เชื่อว่าแทบทุกบ้านต้องมีเครื่องปรุงรสเผ็ดติดบ้านไว้ ถ้าเป็นเครื่องปรุงรสเผ็ดสามัญหน่อยก็คงหนีไม่พ้นพริกป่นหรือไม่ก็ซอสพริก ที่ไม่ว่าจะต้ม ผัด แกง ทอด จะเอาไปปรุงหรือเอาไปจิ้มกินก็ทำให้อาหารมีรสจัดจ้านมากขึ้น แต่เคยสงสัยกันมั้ยว่าแล้วเครื่องปรุงชนิดไหนล่ะที่เราควรจะหาซื้อมาไว้ติดบ้านบ้าง วันนี้เลยขอเป็นตัวแทนหมู่บ้านพาทุกคนไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ตตามโซนเครื่องปรุงต่างๆ ดูซิว่าเครื่องปรุงไหนบ้างที่มีรสเผ็ด และเครื่องปรุงไหนที่ควรหยิบจับมามีไว้ติดครัวเพิ่มรสชาติอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้น (แอบกระซิบก่อนเลยว่ามีป้ายยาให้ไปตำตามกันด้วยนะคะ) เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปเลือกซื้อเครื่องปรุงรสเผ็ดกันเลยดีกว่า
แต่ก่อนจะไปตามหาเครื่องปรุงรสเผ็ด มาทำการจำแนกกันก่อน เครื่องปรุงรสเผ็ดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ เครื่องปรุงแห้งรสเผ็ด และ เครื่องปรุงซอสรสเผ็ด
มาเริ่มต้นด้วย เครื่องปรุงแห้งรสเผ็ด ชาติแรกที่เราจะเข้าไปสำรวจก็คือเครื่องปรุงไทยๆ ของเรานี่แหละ เครื่องปรุงแห้งรสเผ็ดของไทยๆ ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นพริกป่น (มีทั้งแบบละเอียดและแบบหยาบ) พริกไทยขาวและดำ (มีทั้งแบบป่นและแบบเม็ด) พริกชี้ฟ้าแห้ง พริกขี้หนูแห้ง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้รู้ๆ กันอยู่แล้วว่าเป็นเครื่องปรุงรสที่เพิ่มความเผ็ดร้อนได้ดีในเมนูอาหาร แถมยังเพิ่มสีสันให้กับอาหารได้ด้วย ส่วนจะเอาไปทำเมนูอะไรนั้น สารพันที่จะเอาไปทำได้เลย จะเอาไปหมักก็ได้ เอาไปแกงก็รสชาติดี เอาไปต้มก็ทำให้น้ำซุปกลมกล่อม เอาไปผัดหรือยำ ก็ให้รสชาติอาหารจัดจ้านถึงใจ เหมาะมากกับการมีคู่ครัวไทย เพราะหากว่าบ้านขาดพริกป่นแต่ยังมีพริกแห้งก็สามารถคั่วพริกแห้งแล้วนำมาโขลกเป็นพริกป่นได้เช่นกัน
เดินพ้นโซนของแห้งมาหน่อยก็จะเจอเครื่องปรุงประเภทซอส ที่อยู่ไม่ไกลกันนัก โดย เครื่องปรุงซอสรสเผ็ด ของไทยเรานั้นถ้าจะพูดว่าเผ็ดก็อาจจะเผ็ดไม่สุด แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้อาหารมีรสชาติเข้มข้นขึ้นได้อย่าง ซอสพริก (ซึ่งมีระดับความเผ็ดที่หลากหลายมาก) หรือใครจะนับรวมน้ำพริกเผาเป็นเครื่องปรุงรสเผ็ดด้วยก็ไม่ผิด เพราะน้ำพริกเผามีส่วนผสมของพริกชี้ฟ้าแห้งอยู่เหมือนกัน สายกินเผ็ดได้น้อยอาจจะรู้สึกว่าฉันกินก็เผ็ดแล้ว ซึ่งเครื่องปรุงเหล่านี้เรามักจะนำไปใช้จิ้ม หรือเอาไปผัดในเมนูต่างๆ ให้ได้รสชาติที่กลมกล่อมจัดจ้านยิ่งขึ้น
