ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา คนไปเที่ยวญี่ปุ่นเยอะมาก และของฝากฮอตฮิตตลอดกาลที่คนไปญี่ปุ่นมักจะซื้อกลับมาฝาก ก็คงจะเป็นแป้ง ‘โมจิ’ สำเร็จรูปแบบแห้ง ที่นำไปย่างกินคู่กับน้ำเชื่อมและผงถั่วคินาโกะ หรือจะนำโมจิไปย่าง เอามาใส่ในซุปก็ยังได้
ว่าแล้วก็มารู้จักขนมโมจิกันก่อน โมจิคืออะไร? ทำไมคนญี่ปุ่นชอบกินโมจิ?
โมจิ ทำมาจากข้าวเหนียว นำไปนึ่งจนสุก เอามาตำในครกไม้ที่เรียกว่า Usu หลายคนอาจจะเคยเห็นคลิปที่มีคนสองคน คนหนึ่งทำหน้าที่ตำ อีกคนทำหน้าที่คอยพลิกข้าวเหนียวและพรมน้ำอยู่เรื่อยๆ ความสนุกคือทั้งสองคนต้องกะจังหวะในการตำดีๆ ไม่งั้นจะได้ตำมือแทนตำข้าวเหนียวที่คงจะเจ็บน่าดู ขณะตำก็จะมีการร้องเล่นเต้นรำไปด้วย เพื่อเป็นการจับจังหวะในการตำและสร้างความสนุกสนานให้แก่คนดู พอตำจนเป็นก้อนได้ที่แล้ว แป้งโมจิก็นำมากินสดได้เลย จะนำไปใส่ไส้ต่างๆ ให้กลายเป็นไดฟุกุก็ได้ หรือตากแห้งเก็บเอาไว้กินนานๆ ก็ได้อีกเช่นกัน
แต่วิธีการทำโมจิแบบนี้ไม่ได้มีให้เห็นได้บ่อยๆ เพราะคนญี่ปุ่นจะทำโมจิในช่วงขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมเป็นต้นไป เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง และยังมีการบูชาเทพเจ้าด้วย ‘คะกะมิโมจิ’ เป็นโมจิก้อนกลมแบนสองก้อนวางซ้อนกัน มีผลส้มวางไว้บนสุด พอไหว้เสร็จก็จะนำมาแบ่งเป็นชิ้น เพื่อเสริมสิริมงคล โดยจะใช้มือบิ ห้ามใช้มีดหรือกรรไกรตัดเด็ดขาด! เพราะมันจะกลายเป็นอัปมงคลทันที
เมื่อได้โมจิมาเป็นของฝาก จะเอามาย่างราดซอสก็คงจะง่ายเกินไป ชาวครัวอย่างเราเลยมีวิธีทำโมจิให้อร่อยขึ้นมาแจก มาถึง 4 เมนูไปเลย
ซุปโอะโซนิ (Ozoni) เป็นซุปที่ขาดไม่ได้ในช่วงปีใหม่ เป็นซุปที่มีโมจิย่าง ใส่ไปในน้ำซุปดาชิ มีเนื้อไก่และผักต่างๆ รสชาติจะอ่อนๆ ซดคล่องคอ ในวันที่อากาศหนาวๆ กินพร้อมโมจิยืดๆ ที่เปรียบเสมือนเส้นอูด้งดีๆ นี่เอง ว่าแล้วก็ปดูขั้นตอนการทำกัน
