

เสน่ห์ของเค้กสไตล์ญี่ปุ่นคือเนื้อเค้กนุ่มเนียนละเอียด เราจึงใช้แป้งเค้กของญี่ปุ่น หรือที่คนทำเค้กเรียกันว่าแป้งไวโอเลต (จากลักษณะถุงแป้งที่เป็นสีขาว-ม่วง) เราใช้เทคนิคการทำเค้กชิฟฟอนเช่นเดิม เเต่ใส่สูตรนี้จะใช้ไข่ค่อนข้างเยอะ และแป้งน้อยเพื่อให้เนื้อเค้กเบา


ขนมหวานสไตล์ฝรั่ง อย่าง “มูสส้มซ่า” โดยนำเอาผลมาขูดเอาแต่เปลือกเก็บไว้ใส่ในเนื้อมูส คั้นเอาแต่น้ำโดยกรองเม็ดออก และผลบางส่วนจะเอาแต่เนื้อมาเก็บไว้เชื่อมในน้ำเชื่อมเพื่อใส่ลงในเนื้อมูสเช่นกัน เนื้อสัมผัสที่ได้จากตัวมูสนั้นจะมีความนุ่มละมุนลิ้น รสชาติจะออกเปรี้ยวๆหวานๆเล็กน้อยหอมกลิ่นผิวส้มซ่าที่ใส่ลงไปในเนื้อมูส และได้รู้สึกถึงเนื้อของส้มซ่าประปรายในเนื้อมูสด้วยเช่นกัน ความพิเศษของมูสส้มซ่าอยู่ที่ฐานด้านล่างที่เป็นเนื้อเค้กและเคลือบด้านข้างด้วยช็อกโกแลตและโรยทับด้วยอัลมอนด์สับหยาบ พอเนื้อมูสเซ็ตตัวก็จะราดด้วยเกลสส้มซ่าให้เคลือบผิวด้านนอกของมูส ก่อนนำไปประกอบร่าง


อาหารไทยยอดนิยมที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็หลงใหล่กันทั้งนั้น ไข่ต้มให้สุกกำลังพอดีแล้วนำไปทอดให้เหลืองสวย ทำน้ำราดโดยเคี่ยวน้ำมะขามเปียก น้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา ให้เข้ากันจนงวดดี ราดบนไข่ที่ทอด ตามด้วยหอมเจียวและพริกทอด รสชาติเปรี้ยวอมหวานกำลังพอดี


ผัดกะเพรา แค่ฟังชื่อเมนูคนไทยทุกคนต้องรู้จัก ต้องเคยกิน หลายคน อาจจะชอบกินข้าวกับกะเพราหมู หรือข้าวกะเพราคลุก กับไข่ดาวกรอบๆ ไข่แดงไม่สุก ไข่แดงเยิ้มๆ กินกับกะเพรา ฟินแท้แน่นอน แต่ว่ากะเพราเดิมๆ อาจจะเบื่อกันแล้ว มาจ้ะมานี่จ้ะ เมนูเด็ดในช่วงนี้ ต้องยกให้เมนูนี้เลย ข้าวเหนียวผัดกะเพรา! หลายๆคนอาจจะ…..เอ๊ะ? แล้วรสชาติมันจะเป็นยังไง แปลกๆ ไหมนะ รับรองเลยว่าไม่แปลกแถมอร่อยอีกด้วย ข้าวเหนียวผัดกะเพรา ก็จะคล้ายๆ ข้าวสวยกะเพราคลุกที่เคยกินกัน แต่เมนูนี้ จะมีรสชาติ ข้าวเหนียวที่นุ่ม เคี้ยวหนุบหนับเล็กน้อย หอมซอสเพราที่เราผัดไป รสชาติเค็ม หวาน เผ็ดเล็กน้อย และหอมกลิ่นใบกะเพรา อร่อยๆมาก


ชวนย้อนรำลึกถึงเมนูแซนด์วิชโบราณที่เคยกินสมัยเด็ก ตอนนี้กลับกลานเป็นเมนูยอดฮิต สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด วันหยุดถ้าใครพอมีเวลา ลองมาเข้าครัวทำกินเองกันเลย วันนี้ผมขอเสนอขั้นตอนการแซนด์วิชโบราณ ทั้งง่ายและยังมีเคล็ดลับที่ทำให้แซนด์วิชของเราเก็บได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วยนะ ทำแล้วอย่าลืมถ่ายรูปอวดเพื่อนๆ กันด้วยละ