หากแต่ใช่ว่าความเผ็ดร้อนจะมีแต่ในอาหารไทยเพียงเท่านั้น ชาติอื่นๆ ก็มีเครื่องปรุงที่เสริมช่วยรสเผ็ดเช่นเดียวกัน (ความเผ็ดอาจจะเทียบเท่าไม่ได้ แต่ก็ช่วยให้อาหารจานนั้นมีสีสันมากยิ่งขึ้น) และนี่คือสิ่งที่อยากจะกระซิบบอกทุกคนว่ามีติดบ้านไว้เถอะ แล้วคุณจะเพลิดเพลินไปกับการทำอาหารแน่นอน เริ่มที่ชาติแรกอย่างญี่ปุ่นกันก่อน อาหารญี่ปุ่นอาจจะดูเหมือนไม่น่าเป็นอาหารรสจัด แต่ญี่ปุ่นมีเครื่องปรุงที่ให้รสเผ็ดอยู่หลากหลาย และรสชาติความเผ็ดก็หลากหลายเช่นกัน โดยเริ่มจาก เครื่องปรุงแห้งรสเผ็ด ของชาวญี่ปุ่นกันก่อน นั่นก็คือบรรดาพริกป่นทั้งหลาย หากใครชอบเดินซูเปอร์ฯ บ่อยๆ จะสังเกตว่าพริกป่นของญี่ปุ่นทำไมมีหลากหลายขวดจัง แล้วแต่ละขวดนั้นมีความต่างกันอย่างไร โดยพริกป่นญี่ปุ่นที่อยากแนะนำให้มีติดครัวไว้คือพริก 2 ชนิดนี้
พริกชิจิมิ (Shichimi) เป็นพริกป่นญี่ปุ่นที่มีส่วนผสมอย่างาขาว งาดำ สาหร่าย ผิวส้ม ผสมรวมอยู่ในผงพริกด้วยทำให้พริกป่นมีรสชาติที่อร่อยแปลก ความเผ็ดร้อนไม่เท่าพริกป่นไทย แต่ก็ช่วยให้เมนูอาหารที่ใส่นั้นมีรสชาติจัดจ้านขึ้นมาได้ นิยมกินคู่กับราเมง ข้าวแกงกะหรี่ หรือจะผสมลงในส่วนผสมของไส้อย่างเกี๊ยวซ่า หรือข้าวปั้นต่างๆ ก็ได้ พริกกระปุกนี้แนะนำเลย ใครเป็นสายชอบทำและชอบกินอาหารญี่ปุ่น มีติดบ้านไว้เถอะ รับประกันว่าได้ใช้แน่นอน
พริกไทยซันโช (Sansho) เป็นพริกไทยที่มีสีเขียวของชาวญี่ปุ่น กลิ่นหอมสดชื่นเป็นเอกลักษณ์ของพริกไทยชนิดนี้ ส่วนเรื่องรสชาตินั้นก็เผ็ดร้อนพอสมควร และมีความชาเล็กน้อยเมื่อกินเข้าไป (แนะนำว่าให้กินในปริมาณเล็กน้อยเท่านั้นนะ) มักจะเห็นอยู่บนโต๊ะร้านอาหารญี่ปุ่นบางร้าน ส่วนมากใช้โรยหน้าบนปลาไหลย่าง จะช่วยเพิ่มรสและกลิ่นให้กับจานอาหารได้เป็นอย่างดี แต่จะเอาไปโรยหรือจิ้มกินกับเมนูปิ้งย่างก็ได้เช่นกัน