อันดับแรก เตรียมผักและเนื้อสัตว์ต่างๆ หั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำ หรือจะทำเป็นลายดอกไม้ตามรูปก็ได้ แต่จริงๆ ก็ไม่จำเป็นขนาดนั้น ใครไม่มีพิมพ์ตัดผักก็ไม่เป็นไรนะคะ หั่นปกติได้เลย นำทุกอย่างไปต้มในหม้อ ปรุงรสด้วยซุปดาชิเข้มข้นแบบน้ำ หรือจะเป็นแบบผงก็ได้ ที่หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต โชยุ และมิรินเล็กน้อย หรือใครชอบกินซุปมิโซะสามารถใส่มิโซะเพิ่มเข้าไปได้ ก็ลดปริมาณโชยุลง เพราะมิโซะก็มีความเค็มอยู่แล้ว
ซุปโอโซะนิจะขาดโมจิย่างไม่ได้ สำหรับใครที่ไม่มีเตาถ่าน สามารถย่างในกระทะโดยทาน้ำมันบนกระทะเล็กน้อย นำโมจิลงไปย่างด้วยไฟกลางค่อนอ่อนให้สีสวย เนื้อด้านในนุ่ม สำหรับเตาถ่านก็ใช้ไฟอ่อนเช่นเดียวกัน จนได้สีสวย ก็นำไปใส่ซุปของเราได้เลย
ต่อด้วย ซุปชาเขียวถั่วแดง กินกับโมจิย่าง ให้ย่างโมจิเหมือนที่ใส่ซุปโอะโซนิแต่ซุปของเราจะเป็นมัทฉะลาเต้ร้อน มีท็อปปิ้งเป็นถั่วแดงกวน ซึ่งเป็นถั่วแดงกวนที่ยังมีความเป็นเม็ดถั่วแดงอยู่ ไม่ละเอียดมาก เรามีสูตรถั่วแดงคร่าวๆ มาบอก
ถั่วแดงต้มสุก 300 กรัม
น้ำตาลทรายไม่ขัดสี 70 กรัม (ปริมาณน้ำตาลสามารถปรับได้ตามความชอบ)
หัวกะทิ 1/4 ถ้วย
เกลือสมุทร 1/4 ช้อนชา
- นำถั่วแดง น้ำตาลทราย หัวกะทิ และเกลือสมุทร ใส่ลงไปในกระทะ ตั้งบนไฟอ่อน กวนไปเรื่อยๆ จนกะทิงวดหมด ลักษณะที่ได้คือ ถ้าใช้พายไม้ปาดตรงกลางแล้วเนื้อถั่วแดงไม่ไหลรวมกันแปลว่าได้ที่แล้ว
หมายเหตุ
- สามารถนำสูตรนี้ไปทำเป็นถั่วแดงกวนแบบเนื้อเนียน โดยที่ก่อนนำไปกวน ให้นำส่วนผสมทั้งหมดไปปั่นในโถปั่นก่อนแล้วจึงนำไปกวน
- กะทิจะทำให้ถั่วแดงกวนรสชาติละมุนมากขึ้น ถ้าไม่มีไม่ต้องใส่ก็ได้
วิธีจัดเสิร์ฟคือนำถั่วแดงใส่ถ้วย วางด้วยโมจิย่าง จากนั้นชงมัทฉะลาเต้ร้อน ค่อยๆ เทใส่ถ้วย กินคู่กับโมจิและถั่วแดงกวน แต่เดิมเมนูนี้มันคือ ‘ซุปถั่วแดงกับโมจิย่าง’ ซึ่งเราเอามาดัดแปลงให้มีความนุ่มละมุนหอมกลิ่นชามากยิ่งขึ้น โดยยังคงความเป็นซุปถั่วแดงอยู่และเพิ่มมัทฉะลาเต้ลงไป ซึ่งใครๆ ก็รู้ ชาเขียวกับถั่วแดงมันเข้ากันจะตาย เนอะ!
