หลายคนอาจไม่รู้ว่าใจกลางกรุงเทพฯ มีชุมชนชาวเวียดนามเก่าแก่หลายร้อยปี และในทุกๆ เสาร์-อาทิตย์ จะมีตลาดเช้าชุมชนชื่อว่า ‘ตลาดเช้าบ้านญวน’ ชาวไทยเชื้อสายเวียดนามจะทำอาหารเวียดนามรวมถึงอาหารไทยมาขายกันคึกคัก เรียกว่าถ้าอยากลองชิมรางอาหารเวียดนามขนานแท้ต้องแวะมาที่นี่ เป็นชุมชนที่มีเสน่ห์มากๆ อีกแห่งหนึ่งเลยค่ะ บ้านเรือนกลางเก่ากลางใหม่สลับกัน เดินเล่นทอดน่อง ถ่ายรูปเพลินๆ หลังอิ่มท้องจากตลาดเช้าก็ยังได้
เราเลือกมาเดินตลาดเช้าวันอาทิตย์ที่คึกคัก มีของขายมากเป็นพิเศษเพราะคนไทยเชื้อสายเวียดนามที่ย้ายบ้านออกไปจากชุมชนย่านสามเสนจะกลับมารวมตัวกันที่โบสถ์นักบุญฟรังซีสเซเวียร์ ศูนย์รวมใจของชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกชุมชนสามเสน เพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ตลาดเช้าบ้านญวณเลยคึกคักเป็นพิเศษ มีพ่อค้าแม่ค้าทำอาหารไทยและอาหารเวียดนามมาวางขายตั้งแต่เช้าตรู่ราว 6 โมง เรื่อยไปจนถึง 9 โมงกว่าๆ
ตลาดเช้าบ้านญวนตั้งอยู่ในซอยสามเสน 13 ใกล้มหาวิทยาลัยนวมินทราทิราช ถ้าใครขับรถมาก็เขามาในซอย และจอดในมหาวิทยาลัยฯ ตั้งอยู่ด้านขวามือติดกับตลาด คิดค่าจอดชั่วโมงละ 20 บาท
รถเข็นคุณป้าที่รวมสารพัดอาหารเวียดนาม
เดินเข้าตลาดมาไม่กี่ก้าวเราก็สะดุดกับร้านรถเข็นของคุณป้า ที่ขายอาหารสารพัดสิ่งราคาตั้งแต่ 30-40 บาท เป็นอาหารเวียดนามที่คุณป้าทำเองทั้งหมด อย่างแรกที่สะดุดตาคือ ข้าวเกรียบปากหม้อ คุณป้าบอกกับเราว่าภาษาเวียดนามเรียก ‘บั๋นก๋วน’ ป้าจะทำสดใหม่ ใส่กล่องเตรียมไว้เรื่อยๆ ใครมาซื้อก็หยิบได้ทันที ไม่ต้องรอนาน กล่องที่เราได้แป้งยังอุ่นๆ อยู่เลย ตัวแป้งใสนุ่มเหนียวถูกใจมากๆ ไส้เป็นหมูสับกับต้นหอมรสกลมกล่อมกำลังดีกินคู่น้ำจิ้มหวานๆ เปรี้ยวๆ เป็นรสชาติที่ใครก็ชอบ ราคา 40 บาท
ปอเปี๊ยะสด แป้งบางเหนียว กัดไม่ขาดง่ายเคี้ยวอร่อยดีค่ะ ไส้อัดมาแน่นมีทั้งเนื้อไก่สับ หมูยอ และสารพัดผัก รู้สึกเฮลธ์ตี้ทันตาเห็น ตัวน้ำจิ้มเปรี้ยวๆ หวานๆ เช่นเคย ราคา 40 บาท
เห็นหม้อตั้งอยู่บนเก้าอี้หน้าร้านรถเข็นของคุณป้า มันดูดำคล้ำแปลกตาดี ป้าเลยคีบขึ้นมาให้ดู สิ่งนี้เรียกว่า ‘โย่ย’ เป็นไส้กรอกเลือดของเวียดนาม หน้าตาคล้ายซุนแดของเกาหลีเลยขอลองสักชิ้น ชิ้นนี้ราคา 50 บาทค่ะ ส่วนผสมทำจากเลือดหมู เครื่องในแล้วก็สมุนไพรต่างๆ เอามาต้มกับเครื่องสมุนไพรอย่างตะไคร้ ใบมะกรูดดับคาว
ประสบการณ์กินโย่ยครั้งแรกของเรารสชาติมันๆ เหมือนกินตับ ได้กลิ่นสมุนไพรอย่างใบแพว ไม่มีกลิ่นคาว สำหรับเราเทกเจอร์กับรสชาติไม่คุ้นเท่าไหร่ เป็นรสชาติที่กินได้แต่ไม่ถึงกับอร่อยว้าว แต่ถามเพื่อนที่ไปด้วยก็ว่าอร่อยดีนะ อาจเลี่ยนๆ หน่อยถ้ากินเยอะ เขามีน้ำจิ้มซีฟู้ดให้จิ้มแก้เลี่ยนด้วย มาลองได้ค่ะ เปิดประสบการณ์
