เรามักคิดว่าผลไม้รสเปรี้ยวๆ หวานๆ ไม่ค่อยเข้ากับอาหารคาวสักเท่าไร และบางคนก็ไม่กินผลไม้ที่นำมาทำเป็นของคาวเสียอีกด้วย แต่ที่จริงแล้วผลไม้ถูกนำมาทำเป็นอาหารคาวมากมาย ที่เด่นๆ เลยก็คือสับปะรด โดยเฉพาะในเมนูอาหารไทยอย่างบ้านเราก็นำสับปะรดมาทำแกง ไม่ว่าจะแกงเผ็ดเป็ดย่าง แกงคั่วสับปะรด แกงจืดสับปะรดกับหมูสามชั้น หรือแม้แต่ผัดวุ้นเส้นใส่สับปะรด ก็เคยได้กินเช่นกัน ที่นิยมนำสับปะรดมาทำอาหารก็พราะรสชาติเปรี้ยวอมหวานนั้นตัดเลี่ยนได้ดีกับแกงกะทิ และยังมีเอนไซม์ช่วยย่อยได้ดีอีกด้วย
นอกจากสับปะรดก็ยังมีผลไม้จำพวกแอปเปิล มะม่วง ที่มักนำมาทำเป็นยำหรือซ่า เพราะมีรสชาติเปรี้ยวอมหวาน กินแล้วรู้สึกสดชื่น เช่นเดียวกับองุ่น แก้วมังกร มังคุด เงาะ ก็มักนำมาทำอาหารคาวได้หลากหลาย เรียกได้ว่านำผลไม้มาทำอาหารได้ตั้งแต่ ต้ม ผัด แกง ทอด กันเลยทีเดียว ซึ่งก็ไม่ใช่แต่เพียงอาหารไทยเท่านั้นที่นิยมนำผลไม้มาทำอาหาร อาหารเอเชียอย่างญี่ปุ่น จีน เกาหลี รวมไปถึงอาหารฝรั่งก็มักนำผลไม้อย่างลูกพรุน ลูกพลับ สาลี่ มาทำอาหารด้วยเช่นกัน
ปกติเมนูที่ทำจากผลไม้มักเป็นเมนูยำหรือเมนูที่ไม่ผ่านความร้อนมากมายนัก แต่วันนี้ KRUA.CO ขอนำเสนอเมนูที่ทำจากผลไม้แบบแปลกใหม่ แต่รับประกันความอร่อย โดยเรานำผลไม้ยอดนิยมอย่างสับปะรดกับมังคุดมารังสรรค์เมนูใหม่ และผลไม้ชื่อฝรั่งอย่างเคปกูสเบอร์รีมาทำเป็นเมนูแบบไทยๆ จะเก๋ไก๋แค่ไหนไปเริ่มกันเลย
นำสับปะรดมาเคี่ยวกับก้างปลาย่าง ให้ได้รสชาติหวานหอม แล้วตัดด้วยรสเค็มจากมิโสะนิดหน่อยให้ได้รสจางๆ ของตัวมิโสะ กินคู่กับเส้นราเมงลวก พร้อมผักเคียงอย่างเรดิช แตงกวาญี่ปุ่น และต้นหอมญี่ปุ่นซอยเป็นเส้นบางๆ โรยด้านบน ที่ขาดไม่ได้คือปลาทรายแดงย่างให้สุกกำลังดีและสับปะรดหั่นแว่น เสิร์ฟคู่มาด้วย สัมผัสที่ได้คือความสดชื่นคล้ายกับการกินขนมจีนซาวน้ำผสมบะหมี่เย็นกันเลยทีเดียว ถือเป็นเมนูอาหารลูกครึ่ง หน้าตาและกลิ่นเหมือนอาหารญี่ปุ่น แต่รสสัมผัสคืออาหารไทยที่เราคุ้นเคย
ที่เราเลือกใช้สับปะรดเพราะเป็นผลไม้ที่กินแล้วรู้สึกสดชื่น มีความหวานฉ่ำอยู่ในตัว อีกทั้งยังมีรสชาติค่อนข้างหลากหลายทั้งหวานทั้งเปรี้ยว เมื่อนำมาทำอาหารทั้งทีก็ไม่อยากให้ความโดดเด่นนี้จืดจางลง เราเลยเลือกใช้ทำเป็นน้ำซุปรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย กินแล้วทั้งสดชื่นทั้งดับร้อนได้ดีนัก อ้อ ขอแนะนำว่าควรทำให้ทุกส่วนประกอบของเมนูนี้เย็นฉ่ำๆ รับรองว่ากินคำแรกก็สดชื่นแน่นอน
