนแดดออก กลับเข้าบ้านก็ต้องพัฒนา หาความรู้ด้วยตัวเองว่าเราจะพัฒนาสวนยังไงได้บ้าง อะไรที่ทำในร่มได้ หมักปุ๋ยรอ หมักดินรอชีวิตมันเร่งรีบตลอดเวลา
ต้องดูเรื่องการเงินด้วยถ้าระหว่างนี้ไม่มีรายได้เข้ามาเลย จะอยู่ยังไง ถ้าคุณมีหนี้สิน มันก็ต้องเมเนจ ไม่ใช่ว่ามาเป็นเกษตรกรเต็มตัวเลยดีกว่า ถ้ามีงานทำด้วย หรือรับ job ได้ก็ดี ไม่ใช่ว่าต้องเป็นเกษตรกรเต็มตัวอย่างเดียว มันแล้วแต่การจัดการชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
เน้นย้ำไปเลยว่า คนที่จะลาออกมาเป็นเกษตรกร ให้ทบทวนตัวเองก่อนว่าชอบและรักที่จะทำจริงมั้ย เกษตรกรต้องเป็นคนที่พอระดับหนึ่ง คุณอยู่ในชีวิตแบบนี้ได้ ทำเกษตรไม่ใช่การพักผ่อนนะ
บางคนอาจจะชอบแค่บรรยากาศ อยากพักจากงานประจำที่ทำอยู่ ก็เลยออกมาเป็นเกษตรกร แต่เกษตรกรไม่ใช่อาชีพเผื่อเลือกไง เราตามอาจารย์อยู่คนหนึ่งเขาพูดว่า หลายคนรู้สึกเบื่องาน เบื่อเพื่อนร่วมงาน อยากลาออกไปทำเกษตรดีกว่า แต่งานเกษตรไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของใคร ทำการเกษตรระหว่างทางมันไม่ได้สวยงามเลย
แต่สำหรับเรามันชัดเจน ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราก็ยังตัดสินใจลาออกมาทำเกษตรอยู่ดี เพราะเรากำลังทำสิ่งที่ชอบสิ่งที่รักอยู่
หากการปลูกผักทำสวนคือความฝัน เวลานี้มายด์ก็ทำฝันสำเร็จแล้วคือการได้ลงมือปลูก ทำในสิ่งที่รัก แต่การจะอยู่กับสิ่งที่รักอย่างยั่งยืนต้องอาศัยเวลา มายด์บอกว่าเธอเพิ่งเริ่มออกเดินทาง หนทางนี้ยังอีกยาวไกลและมีอะไรให้เรียนรู้อีกมาก ตลอดการสนทนาเต็มไปด้วยเอนเนอร์จี้ เสียงหัวเราะ เราสัมผัสได้ว่ามายด์มีความสุขมากจริงๆ กับสิ่งที่ทำจนเราอดชื่นไม่ได้ และอยากเป็นอีกหนึ่งกำลังใจเฝ้ามองการเดินทางของมายด์และทุกคนที่มีฝันเช่นกัน