คลิกสูตรซุปชาเขียวถั่วแดงกับโมจิย่าง
เราจะเห็นว่าโมจิสดในญี่ปุ่นที่เขากินกัน พอทำใหม่ๆ มันจะดูนุ่มมมมมมากกกก แต่พอเป็นแบบแห้งจะทำยังไงให้กลับไปเป็นแบบนุ่มเหมือนตอนแรก ดูตามข้างซองจะเห็นว่าสามารถนำน้องโมจิแห้งเข้าไมโครเวฟได้ โดยใส่โมจิไว้ในภาชนะที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ เติมน้ำลงไป จากนั้นนำเข้าไปเวฟ 600w (ไฟกลาง) เป็นเวลา 2-3 นาที ทั้งนี้ก็แล้วแต่ยี่ห้อโมจิที่เราได้มาด้วย วิธีเช็คว่าได้ไหม พอเวฟได้ซัก 2 นาที ให้นำช้อนกดที่โมจิ ถ้านุ่มแล้ว ให้รินน้ำออกให้หมด จากนั้นนำเข้าไปเวฟต่อประมาณ 30 วินาที-1นาที ก็จะกลายเป็นโมจินุ่มนิ่ม
จากนั้นนำมาขึ้นรูปโดยการโรยแป้งนวล (แป้งนวลที่ใช้เป็นแป้งมันที่นำไปคั่วแล้ว) ให้ทั่วไม้คลึงและพื้นที่ที่จะคลึงแป้ง จากนั้นค่อยๆ คลึงแป้งให้เป็นแผ่นบางๆ สามารถเอาไปทำเมนูต่างๆ ได้ เช่น
ไดฟุกุถั่วแดงสตรอว์เบอร์รี ขั้นแรกเตรียมสตรอว์เบอร์รีก่อนโดยนำถั่วแดงกวนที่จะซื้อสำเร็จมาหรือจะเป็นสูตรถั่วแดงกวนด้านบนก็ได้ นำมาหุ้มสตรอว์เบอร์รีให้มิด จากนั้นวางสตรอว์เบอร์รีถั่วแดงตรงกลางแป้ง โดยเอาด้านแหลมของสตรอว์เบอร์รีคว่ำลง พลิกกลับด้านแล้วดึงแป้งไดฟุกุให้ตึงเรียบ ใช้แปรงปัดแป้งส่วนเกินออก ก็จะได้ไดฟุกุจากแป้งโมจิแล้ว
คลิกดูสูตรไดฟุกุถั่วแดงสตรอว์เบอร์รี
สุดท้ายเป็นเมนูที่ฮิตในโซเชียลอยู่ช่วงนึง เป็นเมนูของร้านขายโมจิทอดแถวจุฬาฯ นั่นคือ โมจิทอดชีสยืด ให้เตรียมแป้งเหมือนที่ทำไดฟุกุเลย แต่นำไปทอดแทน โดยตั้งกระทะใส่น้ำมันบนไฟกลาง พอร้อนนำโมจิทอด พอโมจิด้านหนึ่งเหลืองสวย พลิกด้าน โรยมอซซาเรลล่าชีส พอชีสเริ่มละลาย และอีกด้านเริ่มเป็นสีเหลือง กลับเอาด้านชีสลง รอให้ชีสสีเหลืองสวย จากนั้นก็นำไปจัดเสิร์ฟโดยจะราดด้วยนมขึ้นหรือน้ำผึ้งก็ได้ หรือยากเพิ่มท็อปปิ้งอื่นๆ เอยใดก็สามารถทำได้ แล้วแต่ว่าอยากจะใส่อะไรลงไป
นึกไม่ถึงเลยใช่ไหมล่ะว่าโมจิก้อนสี่เหลี่ยมแข็งๆจะสามารถนำมาทำเมนูได้หลากหลายขนาดนี้ ใครมีของฝากอย่างโมจิจากญี่ปุ่นเยอะๆ ลองเอามาครีเอทเมนูได้นะคะ ลองเอาไปทำอะไรกันแล้วบ้าง คอมเมนต์มาบอกกันได้ ทางนี้ได้มาเยอะมากกกก ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้ว ฮือๆ
อ้างอิง
https://www.mushroomtravel.com/page/iwate-mochi/
บทความเพิ่มเติม
Pon De Ring โดนัทฉบับโฮมเมด ทำสนุกกินเพลิน