หากแต่พ้นพวกพริกป่นเหล่านี้แล้วญี่ปุ่นก็ยังมีเครื่องปรุงประเภท เครื่องปรุงซอสรสเผ็ด เช่นเดียวกัน เอาที่เราคุ้นๆ หูหน่อยก็คือ น้ำมันรายุ (Layu Chili Oil) คล้ายกันกับน้ำพริกเผาบ้านเราเลยก็ว่าได้ มีความหอมและเผ็ดนิดๆ แต่ไม่เผ็ดมากเท่าไร ถือเป็นเครื่องปรุง 1 ใน 3 ที่มักพบเจอบนโต๊ะตามร้านอาหารญี่ปุ่นแทบทุกร้าน ส่วนจะเอาไปใช้ทำเมนูอะไรนั้นเหรอ ส่วนมากนิยมนำไปผสมกับซอสจิ้มสำหรับเมนูเกี๊ยวซ่า หรือเมนูนึ่งต่างๆ ของอาหารญี่ปุ่น บางครั้งก็ใส่ในเมนูผัดต่างๆ ทำให้อร่อยยิ่งขึ้นและ วาซาบิ (Wasabi) ที่มักจะเสิร์ฟคู่มากับซาซิมิจานเด็ด ที่กินทีไรก็ขึ้นจมูกเสียทุกครั้ง แต่ก็ทำให้รู้สึกสดชื่นและเพลิดเพลินไปกับเมนูได้มากยิ่งขึ้น
เดินต่อมาหน่อยก็จะเจอโซนอาหารเกาหลี ซึ่งเกาหลีนั้นก็จะมีเครื่องปรุงของแห้ง (รสเผ็ด) อย่างพริกป่นเช่นเดียวกัน แต่ไม่หลากหลายเท่าญี่ปุ่น มีเพียงแค่แบบหยาบและแบบละเอียดเท่านั้น พริกป่นเกาหลีนั้นแทบจะเป็นวัตถุดิบหลักของเมนูอาหารเกาหลีก็ว่าได้ หากใครต้องการทำซุปไม่ว่าจะเป็นซุปกิมจิ ซุปจัมปง ก็มักจะต้องใส่พริกป่นเกาหลีนี่แหละลงไปช่วยให้รสชาติอร่อยเด็ดยิ่งขึ้น นำมาผสมกับโคชูจังแล้วนำไปจิ้มกินคู่กับเมนูปิ้งย่างก็อร่อยเด็ดเช่นเดียวกัน หรือใครจะยกระดับทำโคชูจังกับกิมจิเอง ก็ต้องใช้เป็นวัตถุดิบหลักที่จะทำให้ 2 อย่างนี้อร่อยยิ่งขึ้น หากแต่ข้อเสียของพริกเกาหลีคือ หาปริมาณถุงเล็กๆ ไม่ค่อยได้ ส่วนมากจะมีแต่ถุงใหญ่ทั้งนั้น ทางเราขอแนะนำว่าหากมีเพื่อนเป็นสายเกาหลีแล้วละก็ ซื้อแล้วแบ่งๆ กันนะ หารกันคนละนิดคนละหน่อยก็ได้พริกป่นเกาหลีมาไว้ในครอบครองแล้ว แค่เหยาะใส่รามยอนตอนนั่งดูซีรีย์เกาหลีก็ฟินแล้ว
ส่วนสายอาหารฝรั่ง ต้องไม่พลาดที่จะรู้จักกับเหล่าบรรดาพริกป่นคุ้นหูอย่างปาปริก้าและพริกคาเยนเป็นแน่ แต่นอกจาก 2 อย่างนี้ก็ยังมีพริกไทยหลากสีที่มักเห็นตามชั้นเครื่องเทศของฝรั่ง เป็นพริกไทยที่ให้กลิ่นหอมและช่วยชูรสเมนูอาหารได้เป็นอย่างดี พริกคาเยนกับปาปริก้ามีลักษณะคล้ายๆ กันแต่สีของพริกคาเยนนั้นเข้มกว่าและรสชาติก็เผ็ดกว่า ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้เหมาะจะนำมาเป็นส่วนผสมของเครื่องหมักเนื้อสัตว์ต่างๆ เพื่อให้เนื้อสัตว์มีรสชาติมากยิ่งขึ้น หรือจะเอาไปช่วยเสริมรสให้กับซอสต่างๆ ก็ยอมได้
