ผัดมักกะโรนีในตำนาน

860 VIEWS
PIN

image alternate text
ผัดมักกะโรนี อาหารธรรมดาที่สูตรไม่ธรรมดาจากคุณอา ที่วันนี้มีหลานเป็นผู้ปรุง

ย้อนความทรงจำไปสมัยที่ฉันยังเด็ก (อืมมม… ก็ 50 กว่าปีมาแล้วสินะ 555) คนที่ทำอาหารให้เราทุกคนในบ้าน มีพ่อ แม่ ฉัน น้องชาย และคุณย่า ก็คือ ‘อาเล็ก’ น้องสาวของพ่อที่ไม่ได้แต่งงาน อาเล็กมาอยู่กับเราตั้งแต่ก่อนฉันเกิด มาช่วยเลี้ยงฉันและน้อง ดูแลคุณย่า และความเรียบร้อยต่างๆ ในบ้าน และเป็นแม่ครัวทำอาหารให้พวกเราเกือบทุกมื้อ

อาเล็กเป็นคนมีฝีมือในการทำอาหาร เป็นที่ติดอกติดใจทุกคนที่ได้ชิม เท่าที่ฉันจำได้ เมนูบ้านเราอร่อยน่ากินแล้วก็ไม่ค่อยเหมือนใคร นับตั้งแต่อาหารเช้า ที่นอกจากจะมีไข่ดาว ขนมปัง กับไส้กรอก หมูแฮม บางวันอาก็จะทำหมูเค็มที่ทำจากหมูสันนอกติดมัน หมักได้ที่นำไปทอดจนมีสีน้ำตาลสวย เติมน้ำลงไปอบจนเนื้อนุ่มไม่กระด้าง เป็นเมนูง่ายๆ แต่กินกับขนมปังทาเนยอร่อยมากๆ แล้วก็ยังมี ตับบด สูตรของอาเล็กจะใช้ทั้งตับหมู ตับไก่ และมันหมูแข็ง เป็นตับบดที่อร่อยที่สุด เพราะฉันโตมาจะเที่ยวหาซื้อจากที่ไหนก็สู้ฝีมืออาเล็กไม่ได้เลย

นอกจากนี้ มนูอาหารจานเดียวก็มีหลายอย่างที่ฉันชอบและจำได้แม่นยำ ข้าวมันส้มตำเนื้อเค็ม ข้าวหน้าไก่ห้าแยก ข้าวผัดกระเทียมกับมะม่วงสุก (โดยเฉพาะมะม่วงอกร่อง) ที่จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังเป็นเมนูประจำบ้านที่ทุกคนโปรดปราน ยิ่งกว่าได้กินมะม่วงกับข้าวเหนียวมูนเจ้าอร่อยๆ เสียอีก

แต่… ถ้าจะให้โหวตเมนูที่ทุกคนในบ้าน รวมไปถึงญาติสนิทมิตรสหาย ที่ได้เคยแวะเวียนมาทานอาหารที่บ้านเรา ยกนิ้วให้ว่าเด็ดที่สุด ก็คือเมนู ‘ผัดมักกะโรนี’ นั่นเอง

ฟังชื่ออาหารก็เหมือนจะธรรมดาที่ทุกวันนี้ก็น่าจะหากินได้ทั่วไป แต่ว่าผัดมักกะโรนีของอาเล็กรสชาติและรสสัมผัสแตกต่างกับที่อื่น จะบอกว่าเป็นผัดมักกะโรนีในตำนาน ฉันว่าก็คงไม่เกินไปหรอกนาาา…

ฉันยังจำได้ ตอนเด็กๆ แม่จะซื้อมักกะโรนีตรามงกุฎ (Royal) ติดบ้านไว้เสมอ ถ้าวันไหนที่เราจะทำกินกัน ฉันก็จะมีหน้าที่หักเป็นท่อนสั้นๆ เตรียมไว้ แต่ทุกวันนี้แบบแท่งยาวๆ ในบ้านเรา เห็นจะมีเหลือแต่ตรา Best Foods ซึ่งฉันเองก็ยังหาซื้อจากซูเปอร์ฯ แถวบ้านไม่ได้เลย

ส่วนผสมสำคัญอีกอย่างที่สมัยก่อนไม่มีขายก็คือเกล็ดขนมปัง อาเล็กต้องเอาขนมปังปอนด์ที่เรากินเหลือไปตากให้แห้ง แล้วนำมาตำ ซึ่งก็จะได้ผงละเอียดๆ หน่อย แตกต่างกับที่เขามีขายทุกวันนี้

ฉันถามอาเล็กว่าสูตรมักกะโรนีนี้สืบทอดกันมาอย่างไร อาเล็กบอกว่าจริงๆ แล้ว คนที่คิดค้นสูตรนี้น่าจะเป็นอาหน่อย นองสาวของพ่ออีกคน ตอนสาวๆ อาหน่อยเรียนการเรือน ชอบทำอาหารและขนม แล้วก็ยังได้แต่งงานกับสามีที่เป็นคนสิงคโปร์อีก ช่วงที่อาเล็กไปอยู่กับอาหน่อย คงจะได้เรียนรู้ทักษะและจดจำสูตรมาไม่น้อย แต่ต่อมาสูตรอาหารต่างๆ ก็ค่อยๆ ถูกพัฒนาและปรับปรุงโดยอาเล็กและแม่อีกที

