อาหารไทย อาหารจีน หรืออาหารฝรั่ง? กับบางคนและบางมื้อก็ตัดสินใจเลือกยากเหลือเกิน โดยเฉพาะในย่านอภิมหาโภชนาบาร์และเรสเตอรองต์อย่างย่านสุขุมวิทที่ยิ่งทำให้เลือกยากขึ้นไปอีกสามเท่าตัว หากยังคิดไม่ตก ขอให้ลองเลี้ยวรถเข้ามาที่สุขุมวิท 51 แล้วเลี้ยวซ้ายที่ท้ายซอย ก็จะเจอกับร้าน SāN (ซาน) ร้านอาหารที่ผสมกลิ่นอายของบาร์และคาเฟ่ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
เมื่อได้อ่านเมนูของ SāN แล้วก็ชวนให้ฉงน เท่าที่ไล่สายตากวาดดูแต่ละชื่อ แทบจะระบุสัญชาติเฉพาะเจาะจงให้จานไหนไม่ได้เลย แต่ก็ยังพบเห็นกลิ่นอายของความเป็นจีนและไทยอยู่ในรูปแบบการปรุงแบบตะวันตก ผ่านเมนูที่ทำจากข้าวและบรรดาเส้นซึ่งเป็นภูมิปัญญาอาหารที่เด่นชัดว่ามาจากวัฒนธรรมจีนเป็นหลัก
SāN หรือซาน หมายถึง ‘สาม’ ในภาษาจีนกลาง ซึ่งในที่นี้ก็เป็นความหมายของการผสมผสานเอาวัฒนธรรมอาหารทั้งจากจีน ไทย และการปรุงแบบตะวันตกเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว แต่ละเมนูคือการรวมเอาวัฒนธรรมอาหารทั้ง 3 ชาตินี้ไว้ด้วยกันในคำเดียวโดยมีเชฟนิก –กฤษฏา จินตกานนท์ และเชฟแนน – สุภรา จินตกานนท์ เป็นแรงหลักในการสรรหาวัตถุดิบจากทั่วประเทศไทย และมีเชฟเจค็อบ (Jacob Bowser) อดีตซูเชฟ (suos chef) จากร้านอาหารประดับดาวมิชลินผู้ตกหลุมรักเมืองไทยเข้าอย่างจัง มาประจำการในครัวของ SāN สร้างสรรค์และดูแลเมนู ‘New Originals’ ต่าง ๆ ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านการปรุงอาหารตะวันตกมาแทบทุกรูปแบบ
ที่เห็นเป็นกลิ่นอายจีนอย่างชัดเจนเป็นอันดับแรกก็คือ Duck Dan Dan Noodle (250 บาท) ผัดหมี่รสเผ็ดร้อน เมนู Dan Dan คือหมี่เผ็ดดั้งเดิมแบบเสฉวน โดดเด่นที่การใช้เป็ดสับแทนเนื้อไก่เพื่อให้มีรสหวาน ผัดรวมกับเส้นหมี่ที่ทำขึ้นเองเฉพาะ พร้อมกับเครื่องเทศแบบไทยและความเผ็ดจากพริกเสฉวน ตัดรสชาติด้วยความกรุบกรอบและกลิ่นหอมมันของถั่วลิสงที่แทรกมาในบางคำ ทำให้ผัดหมี่ในสไตล์ดังเดิมจานนี้มีรสแปลกใหม่ที่ทำให้เข้าใจคำว่า New Original ได้ชัดเจน
เบรกความเผ็ดร้อนด้วยเมนู Bao Change Daily (90 บาท) แป้งทอดโฮมเมดยัดไส้ที่เปลี่ยนใส้ไปในทุกๆ วัน วันนี้เราเจอกับเนื้อเป็ดอีกเช่นกัน แต่เป็นอกเป็ดตุ๋นเนื้อนิ่มรสหวานนำ (ใครไปวันอื่นไส้จะเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบที่เชฟจะเลือกมาพรีเซนต์ในแต่ละวัน) เป็นเทคนิคเปลี่ยนเมนูแป้งทอดทั่วไปให้น่ากลับไปกินซ้ำๆ ได้แบบไม่มีทางเบื่อเลย