เครื่องปรุงซอสรสเผ็ดทางสายอาหารฝรั่งก็มีให้เลือกซื้อเช่นเดียวกัน อย่างซอสทาบัสโก้ก็ถือเป็นเครื่องปรุงซอสรสเผ็ดที่มีทั้งรสเปรี้ยวและเผ็ดในตั วเป็นเครื่องปรุงที่นิยมนำมาผสมในส่วนผสมของซอส หมักกับเนื้อสัตว์อย่างอาหารทะเล บางครั้งก็นำไปเป็นส่วนผสมหลักของเครื่องดื่มอย่างค็อกเทล (สายนักดื่มน่าจะรู้ดี) หรือจะเป็นซอสมัสตาร์ดสีเหลืองๆ มีกลิ่นที่ฉุนและเผ็ดเล็กน้อย มีหลากหลายรูปแบบทั้งมัสตาร์ดสีเหลือง มัสตาร์ดน้ำผึ้ง โฮลเกลน มัสตาร์ด ดิจองมัสตาร์ด เรียกได้ว่ามีสารพัด ใครอยากรู้ว่าแต่ละชนิดแตกต่างกันอย่างไร เข้าไปตามกันได้ที่ โลกของ ‘มัสตาร์ด’ กับรสชาติที่หลากหลาย (ฝากแปะลิงค์) ส่วนเจ้ามัสตาร์ดนั้นเหมาะจะนำไปทำอะไร ที่เห็นจนชินตาก็กินกับขาหมูเยอรมัน ไส้กรอกเยอรมัน เมนูเลี่ยนๆ ทั้งหลายเข้ากันได้ดีนักกับมัสตาร์ด เพราะความเผ็ดฉุน เปรี้ยวนิดเค็มหน่อยนี่แหละที่ช่วยตัดรสชาติได้เป็นอย่างดี หรือจะเอาไปทาเนื้อก่อนนำเข้าอบหรือย่างก็ได้
ทุกๆ เครื่องปรุงที่กล่าวไปข้างต้นนั้น แนะนำให้มีติดครัวอย่างละนิดอย่างละหน่อยก็จะดี เพราะเราไม่รู้หรอกว่าอาจจะอยากกินเมนูของชาติไหนขึ้นมาในแต่ละวัน ยิ่งถ้าใครเป็นสายทำอาหารอย่างผู้เขียนแล้วละก็ บอกเลยว่าต้องจัดติดบ้านไว้เสียหน่อยทั้งของไทยและของเทศ วันไหนครึ้มๆ อยากทำเมนูอาหารเกาหลีก็จะได้ใส่เพิ่มสีสันและรสชาติให้เป็นเกาหลีมากยิ่งขึ้น หรือวันไหนอยากกินอาหารฝรั่ง ย่างเนื้อสเต๊กสักจานมีดิจองมัสตาร์ดไว้ เอามาปาดกินกับเนื้อสเต๊กก็อร่อยเหมือนกินในร้านอาหาร วันดีคืนดีแม่หญิงเข้าสิง อยากลุกขึ้นมาทำแกงไทย เริ่มตั้งแต่โขลกพริกแกงเอง ก็สามารถหยิบจับทำได้เลย ไม่ต้องรีรอออกไปหาซื้อให้เสียเวลา
เครื่องปรุงเหล่านี้มีอายุการเก็บนานใช้ได้อยู่ อย่างพวกพริกป่นแนะนำให้เก็บโดยปิดให้สนิทไม่ให้ลมเข้าถึงก็อยู่ไปได้ยาวๆ พริกแห้งแนะนำให้ใส่ถุงซิปล็อคแล้วใส่ตู้เย็นไว้ช่องธรรมดาก็จะทำให้สีพริกสวยสดได้นาน พวกซอสแนะนำให้ใส่ตู้เย็นจะดีกว่าเพราะมันจะอยู่ได้นานกว่าข้างนอก (อากาศบ้านเราอ่ะเนอะ ร้อนยิ่งกว่าอะไร) ถ้าไม่ได้ใช้บ่อยๆ แนะนำให้ใส่ตู้เย็นทันทีหลังเปิดใช้งานดีกว่าวางไว้ข้างนอก
เอาเป็นว่าใครอยากซื้อมาเก็บไว้ติดครัวสักชนิดสองชนิดทางเราก็ไม่ว่ากัน หาซื้อไม่ยาก มีขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป หรือจะช้อปออนไลน์ก็ได้ ส่วนจะเป็นยี่ห้อไหนแบรนด์ไหนก็เลือกเอาตามใจชอบได้เลย
บทความเพิ่มเติม
1. วาซาบิ เรื่องราวเผ็ดฉุนที่คุณอาจไม่เคยรู้
2. พริกไทยขาว พริกไทยดำ รู้ไหมต่างกันอย่างไร?
3. พริกลาบ ความรุ่มรวย ประวัติศาสตร์ และศักดิ์ศรีของคนล้านนา