อนิเมะขายมิโสะ ความยาว 90 วินาที สร้าง impact ได้ขนาดนี้เลยเหรอ?
โฆษณาผลิตภัณฑ์มิโสะสำเร็จรูปของแบรนด์ Marukome ประเทศญี่ปุ่น สร้างกระแสจนกลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์แทบทุกตอน ตั้งแต่ปล่อยมาตอนแรกในปี 2014 จนปีล่าสุด 2023 รวมกว่า 11 ตอน ทั้งคนญี่ปุ่นและต่างชาติหลายคนยกให้เป็นโฆษณาเรียกน้ำตา เราไล่ดูทั้ง 11 ตอน พลอตเรื่องไม่ได้เศร้าดึงดราม่าเหมือนโฆษณาประกันชีวิต แต่มวลอุ่นๆ ของโฆษณาที่เล่าเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ระหว่างพ่อกับลูก คู่สามีภรรยา ย่ากับหลาน ฯลฯ ผ่านมื้ออุ่นๆ ที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารอย่างมิโสะซุป ทำให้คนดูอย่างเราพลอยอบอุ่นใจไปด้วย โดยเฉพาะกับคนญี่ปุ่นฉันคิดว่าน่าจะรู้สึกได้มากเป็นพิเศษ ด้วยตัวมิโสะซุปเป็นเมนูแสนจะธรรมดาประจำบ้าน ที่ล้วนเป็นคอมฟอร์ดฟู้ดของชาวญี่ปุ่น ย่อมอินและรู้สึกร่วมได้มากกว่า เปรียบเทียบกับคนไทยถ้าเป็นเมนูง่ายๆ กินแล้วคิดถึงบ้านต้องมีเมนูเบสิกแต่กินที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่ากินที่บ้านอย่างต้มซุปไก่ ไข่น้ำ ไข่เจียวอยู่ในลิสต์
ฉันประทับใจอยู่หลายตอน ยกตัวอย่างตอนหนึ่ง คือ ‘คู่สามีภรรยาวัยเกษียณ’ (มีสปอยนะ) โฆษณานำเสนอคู่รักวัยเกษียณที่ภรรยาต้องทนทุกข์จากอาการป่วย ร่างกายไม่แข็งแรง ไม่สามารถทำอาหารและเดินเหินได้อย่างแต่ก่อน จนเธอคิดว่าอาจต้องย้ายไปอยู่ในที่ที่มีคนดูแลเธอและสามีที่ชราแล้วทั้งคู่ มิจิโอะสามี ผู้ไม่เคยทำอาหารมาก่อนจึงเริ่มไปจ่ายตลาด ลองทำอาหารง่ายๆ เพื่อที่จะใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาต่อไปได้ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ซุปมิโสะสำเร็จของ Marukome กลายเป็นมื้ออุ่นๆ นั้นสร้างความประทับใจให้กับภรรยา เย็นวันหนึ่งขณะเดินเล่นทั้งสองคุยกันว่าพวกเขาปรับตัวเข้ากับวิถีชีวิตใหม่อย่างไร และพูดถึงอาหารเย็น เขาถามภรรยาว่าอยากกินอะไร เธอตอบเพียงสั้นๆ ว่า “อะไรก็ได้” มิชิโอะรับปากว่าเธอจะฝากมื้อเย็นไว้กับเขานับจากนี้ไป ราวกับว่าแค่มีเขาอยู่ข้างๆ กับซุปมิโสะอุ่นๆ สักถ้วย ก็อิ่มท้องและอิ่มใจแล้ว (อันนี้มโนต่อเองค่ะ)
Power of Anime เรื่องเล่าอุ่นๆ 11 ตอน ที่เข้าถึงทุกความสัมพันธ์