ข้าวต้มมัดใต้ เป็นข้าวต้มมัดไส้ถั่วเขียวเราะซีกกวน มีกลิ่นพริกไทยอ่อนๆ เหมือนไส้ขนมเทียนค่ะ ต่างที่มีเนื้อหมูเพิ่มเข้ามาด้วย อันนี้เป็นขนมในความทรงจำของเราเลย จำได้ว่าป้าชอบเอามาให้กินแต่เราไม่ชอบ บิไส้ออกกินแต่ข้าวต้มตลอด ความอยากให้เพื่อนๆ ที่มาด้วยกันได้ลองเพราะไม่ได้หากินง่าย เลยซื้อมา 1 มัด 30 บาท อยากรู้ว่าจะชอบไหมต้องมาลองกินเองนะคะ คุณอาจจะชอบก็ได้
ร้านขนมจีนที่ขายแค่น้ำยากับน้ำพริก
กินจุบจิบเรียกน้ำย่อยกันไปแล้ว เดินมาไม่กี่ก้าวเห็นคนมุงร้านขนมจีนรถเข็น เลยไปมุงกับเขาด้วย เป็นร้านรถเข็นขายขนมจีน มีโต๊ะให้นั่งกินข้างๆ ขายอยู่ 2 อย่างคือน้ำยากะทิกับน้ำพริก เราชะโงกหน้าดูหม้อน้ำยาขนมจีนใบใหญ่ แค่ 8 โมงกว่าก็เหลือก้นหม้อแล้ว เลยสั่งมาอย่างละหนึ่งถ้วย
ขนมจีนน้ำพริกอร่อยมากถั่วป่นไปกับน้ำนวลเนียน รสชาติเปรี้ยวหวานมันนวล กินกับผักบุ้งลวกหัวปลีซอยกรอบๆ โปะมาให้เน้นๆ น้ำยากะทิหอมเครื่อง รสกลมกล่อมกำลังดี ทั้งสองถ้วยราคาถ้วยละ 35 บาท ราคาดีแล้วยังอร่อยด้วยไม่แปลกใจที่คนแวะเวียนมานั่งกิน ซื้อกลับไม่ขาดสายเลยค่ะ
ปลากริมปลาป้าสายใจ
อีกสิ่งที่มาตลาดนี้แล้วต้องแวะกินคือปลากริมปลาช่อน หรือก๋วยจั๊บญวนใส่เนื้อปลาช่อนลวกชิ้น เราสั่งมา 2 อย่างคือปลากริมปลาช่อน น้ำก๋วยจั๊บเข้มข้นรสชาติกลมกล่อมพอดีแบบไม่ต้องเติมเครื่องปรุงก็อร่อยค่ะ หอมเจียวสดใหม่ ตัวเส้นนุ่มเหนียว เนื้อปลาช่อนนุ่มแน่น อร่อยเลย ชามนี้อยากกินไม่แบ่งใคร ถ้วยนี้ 50 บาท
อีกถ้วยเป็นเกาเหลาน้ำรสชาติกลมกล่อมเหมือนกัน แต่จะใส ไม่ข้นเหมือนถ้วยที่ใส่เส้นก๋วยจั๊บญวน เน้นเครื่องเครียงแน่นๆ ทั้งกระดูกอ่อนหมู หมูก้อน แล้วก็เนื้อปลาช่อน ราคาชามละ 70 บาท
โชห่วยรถเข็น
นอกจากอาหารสด อาหารปรุงสุกพร้อมรับประทาน เราเจอกับร้านรถเข็นโชห่วย ขายเครื่องปรุง สารพัดวัตถุดิบ เช่น แผ่นแป้งปอเปี๊ยะ แหนมเนือง เส้นก๋วยจั๊บ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของเวียดนาม ก๋วยจั๊บญวณกึ่งสำเร็จรูป กาแฟ ซอสพริก เครื่องเทศสำหรับทำซุปก๊วยจั๊บ หลายอย่างนำเข้ามาจากเวียดนาม อีกส่วนเป็นวัตถุดิบอย่างแหนมที่รับมาจากภาคอีสาน รวมถึงกุนเชียงทำเอง ใครอยากทำอาหารเวียดนามก็แวะมาซื้อหาวัตถุดิบที่ร้านนี้ได้
ร้านป้าเก๋แหนมเนือง
ลำพังที่เราแวะเดินกินมาเรื่อยๆ ก็อิ่มมากแล้ว แต่มีคนในตลาดแนะนำร้านอาหารเวียดนามป้าเก๋ บอกว่าเป็นร้านอาหารเวียดนามประจำชุมชน เปิดมานาน เราเลยแวะมาลองสัก 2-3 เมนู
ถ้าขับรถผ่านไม่มีทางเห็นร้านป้าเก๋แน่นอน ต้องตั้งใจมากินประมาณนึงเลยค่ะ เพราะร้านอยู่ในตรอกเล็กๆ ร้านเปิด 9 โมงเช้า เป็นร้านเล็กๆ มีโต๊ะประมาณ 4 ตัว มีเราเป็นลูกค้ารายแรก เราสั่งมาสามอย่างคือปากหม้อ แหนมเนือง กับขนมจีนทรงเครื่องหมูย่าง