แกงกะหรี่กุ้งรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องแกงที่มีเครื่องเทศอย่างลูกผักชีและยี่หร่าเป็นส่วนผสม บวกความหอมจากกะปิและผงกะหรี่ โขลกให้เข้ากันดี มีรสชาติเผ็ดนิดๆ จากพริกแห้ง นำมาผัดให้ได้ที่กับหัวกะทิคั้นสดๆ ความมันของกะทิผสมกลิ่นหอมของเครื่องแกง เพิ่มความพิเศษด้วยการนำมังคุดลงไปเคี่ยวให้เกิดรสชาติหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ก่อนจะใส่กุ้งลงไปเพื่อเพิ่มความหวานจากเนื้อกุ้ง แค่นี้ก็ได้แกงกะหรี่ผลไม้รสชาติหวานอมเปรี้ยว กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเด็ด
เราเลือกมังคุดมาทำแกงกะหรี่เพราะเคยได้กินแกงกะหรี่ผลไม้รวมแล้วรู้สึกว่าอร่อย ไม่เลี่ยน หรือมันกะทิจนเกินไป รสชาติที่ได้คือรสเปรี้ยวอมหวานจากผลไม้ที่ใส่ลงในแกงกะหรี่ชามนั้น เลยอยากลองทำดูบ้าง โดยเลือกใช้มังคุดเพียงชนิดเดียวแต่ได้รสชาติซับซ้อนเพราะมังคุดไม่ได้มีแค่รสชาติเดียว แถมเนื้อสัมผัสของมังคุดยังมีความกรุบกรอบเคี้ยวเพลิน รวมทั้งเพิ่มเนื้อกุ้งลงไป เพื่อให้ความหวานจากเนื้อกุ้งเป็นตัวช่วยเพิ่มรสหวานอีกทางหนึ่ง
เมนูนี้คล้ายน้ำพริกโจรหรือน้ำพริกหยำทางภาคใต้ แต่เพิ่มความเปรี้ยวนิดๆ จากเคปกูสเบอร์รีผสมกับกะปิย่าง มะนาว น้ำตาล พริกขี้หนูซอย หอมแดงซอย และเพิ่มความพิเศษด้วยกุ้งลวก ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันดี กินกับผักสดและไข่เจียวร้อนๆ ฟินแบบสุดๆ ไปเลย
เคปกูสเบอร์รีเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นเฉพาะตัว บางคนอาจชอบหรืออาจไม่ชอบ รูปร่างหน้าตาของมันเหมือนมะเขือเทศสีเหลืองลูกเล็กๆ ของญี่ปุ่น เนื้อสัมผัสข้างในก็คล้ายมะเขือเทศ ส่วนเรื่องรสชาตินั้นออกเปรี้ยวอมหวานหน่อยๆ ทั้งรูปร่างและรสชาติคล้ายคลึงกับมะเขือเทศขนาดนี้ เลยคิดว่าลองนำมาทำเป็นน้ำพริกน่าจะอร่อยดีไม่ใช่น้อย
เมนูจากผลไม้ทั้ง 3 เมนูนี้จะเห็นได้ว่าเราเน้นผลไม้ที่มีรสชาติมากกว่า 1 รสขึ้นไป เพราะผลไม้ที่มีรสชาติเดียวเมื่อนำมาทำอาหารจะให้รสชาติแค่มิติเดียวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม เราสามารถดัดแปลงผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้ได้ อาจจะนำส้มมาทำเป็นน้ำซุปแทนสับปะรด หรือเอาลองกองมาแทนมังคุดก็เป็นได้ แล้วแต่ความชอบส่วนตัวและฤดูกาลของผลไม้นั้นๆ นะคะ