ซอฟคุกกี้เนื้อสัมผัสคล้ายบราวนี วิธีทำก็เช่นเดียวกัน ละลายดาร์กช็อกโกแลตกับเนยเข้าด้วยกัน ใส่ไข่ไก่ น้ำตาล และแป้งเล็กน้อย ตามด้วยถั่วและช็อกโกแลตเป็นชิ้นๆตามชอบ นำไปแช่ตู้เย็นให้คุกกี้โดว์เซ็ตตัวก่อนแล้วจึงสคูปเป็นก้อน นำไปอบ


ซอสโบลองเนสเป็นซอสเนื้อยอดนิยมในอาหารอิตาเลียน มีต้นกำเนิดจากเมืองโบลาญญา นิยมกินคู่กับเส้นพาสต้าหรือนำมาใช้ในลาซานญ่า ส่วนประกอบหลักมีมะเขือเทศเนื้อวัว เนื้อหมู หอมใหญ่ เซเลอรี เเครอท ไวน์แดงเเละเครื่องเทศต่างๆ เป็นเมนูสุดคลาสิคที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ


เมอแรงก์เนื้อนุ่มๆ ราดด้วยซอสวานิลลารสชาติละมุนลิ้น กินตัดรสชาติกับผลไม้สดรสเปรี้ยว ราดด้วยน้ำผึ้งหรือซอสคาราเมลเล็กน้อย


กาแฟร้อนๆกับฟองครีมเนื้อนุ่ม ความพิเศษอยู่ตรงที่ครีมไข่ที่นำไข่ไก่มาตีเข้ากันกับน้ำตาล จนเกิดเป็นฟองครีมนุ่มๆ ก่อนที่จะราดไปบนกาแฟดำรสข้มตัดกับความหวานมันของครีมไข่


Corned beef ไม่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นช่วงใด แต่ได้รับความนิยมในช่วงสงครามโลก รวมทั้งในประเทศอังกฤษ คำว่า corn หมายถึงผลึกเกลือไนเทรตและไนไทรต์ที่ใช้หมักเนื้อวัว เมื่อทำปฏิกริยากับเม็ดสีในโปรตีนจึงกลายเป็นสีชมพู Corned beef ทำจากเนื้อวัวส่วนอก (brisket) นำมาฉีดหรือแช่น้ำเกลือทิ้งไว้หลายวันจนเข้าเนื้อ แล้วนำมาแพ็คขายเป็นชิ้นใหญ่ๆ นำไปต้มแล้วสไลซ์ใส่เป็นไส้แซนด์วิช หรือกินกับมันฝรั่ง กับอีกประเภทที่พบทั่วไปคือ ready to eat เป็นคอนร์นบีฟบดอัดกระป๋อง นิยมกินเป็นอาหารเช้ากับไข่ดาวและมันฝรั่ง


ใครว่าฝรั่งไม่กินข้าว ในอาหารอิตาเลียนมีเมนูริซอตโต้ ข้าวนุ่มๆเคี่ยวมาในน้ำสต๊อกหอมๆ จะใส่เนื้อสัตว์ ใส่ผักอะไรลงไปก็ได้ ริซอตโต้จานนี้ใส่แพนเชตต้า salt cured meat ของขึ้นชื่อของคนอิตาเลียนคล้ายๆกับเบคอนของคนอเมริกัน แต่เนื้อแน่นกว่าเพราะใช้การแขวนตากไว้จนเนื้อแห้ง


กราวาแลก (Gravlax) อาหารชาวนอร์ดิก ทำจากแซลมอนหมักกับเกลือ น้ำตาล และผักชีลาว หมักได้ที่แล้วสไลซ์บางๆวางบนขนมปังไรน์ หรือกินกับมันฝรั่งต้มเป็นอาหารว่างของชาวสวีเดน Gravlax มีที่มาจากคำว่า ‘gräva’ ในภาษาสวีเดนแปลว่า ‘ขุด’ เนื่องจากสมัยก่อนชาวประมงใช้วิธีการเคล้าแซลมอนกับเกลือ แล้วนำไปฝังไว้ในทรายให้เกิดการหมัก เมื่อได้ที่จึงขุดขึ้นมากิน