อนิเมะชุดนี้เป็นผลงานของ Robot Communications บริษัทโปรดักชันที่ได้รับรางวัล Academy Award ร่วมกับ Studio Colorido สตูดิโอแอนิเมชั่นชื่อดังของญี่ปุ่น เหตุที่โฆษณานี้เป็นไวรัล สำหรับฉันในฐานะคนดูธรรมดาๆ ทั่วไปคนหนึ่งคิดว่าเป็นเพราะความเข้าถึงง่าย ดูแล้วรู้สึกร่วมไปด้วย อนิเมะนี้กลายเป็นเอนเตอร์เทนเมนต์มากกว่าโฆษณาโปรดักส์ ถึงจะทำขึ้นเพื่อโปรโมทตัวมิโสะของแบรนด์ก็ตาม แต่ไม่ได้มีฉากบรรยายรสชาติหรือความดีงามของตัวมิโสะ Marukome ออกมาโต้งๆ ว่าอร่อยล้ำเลิศขนาดไหน กลับเน้นไปที่อารมณ์ของคาแรกเตอร์หลังได้กินมิโสะ อย่างกินแล้วนึกถึงความหลัง กินแล้วคิดถึงบ้าน คิดถึงคนรัก หรือแม้แต่ขอบคุณในความห่วงใย ความอร่อยปรากฏผ่านสีหน้า แววตาและอารมณ์ของตัวคาแรกเตอร์ ยิ่งสะกดให้เราเชื่อว่ากำลังดูอนิเมะอบอุ่นใจสักเรื่องอยู่
อีกประเด็นหนึ่งสำหรับคนญี่ปุ่นแล้วการใช้อนิเมะเป็นสื่อโฆษณาไม่ใช่เรื่องหวือหวาหรือเรื่องใหม่ แต่พลอตเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมคือส่วนใหญ่เน้นถ่ายทอดอารมณ์ขัน น่ารัก ผิดกับโฆษณามิโสะของ Marukome ที่เน้นเล่าเรื่องความสัมพันธ์ชวนอบอุ่น ประทับใจ และตอบสนองคนดูด้วยการทยอยปล่อยอนิเมะออกมาเรื่อยๆ ให้ติดตามต่อราวกับมินิซีรีส์
กระนั้นหลายฉากหลายตอนก็ย้ำภาพให้เห็นถึงความสะดวกสบายของโปรดักส์แบบแยบยล เช่นตอนหนึ่งเมื่อลูกสาวต้องย้ายออกไปอยู่หอพัก ด้วยความเป็นห่วงว่าลูกที่ง่วนโฟกัสอยู่กับงานอาจไม่มีเวลาหาอาหารดีๆ กิน แม่จึงส่งเครื่องปรุงรสมิโสะมารุโกเมะไปให้ทางไปรษณีย์ ในวันที่เหน็ดเหนื่อยจากการงาน ลูกสาวจึงได้กินอาหารทำเองโดยใช้ผงมิโสะสำเร็จ ปรุงง่ายๆ ได้ทั้งผัดและทำซุปอุ่นๆ เธอเองรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งในความห่วงใยของแม่และพ่อ
อนิเมะจึงวางให้ ‘มิโสะมารุโกเมะ’ เป็นอาหารที่เชื่อมความสัมพันธ์ของตัวละครเอาไว้ทุกครั้งที่ปรากฏในฉาก มากกว่ามาสาธยายความดีงามของโปรดักส์จนออกนอกหน้า แต่เราก็ยังรับรู้ได้ว่า เออ มันสะดวกนะ ใช้ง่าย ปรุงได้หลายเมนูเลย ผัดก็ได้ทำซุปก็ได้ และดูหลายๆ ตอนจะเริ่มจับทางได้ว่ามิโสะมารุโกเมะโผล่มาเมื่อไหร่ใกล้จะถึง Climax ของเรื่องแล้วนะ ฮา