ปากหม้อแป้งนุ่มทำมาร้อนๆ ไส้รสชาติจัดจ้านเค็มนำ กินกับน้ำจิ้มเปรี้ยวหวานเข้ากันดี ถัดมาเป็นแหนมเนืองชุดละ 90 บาท ราคาเพิ่มตามจำนวนหมู ถ้าสั่ง 2 ไม้ก็ 180 ผักให้เยอะล้นตระกร้า ทีเด็ดอยู่ที่ตัวหมูย่างเลยค่ะ เนื้อแน่น หอมกลิ่นย่าง คุณลุงผู้ดูแลร้านเล่าให้ฟังว่าใช้เป็นเนื้อหมูส่วนสันกับเนื้อแดง ไม่มีแป้งผสม ย่างให้ค่อยๆ สุก ไม่ได้เอาไปต้มก่อน เวลากินเลยจะได้กลิ่นย่างหอมๆ
น้ำจิ้มแหนมเนืองสูตรเฉพาะที่ร้านใส่ตับหมูบดเข้าไปด้วย เลยจะได้ความมันนัวๆ เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ครบรส อร่อยแตกต่างจากที่เคยกินๆ มา อันนี้ห้ามพลาดสั่งมาลองกันนะคะ ระหว่างกินคุณลุงเดินมาสอนเราห่อแหนมเนืองแบบพอดีคำ ใส่น้ำจิ้มแล้วไม่เลอะเทอะ ได้เทคนิคกินแหนมเนืองติดตัวกันมาด้วย
ถัดมาเป็นขนมจีนทรงเครื่องหมูย่าง หน้าตาน่ากินมาก เป็นเส้นขนมจีนเส้นกลมใหญ่ เอามายำกับน้ำยำหวานๆ เปรี้ยวๆ ใส่ผักสดซอยกับหมูย่างหั่นชิ้น ได้รสชาติสดชื่น กินง่ายดีค่ะ ส่วนตัวอยากได้รสเปรี้ยวเพิ่มอีกสักนิด
หันมาแป๊บเดียวคนเข้ามานั่งเต็มร้าน ความน่ารักของชุมชนขนาดเล็กคือจะมีข่าวเช้าชุมชนบอกเล่าต่อๆ กันว่ามีเหตุการณ์ประจำวันอะไรเกิดขึ้นบ้างส่งผลดีหรือร้ายกับชุมชนยังไง เช่น ของในสุสานประจำชุมชนชำรุดนะ กำลังหาคนมาซ่อม ในฐานะคนจรอย่างฉันถึงจะอยากได้ยินหรือไม่ มันก็เข้าหูอยู่ดี พอเดินไปนั่งกินอีกร้านหนึ่งคุณก็ได้ยินเรื่องเดิม บทสนาคล้ายเดิมเพียงแต่เปลี่ยนผู้เล่าและคนรับสาร แม้สารจะคลาดเคลื่อนกันนิดหน่อย ฉันอดอมยิ้มไม่ได้มองว่าน่ารักดี นี่แหละเสน่ห์ของชุมชนเล็กที่รู้จักทั่วถึงกันหมด
ร้านป้าเก๋เปิดมานานกว่า 70 ปี คุณลุงผู้ดูแลร้านเล่าให้ฟังว่าเป็นสูตรของทวดซึ่งเป็นชาวเวียดนาม อาหารทุกอย่างที่ร้านทำเอง นอกจาก 3 เมนูนี้ ยังมีอีกหลายจานน่าลอง ใครแวะมาฝากชิมเมนูอื่นๆ ด้วยนะคะ
วันนี้เป็นมื้อเช้าที่อิ่มมากๆ ก่อนกลับบ้านเลยเดินเล่นสักหน่อย เราเดินลัดเลาะไปเรื่อยๆ เจอ ‘โบสถ์คอนเซปชัญ’ โบสถ์เก่าแก่แห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา เป็นโบสถ์คริสต์โรมันคาทอลิกเก่าแก่แห่งหนึ่งของไทยเลยค่ะ คาดว่าสร้างตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างไทยกับฮอลลันดา เรียกว่า ‘วิรันดา’ มีส่วนของหลังคาเป็นแบบไทย โดยโบสถ์หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา เราเลยเดินตรงไปเรื่อยๆ จนถึงริมแม่น้ำ พอหันกลับมามองเห็นโบสถ์อยู่ท่ามกลางตึกรามบ้านช่องในชุมชนดูสวยแปลกตา
ชุมชนสามเสนยังมีอะไรให้เพลิดเพลินอีกมาก หนึ่งวันยังเก็บไม่หมด เป็นอีกที่ที่น่ามาเดินเล่นเลยค่ะ ใครอยากมาเดินกินของอร่อยแนะนำชวนกันมาหลายๆ คนหน่อยนะคะ จะได้ลองกินหลายๆ อย่าง 🙂