ส่วนเมนูสีสวยเมนูนี้คือ Poached Scallop, Coconut Broth, Salmon Roe (320 บาท) หอยคุณภาพดีที่ถูกตุ๋นในน้ำกะทิจากอัมพวา เสิร์ฟพร้อมไข่แซลมอนญี่ปุ่นและกรีนออยล์ ซึ่งก็คือน้ำมันจากใบสะระแหน่และใบมะกรูด ที่เป็นเคล็ดลับเฉพาะแบบของ SāN ในการสร้างกลิ่นที่โดดเด่นพร้อมรสเปรี้ยวเล็กๆ ตัดกับน้ำกะทิได้ดี ตกแต่งด้วยผักและสมุนไพรตามฤดูกาล เป็นเมนูที่นอกจากจะสีสันสดใสแล้วให้สร้างกลิ่น รส และรสสัมผัสได้หลากหลายแบบสวยทั้งรูปและจูบก็หอม
Twist Noodle, Uni Cream, River Prawn, Red Chili (350 บาท) เป็นอีกจานที่ผสมความเป็นจีน ไทย และตะวันตกไว้อย่างกลมกล่อม ด้วยเส้นก๋วยจั๊บโฮมเมดผัดกับกุ้งแม่น้ำเนื้อแน่นๆ รสเผ็ดกำลังดี ท็อปด้วยครีมอูนิไวน์ขาวไว้เบรกรสเผ็ด กลายเป็นเมนูใหม่ที่ประกอบร่างขึ้นจากวัตถุดิบดั้งเดิมที่สร้างความตื่นเต้นแต่คุ้นเคยได้อย่างเหมาะเจาะ
สุดท้ายด้วยเมนูที่เราขอยืนยันว่าต้องสั่ง นั่นก็คือ Seared Duck Breast, Sweet Potato, Date, Trumpet Royal Mushroom (390 บาท) อกเป็ดที่ย่างมาได้แบบพอดีมากๆ เซียร์เฉพาะส่วนหนัง ทำให้เนื้อเป็ดยังมีรสหวานตามธรรมชาติ แต่หนังติดรสเค็มและกรุบกรอบเข้ากัน เสิร์ฟกับเห็ดและซอสมันหวานอินทผลัมช่วยเน้นความหวานกลมกล่อมของเนื้อเป็ดได้อย่างลงตัว
นอกจากเมนูที่ครีเอตขึ้นใหม่แล้ว ร้าน SāN ยังมีเซตอาหารเช้าให้เลือกมากมายในราคาย่อมเยา อย่างเช่น Set B ที่เราเลือกมาเพราะต้องมนตร์ของแพนเค้กและเบคอนกรอบๆ เสิร์ฟพร้อมมูสลี ผลไม้รวม แฮชบราวน์ กราโนล่าโยเกิร์ต กาแฟหรือชา พร้อมน้ำผลไม้อีกหนึ่งแก้ว เพียงเซตละ 180 บาท เรียกได้ว่าเป็นราคาและปริมาณที่ไม่น่าจะหาได้ในย่านสุขุมวิทอีกแล้วถ้าไม่ใช่ที่ร้าน SāN แห่งนี้
นอกจากจะครบถ้วนตั้งแต่เช้า เที่ยง เย็น แล้ว SāN ยังมีเมนูเครื่องดื่มทั้งชากาแฟ ค็อกเทล ม็อกเทลสูตรเฉพาะพร้อมบริการกันตั้งแต่เช้ายันดึก ในบรรยากาศแบบโมเดิร์นวินเทจ กับเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุคจัดวางในโครงสร้างร้านแบบเรียบๆ ให้กลายเป็นความน้อยแต่มาก พร้อมเคาน์เตอร์บาร์สำหรับใครที่อยากสังเกตการณ์ในครัวเพื่อเรียกน้ำย่อย ไม่ว่าจะเป็นคออาหารไทย จีน หรือฝรั่ง ก็แวะมาที่ SāN ได้ทุกมื้อทุกเวลารับรองไม่ผิดหวัง
SāN
พิกัด: ซอยสุขุมวิท 51, คลองตันเหนือ, วัฒนา, กรุงเทพฯ
เวลาเปิด-ปิด: 10:00 – 22:00 น. (ปิดวันจันทร์)
โทร. 06 2909 2404, 09 7029 8703