โฆษณาชุดนี้ประสบความสำเร็จอย่างดีในบทบาทโฆษณาอนิเมะที่ช่วยตอกย้ำภาพจำ และสร้างภาพลักษณ์ให้ทั้งโปรดักส์และแบรนด์อย่างชัดเจนว่าเป็นโปรดักส์ที่ใกล้ชิดอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคน โดยเฉพาะมื้ออาหารครอบครัว ผ่านเนื้อเรื่องเล่าถึงมื้ออาหารอุ่นๆ จากมิโสะ เมนูธรรมดาที่เข้าถึงได้ทุกความสัมพันธ์ในบ้าน คนดูทุกคนรวมถึงฉันอาจเคยเป็นทั้งลูก เป็นหลานของปู่ย่าตายาย คนรัก วันหนึ่งเติบโตขยับมาเป็นแม่ พ่อ เราต่างก็เคยอยู่ในความสัมพันธ์ใดสัมพันธ์หนึ่ง พอเป็นมื้อที่บ้านย่อมมีอารมณ์ร่วมมากกว่ามื้ออร่อยนอกบ้าน
ความสัมพันธ์ระยะไกลก็อบอุ่นขึ้นได้เมื่อได้กินอาหารรสชาติที่คุ้นเคย เช่นตอนหนึ่งที่เล่าเรื่องราวของคุณพ่อพนักงานหนุ่ม ที่ถูกบริษัทสั่งย้ายให้ไปทำงานจังหวัดอื่น ต้องแยกจากลูกและภรรยา ลูกสาวตัวน้อยสองคนจึงมาเยี่ยมพ่อที่อพาร์ตเม้นต์แห่งใหม่พร้อมแม่ ขนข้าวของมาปรุงอาหารแน่นอนว่าต้องมีซุปมิโสะสำเร็จรูปด้วย และเรียนรู้การทำอาหารจานโปรดของพ่อจากผู้เป็นแม่ ทั้งสองคนช่วยกันทำอาหารจนออกมาสำเร็จ แม้หน้าตาจะดูไม่น่ากิน แต่คุณพ่อก็กินด้วยความอร่อยและภูมิใจในตัวลูกสาวทั้งสอง พร้อมพูดขึ้นมาว่า “รสชาติเหมือนกินที่บ้าน”
อนิเมะตอนนี้ยังได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของพนักงานบริษัท Marukome ที่ถูกสั่งย้ายจากโตเกียวให้ไปประจำอยู่ที่นากาโนะ ซึ่งพวกเขาต่างก็ต้องห่างจากครอบครัว
นอกจากเนื้อเรื่อง ลายเส้นรวมถึงภาพอาหารในแต่ละฉากละตอนก็ยั่วให้เราอยากจะลองทำซุปมิโสะอุ่นๆ กินดูบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามันจะทำง่ายแค่เทน้ำร้อนลงไปในมิโสะคัพ หรือใช้ผงมิโสะละลายน้ำในไม่กี่นาทีก็ได้มิโสะอุ่นๆ ไว้ซดคล่องคอ เช่นเดียวกับชาวเน็ตที่ได้ชมโฆษณาชุดนี้ผ่านทาง Marukome YouTube Chanel นอกจากจะชื่นชมพลอตเรื่องอนิเมะ หลายคนบอกว่าพวกเขาอยากจะซื้อมิโสะมารุโกเมะมากินมันเดี๋ยวนั้นเลย
ชมเรื่องราวอบอุ่นหัวใจของอนิเมะทั้ง 11 ตอนได้บนยูทูบ
https://www.youtube.com/watch?v=6u2epuyFA-A&list=PL2yaYfSjXE1B3j-9vQALajLikfmKk-4gT
อ้างอิง
https://www.japankuru.com/en/entertainment/e2990.htmlhttps://www.crunchyroll.com/news/latest/2020/1/26/marukome-gets-sentimental-with-animated-miso-ad
https://www.campus.sg/check-out-these-amazing-anime-promoting-tourism-nachos-and-more-campus-sg/