เครื่องดื่มที่จะพาทุกคนย้อนวันวานกลับไปตอนเป็นเด็กอีกครั้ง กับ "นมหมีปั่น" รสหวานหอมเข้มข้น เลือกใช้นมตราหมีรสออริจินอล (กระป๋องสีขาว) นำมาเทใส่ถาดน้ำแข็งหรือถุงพลาสติก เเช่เเข็งจนเเข็งตัวก่อนนำมาปั่นจะทำให้ได้รสชาตินมหมีที่เด่นชัดเเละเข้มข้นมากยิ่งขึ้น บอกเลยว่าใช้ส่วนผสมน้อย ทำง่าย เเต่อร่อยมากเเน่นอน


นำเผือกที่ได้มาล้างปอกเปลือกทำความสะอาดให้เรียบร้อย ใช้ที่ปอกเปลือกผลไม้ฝานบางๆให้หมด แล้วนำไปทอดในกระทะให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้บนตะแกรง จากนั้นก็เคี่ยวน้ำตาลในกระทะ พอน้ำตาลได้ที่ก็นำเผือกที่ทอดลงในกระทะเคล้าๆให้น้ำตาลเกาะเคลือบเผือกจนทั่ว แล้วก็ตักขึ้นพักไว้บนถาดให้เย็นสนิดดี เท่านี้ก็ได้เผือกฉาบอร่อยๆกินเพลินๆแทนมันฝรั่งทอดแล้ว


เลือกมะม่วงเบาอ่อนๆรสชาติจะเปรี้ยวอร่อย ปอกเปลือก เอาเม็ดด้านในออก เคล็ดลับอยู่ที่บังเนื้อมะม่วงเป็นเส้นๆ แต่อย่าให้ขาดออกจากกัน แช่เนื้อมะม่วงในน้ำเกลือ 1 คืนเต็มๆ จากนั้นก็ล้างน้ำให้สะอาดสัก สองสามครั้ง จากนั้นก็นำไปแช่ในน้ำปูนใสอีก 1 คืนเต็ม (อันนี้เพื่อให้เนื้อมะม่วงกรอบอร่อยยิ่งขึ้น) พอครบเวลา ก็ล้างทำความสะอาดอีกครั้ง แล้วก็พักให้สะเด็ดน้ำให้ดี จากนั้นก็นำน้ำเชื่อมที่เคี่ยวจนข้นดีมาใส่ในขวดโหลที่มีมะม่วงอยู่แล้วลงไปให้ท่วมเนื้อมะม่วง จากนั้นก็ปิดฝาแช่ตู้เย็น พักไว้อีก 1 คน ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ก็กินได้แล้ว


โดยกรรมวิธีในการทำก็เริ่มจากล้างทำความสะอาดดินที่ติดอยู่ที่เปลือกออกให้หมด ให้สะอาดเสร็จแล้วก็ ปอกเปลือกมันออกให้หมด หั่นเป็นท่อน ท่อนละประมาณ 2.5 นิ้ว ไม่ยาวจนเกินไปนัก จากนั้นก็หั่นครึ่งอีกรอบ ก็จะได้ทรงแบบที่เค้าขายตามท้องตลาดทั่วไป จากนั้นก็ล้างน้ำให้สะอาดอีกครั้ง ก็เริ่มเคี่ยวได้เลยจ้ะ โดยตั้งน้ำในกระทะบนไฟกลาง ใส่มันลงไปต้มให้มันนุ่มสักเล็กน้อย แต่อย่าพึ่งนุ่มมากนัก ก็สักประมาณ 30 นาที จากนั้นก็ใส่น้ำตาลทรายลงในหม้อที่มีมันอยู่แล้ว ลดไฟเป็นไฟอ่อน เคี่ยวไปเลยจ้ะ ใช้เวลาเคี่ยวประมาณ 2 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เราก็จะได้มันเชื่อมที่ไม่นิ่มจนเกินไป หวานกำลังพอดี ตัดหวานด้วยหัวกะทิเคี่ยวใส่เกลือเล็กน้อย


เลือกใช้แอปเปิ้ลแดงหรือเขียว ก็ได้ในการนำมากวน ปอกเปลือกออกให้หมด ล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย ผัดแอปเปิ้ลที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆกับนตาลให้แอปเปิ้ลนุ่ม จากนั้นก็นำไปปั่นในเครื่องปั่นน้ำให้ละเอียด แล้วนำมากวนในกระทะให้น้ำในแอปเปิ้ลระเหยออกไปให้หมด จนเนื้อแอปเปิ้ลมีลักษณะเหนียวข้นดี เมื่อได้เนื้อข้นดีแล้วก็ปาดให้บางในถาอที่ลองด้วยกระดาษไขอยู่ แล้วนำไปตากให้แห้งอีกครั้งหรือจะอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 100 องศา สักประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง (เวลานี้กับความข้นของเนื้อแอปเปิ้ล) จากนั้นก็นำออกมาจากเตาอบพักให้หายร้อน เท่านี้ก็จะได้แอปเปิ้ลกวน อร่อยๆไว้กินแล้ว