ว่าแล้ววันนี้ เรามาทำผัดมักกะโรนีย้อนความหลังให้ทุกๆ คนได้กินกันดีกว่า… มาเตรียมส่วนผสมกันเลย

วิธีทำ ผัดมะกะโรนี

ส่วนผสม
– มักกะโรนี
– กุ้งสด
– สะโพกไก่
– ไส้กรอก
– หอมใหญ่
– มะเขือเทศ
– เกล็ดขนมปัง
– นมสด
– เนยเค็ม
– ซอสมะเขือเทศ
– ซอสปรุงรส
– เกลือ
– น้ำตาล

วิธีทำ ผัดมะกะโรนี

ขั้นตอนการทำ
1.ต้มเส้นมักกะโรนี พักไว้ สะโพกไก่ต้มแล้วฉีกเป็นเส้น กุ้งแกะแยกมันและเนื้อกุ้ง เปลือกนำไปต้มทำน้ำสต๊อก

วิธีทำ ผัดมะกะโรนี

2.หอมใหญ่แบ่งสับเล็กน้อย ที่เหลือหั่นตามยาว
3.ตั้งกระทะ ผัดเนยกับหอมใหญ่สับจนสุกหอม
4.เติมมันกุ้งและเนื้อกุ้งลงไปผัดจนสุก แล้วตักเนื้อกุ้งขึ้นพักไว้
5.เติมน้ำสต๊อกกุ้ง นมสด มะเขือเทศ ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ซอสปรุงรส และซอสมะเขือเทศตามชอบ

วิธีทำ ผัดมะกะโรนี

6.เคี่ยวส่วนผสมจนงวดได้ที่แล้ว นำมักกะโรนี หอมใหญ่ ไก่ฉีก ไส้กรอก ลงไปผัดให้เข้ากัน
7.เติมเกล็ดขนมปังและเนื้อกุ้ง คลุกเคล้าพอเข้ากัน ยกลงจากเตา

วิธีทำ ผัดมะกะโรนี

เสร็จแล้วค่ะผัดมักกะโรนี สูตรดั้งเดิม แต่คนทำไม่ใช่คนเดิมนะ 555 ปรุงรสเพิ่มเติมความอร่อยด้วยซอสแม็กกี้ ซอสมะเขือเทศ และที่ขาดไม่ได้คือซอสเปรี้ยว (ซอส Lea&Perrins แต่ที่บ้านนิยมเรียกซอสตรากระต่าย)

ปัจจุบันอาเล็กอายุ 95 ปีแล้ว แต่ก็ยังพูดคุยสื่อสารได้คล่องแคล่ว ความจำเป็นเยี่ยม ชวยเหลือตัวเองได้ดีพอสมควร อาเล็กได้ชิมผัดมักกะโรนีที่ฉันทำ ก็ให้คะแนนว่าใกล้เคียงกับที่อาทำเลยทีเดียว

ถึงแม้วันนี้ จำนวนคนในครอบครัวเราก็ลดน้อยถอยลง มีแต่อายุที่มากขึ้นๆ แต่เราก็ยังมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำอาหารการกินแบบเก่าๆ ที่คุ้นเคยและถูกปาก และถึงแม้สูตรอาหารต่างๆเหล่านี้อาจจะต้องสูญหายไปสักวัน เราก็คงไม่ได้เป็นห่วงอะไรในเรื่องนั้นมากมาย แค่ทุกวันนี้เรายังได้กินอาหารด้วยกัน ได้พูดคุย แบ่งปันอาหารแก่กันด้วยรอยยิ้มในทุกๆ มื้อ ไม่ว่าอาหารนั้นจะซื้อหามาหรือทำกินเอง จะเป็นสูตรของเราหรือของใคร ฉันคิดว่านั่นก็คงไม่ได้มีความสำคัญจนทำให้ความสุขของเราลดน้อยลงไปอีกต่อไป…

เรื่องและภาพ ณัฐจารี เกษมสันต์

เกิดและโตที่กรุงเทพฯ  พออายุ 30 กว่า ก็ย้ายมาทำสวนออร์แกนิก ที่ จ.เชียงใหม่ กับสามี ปัจจุบันอายุมากขึ้นและมีหน้าที่ต้องดูแลผู้สูงอายุในบ้านเป็นหลัก  จึงเลิกทำสวนไป แล้วมาใช้ชีวิตกับแม่และอา (อายุ 85 ปี และ 95 ปี) ที่ จ.กำแพงเพชร  บ้านเกิดของสามี  ที่ซึ่งทั้งสองคนวางแผนจะอยู่ในบั้นปลายชีวิต  แต่ก็ยังไปๆ มาๆ กับบ้านที่เชียงใหม่ 

แม่และอาแข็งแรงดี  และยังสนุกกับการเดินทาง  จึงคงจะใช้ชีวิตไปมาแบบนี้ไปอีกสักพักจนกว่าอาจะเดินทางไม่ไหว

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS