กิมจิแท้จริงแล้วก็คือของหมักดอง ขึ้นชื่อว่าหมักดองก็ย่อมจะต้องอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ นานา วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 6 แร่ธาตุ และกรดอะมิโนมากกว่า 34 ชนิดในกิมจิ ทำให้หน้าที่ในการช่วยย่อยอาหารจัดเต็มยืนหนึ่ง ดังเราจะเห็นได้ว่าคนเกาหลีต้องมีกิมจิอยู่ในมื้ออาหารที่ย่อยยากเสมอ เรียกว่ามื้อไหนมีหมูย่าง เนื้อย่าง จะขาดกิมจิไปไม่ได้ ไหนจะสารแอนตี้อ๊อกซิแดนต์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบต่างๆ ของร่างกาย และที่ขาดไม่ได้คือโพรไบโอติกส์ที่ให้กรดแลคติก ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานและโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
ประโยชน์แน่นขนาดนี้ นิตยสาร Health จึงจัดให้กิมจิเป็น 1 ใน 5 อาหารที่มีประโยชน์ที่สุดในโลก ตอกย้ำด้วยคำพูดของชาวเกาหลีที่ว่า “กินกิมจิทุกวัน ไม่ต้องไปหาหมอ”
นอกจากไม่ต้องไปหาหมอในความหมายของหมอรักษาโรค ยังไม่ต้องไปหาหมอด้านความสวยความงามด้วย เพราะไม่แค่ประโยชน์เชิงวิตามินแร่ธาตุที่มีต่อร่างกาย กิมจิยังมีประโยชน์ในด้านการควบคุมน้ำหนักและช่วยให้ผิวสวย เนื่องจากเป็นอาหารที่อยู่ในกลุ่มไฟเบอร์สูงพลังงานต่ำ เพราะส่วนผสมที่นำมาทำเป็นกิมจิล้วนเป็นผักที่มีแคลอรี่และน้ำตาลน้อยนิด แต่อุดมด้วยวิตามินและกากใยจำนวนมาก กินผักก็ย่อมจะช่วยเรื่องระบบขับถ่ายและบำรุงผิวพรรณเป็นปฐมอยู่แล้ว ยิ่งแคลอรี่น้อยน้ำตาลน้อย ก็ยิ่งช่วยให้ไม่อ้วนได้ด้วย ดังเราจะเห็นว่าคนเกาหลีไม่ค่อยจะอ้วนกัน แม้การกินกิมจิจะไม่เท่ากับควบคุมน้ำหนักได้ร้อยเปอร์เซนต์ (เพราะต้องดูอาหารอื่นๆ ที่กินและรูปแบบการใช้ชีวิตด้วย) แต่ก็พูดได้ว่าถ้ากินเป็นประจำก็มีส่วนช่วยไม่น้อย
กินกิมจิเป็นประจำยังช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่มอ่อนเยาว์หน้าเด็ก เพราะในกิมจิมีทั้งกรดแลคติกและสารในพืช ที่ช่วยชะลอไม่ให้ผิวพรรณร่วงโรยง่าย รวมเข้ากับวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงยิ่งทำให้ผิวกระชับ ไม่ค่อยมีริ้วรอย ยัง ยังไม่หมด สารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ในกิมจิ ยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวไม่ให้เสื่อมเร็ว ป้องกันการอักเสบในร่างกาย เลยทำให้ผิวแก่ช้า ยิ่งกินก็ยิ่งหน้าใส
ว่าแล้วก็ไปดูประโยชน์เด่นๆ ของกิมจิแบบชัดๆ กันเลยดีกว่า
ช่วยการทำงานของระบบย่อยอาหาร
โพรไบโอติกส์และแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยป้องกันอาการท้องร่วง ท้องผูก และยังช่วยปรับสมดุลในระบบทางเดินอาหารด้วย
เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
ในของหมักดองจะมีแบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสที่ดีต่อสุขภาพ พบว่าหนูทดลองที่ได้รับการฉีดแลคโตบาซิลลัสชนิด Plantarum ที่มีมากในกิมจิ มีระดับ Tumor necrosis factor (TNF)-alpha ที่ก่อให้เกิดความอักเสบภายในร่างกายลดลง ทำให้ไม่ขัดขวางการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างเต็มที่
ดีต่อหัวใจ
ผลการศึกษาผู้เข้าร่วมทดสอบจำนวน 100 คน ที่กินกิมจิ 15-210 กรัมต่อวัน พบว่าระดับน้ำตาลในเลือด และระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงโรคหัวใจลดลงอย่างชัดเจน
ลดอาการอักเสบ
โพรไบโอติกส์สามารถต่อต้านอาการอักเสบที่จะเกิดขึ้นแก่อวัยวะหรือการทำงานของระบบภายในได้ อีกทั้งยังมีการค้นพบสารประกอบ HDMPPA ในกิมจิ ที่อาจมีส่วนช่วยเรื่องต้านการอักเสบและบำรุงหลอดเลือด ซึ่งยังคงต้องศึกษาเพิ่มเติมต่อไป
ควบคุมน้ำหนัก
กิมจิทำจากผักที่มีแคลอรี่และน้ำตาลน้อย แต่อุดมด้วยวิตามินและกากใยจำนวนมาก จึงช่วยระบบขับถ่ายและช่วยควบคุมน้ำหนักตัว
ผิวสวยหน้าใส
กรดแลคติกช่วยชะลอไม่ให้ผิวพรรณร่วงโรยง่าย รวมกับวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน จึงทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง อีกทั้งสารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวไม่ให้เสื่อมเร็ว ป้องกันการอักเสบในร่างกาย ทำให้ผิวแก่ช้า
ดีงามขนาดนี้ มาทำกิมจิติดตู้เย็นกันเล้ยยย
ที่มา: https://th.wikipedia.org / http://protein.healthfoodxdrinks.com / https://www.trueplookpanya.com / https://www.careandliving.com
บทความเพิ่มเติม