จาจังมยอน เมนูยอดฮิตตลอดกาลของสายซีรีย์เกาหลี จาจังมยอน ยิ่งซอสเยิ้มๆ คือใช่มาก กินไปดูซีรีย์ไป คือที่สุด จะทำเองกินเอง จะใส่หมูสามชั้นเท่าไหร่ก็ได้ บอกเลยว่าทำง่ายกว่าที่คิดมาก ทำกินวนไป


แยมสตรอว์เบอร์รีเรดเคอร์เรนท์ สำหรับคนที่ชอบแยมเเบบมีผลไม้เป็นชิ้นๆในเนื้อแยม ให้ใช้วิธีการแช่อิ่มผลไม้นั้นๆก่อนเพื่อให้น้ำตาลซึมเข้าเนื้อผลไม้อย่างเต็มที่ เช่นในแยมนี้เราแช่อิ่มสตรอว์เบอร์รีทั้งชิ้นก่อน หรือบางคนจะแช่ทั้งลูกก็ได้เช่นกัน แล้วจึงนำสตรอว์เบอร์รีไปใส่ในแยมที่กวนจนเกือบได้ที่แล้ว เพื่อให้สตรอว์เบอร์รียังคงรูปเป็นชิ้นๆ


Tropical fruit แยมที่รวมเอาผลไม้เมืองร้อนอย่างกล้วยหอม สับปะรด มะม่วง เสาวรสมาอยู่ในขวดเดียวกัน ได้รสชาติแยมที่ลงตัว ความหวานสามารถปรับลดได้ตามความเปรี้ยวหวานของผลไม้ที่นำมากวน


สูตรนี้เป็นการทำแยมแบบไม่ใช้เพคติน อาศัยเพคตินธรรมชาติจากแอปเปิลเขียว วิธีสกัดเพคตินออกจากแอปเปิลทำได้โดยการต้มแอปเปิลกับน้ำประมาณ 30-40 นาทีจนนุ่ม เพื่อให้เพคตินละลายออกมาเป็นเบสของเนื้อแยม แล้วจึงใส่กีวีลงไปกวนทีหลัง เพราะกีวีเป็นผลไม้เนื้อนิ่ม และไม่ควรผ่านความร้อนนานเพราะสีแยมจะหม่นลง


เมนูกุ้งหวานนี้ส่วนมากมักใช้กุ้งขาวตัวเล็กที่เปลือกนิ่ม โดยทั่วไปแล้วเวลาเลือกซื้อกุ้งก็มันจะเลือกซื้อกุ้งตัวใหญ่ เปลือกแข็ง เพราะเหตุนี้เองกุ้งตัวเล็กและเปลือกนิ่มจึงมีเยอะมาก จนทำให้ชาวบ้านหรือชาวประมงส่วนใหญ่ นำกุ้งเหล่านี้มาแปรรูปทำเป็นเมนูกุ้งหวาน ที่มักจะเห็นตามร้านขายของฝากแถบๆเมืองชนหรือตามแถบจังหวัดที่อยู่ติดทะเลเป็นส่วนใหญ่ โดยหลักการทำเมนูกุ้งหวานก็ง่ายมาก นำเอากุ้งขาวตัวเล็ก ขนาดประมาณนิ้วก้อย ดึงเอาส่วนหัวที่แข็งออก เหลือส่วนที่เป็นคางกุ้งที่ติดกับตัวกุ้งไว้ ล้างน้ำให้สะอาด นำไปเคี่ยวกับน้ำตาลและน้ำ ให้เกิดการหดตัวของกุ้งโดยสังเกตุว่าถ้าเนื้อกุ้งล่อนออกจากเปลือกกุ้งเมื่อไรก็ปิดไฟทันที เพราะถ้าเคี่ยวไปนานขึ้น น้ำตาลจะรัดตัวกุ้งและเมื่อเย็นตัวลง กุ้งจะแข็งเกินไป กินไม่อร่อย