หลังจากที่ได้ดูรายการ MasterChef Thailand (มาสเตอร์เชฟประเทศไทย) Season 6 EP.6 ไป จึงเกิดความสงสัยใคร่อยากรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบบางชนิดในรายการ นั่นก็คือ หน่อกะลา นั่นเอง ด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด บ้านอยู่สมุทรสงคราม ต้นมะพร้าวเต็มจังหวัดไปหมด บ้านก็รายล้อมไปด้วยต้นมะพร้าวมากมาย แต่ที่กะลาก็ไม่ได้มีหน่ออะไรขึ้นมานี่นา แล้วหน่อกะลาที่เชฟเอียนพูดถึงมันคืออะไรกันนะ
ด้วยความที่อยากรู้จริงๆ จึงรีบทำการเข้าอากู๋เลยค่ะ จึงได้ทราบว่า ต้นหน่อกะลา เป็นวัตถุดิบที่ขึ้นชื่อของชาวเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี นี่เอง ซึ่งแต่เดิมนั้นเกาะเกร็ดเป็นที่อาศัยของคนเชื้อสายมอญ และชาวมอญก็ได้มีการกินหน่อกะลากันมานานแล้ว นอกจากจะเป็นพืชที่กินดีแล้ว ยังมีสรรพคุณด้านยาอีกด้วย ชาวมอญเชื่อว่าการกินหน่อกะลาจะทำให้ท้องไส้สบาย เพราะมีสรรพคุณขับลมเหมือนขิง ส่วนเหง้าและดอกจะนำมาใช้พอกแผลแก้ผื่นคันตามผิวหนัง มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อราบนผิวหนังได้ด้วย หน่อกะลาเป็นพืชที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกันกับข่า มีเหง้าอยู่ใต้ดินและมีลำต้นสูงถึง 3 เมตร แตกกอแน่น เป็นพืชที่ชอบการเจริญเติบโตในที่เฉอะแฉะ ชาวบ้านบางคนจึงเรียกว่า ข่าน้ำ ด้วยความที่เกาะเกร็ดเป็นเกาะอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาจึงโดนน้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง ต้นหน่อกะลาจึงเจริญเติบโตได้ดีมากๆ ที่นี่ หน่อกะลาสามารถนำมาประกอบอาหารได้อย่างหลากหลาย จะกินสดก็ได้หรือจะลวกต้มจิ้มน้ำพริกก็ได้ และส่วนมากพ่อค้าแม่ค้าก็จะนำมาใช้แทนถั่วฝักยาวทำทอดมันหน่อกะลากัน
พอพูดถึงอาหารแล้วน้ำย่อยมันเรียกร้องว่าต้องการอาหาร ดิฉันก็รีบบึ่งไปเกาะเกร็ดเลยสิคะ ได้เห็นหน่อกะลาจริงๆ แล้ว มองเผินๆ คิดว่าเป็นไหลบัว มีความเหมือนกันมากๆ ที่เกาะเกร็ดมีอาหารและร้านขนมไทยมากมาย เหมือนเป็นที่อนุรักษ์ด้านขนมไทยไว้เลย มีทั้งขนมตาลที่ทำจากตาลแท้ๆ ขนมตระกูลทอง เช่น ทองหยิบ ทองหยอด เม็ดขนุน ดาราทอง หรือขนมโบราณเช่น ช่อม่วง ผกากรอง หรือแม้แต่ขนมที่หากินยากๆ เช่น ขนมควยลิง ก็ยังมีให้ชิม แถมที่นั่นยังมีการสอนปั้นดินเผาด้วยนะ
พอเดินไปเรื่อยๆ ก็ได้กลิ่นหอมๆ คนยืนเต็มหน้าร้านเลย จึงแอบชะโงกดูว่าคือร้านอะไร นั่นคือร้านทอดมันหน่อกะลานั่นเอง ด้วยความอยากชิม มาถึงที่ขนาดนี้แล้ว ก็ต้องได้ชิมสิ ก็ยืนรอเข้าคิวสักครู่เดียวก็ได้กินแล้ว เป็นทอดมันชิ้นขนาดพอดีดำ แต่พอกัดเข้าไปแล้วก็เจอหน่อกะลากรุบๆ ก็อร่อยดีเหมือนกันนะเนี่ย
พอเดินไปอีกสักพักก็เห็นคุณป้าเข็นรถขายผักสวนครัวมาขาย และมีหน่อกะลามาขายด้วยเป็นกำๆ เลย เราก็ไม่พลาดที่จะซื้อกลับมาทำเมนูแจกสูตรกันแน่นอน เราลองมาเปลี่ยนจากเมนูทอดมันหน่อกะลามาเป็นเมนูผัดเขียวหวานปลากรายไส้ไข่แดงเค็มหน่อกะลากันดีไหมนะ คิดแล้วน่าจะอร่อยมากๆ ได้กินผัดเขียวหวานปลากรายกับไข่แดงเค็ม นัวๆ แล้วมันถูกใจยิ่งนัก ยิ่งได้หน่อกะลามาสดๆ จะให้รสชาติที่หวาน กรอบ หอมกลิ่นความเป็นสมุนไพร สามารถใช้แทนยอดมะพร้าวได้เลย ว่าแล้วก็ไปดูสูตรและวิธีทำกันเลย
ผัดเขียวหวานปลากรายหน่อกะลา
สำหรับ 2–3 คน
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
พริกแกงเขียวหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 2/3 ถ้วย
น้ำปลา 1 ช้อนชา
น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนชา
กระชายซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ
มะเขือเปราะหั่นชิ้นเล็ก 2 ลูก
มะเขือพวง 1/4 ถ้วย
หน่อกะลาหั่นท่อน 1 ถ้วย
พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 1 เม็ด
ใบโหระพา 1/2 ถ้วย
เนื้อปลากรายห่อไส้ไข่เค็ม
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำเย็น 1/2 ช้อนโต๊ะ
เนื้อปลากรายขูด 200 กรัม
ไข่แดงเค็มต้มสุก 4 ฟอง
วิธีทำ
1.ทำลูกชิ้นปลากรายไส้ไข่เค็มโดยละลายเกลือกับน้ำ จากนั้นโขลกเนื้อปลากรายให้ละเอียด ทยอยเติมน้ำเกลือทีละน้อย โขลกจนเนื้อปลากรายเหนียว จุ่มมือทั้งสองลงในน้ำให้หมาดๆ ตักเนื้อปลากรายประมาณ 50 กรัม ใส่ฝ่ามือ วางไข่เเดงเค็ม ค่อยๆหุ้มเนื้อปลากรายขึ้นมาปิดไข่เค็มจนมิด ทำจนครบ 4 ฟอง นำลูกชิ้นปลากรายที่ปั้นไว้ลงลวกในน้ำเดือดจนสุก แล้วตักขึ้นพักไว้
2.ทำผัดเขียวหวานปลากรายไส้ไข่แดงเค็มหน่อกะลาโดยตั้งกระทะบนไฟอ่อน เมื่อร้อนแล้วใส่น้ำมันและพริกแกงลงไปผัด จากนั้นเติมกะทิ ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าว ใส่กระชายและใบมะกรูด จากนั้นเร่งไฟ ใส่มะเขือเปราะและมะเขือพวงผัดจนสุก ใส่หน่อกะลา พริกชี้ฟ้าแดง และใบโหระพา ผัดต่อจนผักสลดแล้วปิดไฟ จัดเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย