เปิดโลกอาหารเลบานอนที่ AL SARAY คัดมาแล้ว สั่งตามได้เลย

5,287 VIEWS
PIN

image alternate text
image alternate text
อาหารเลบานีส-อินเดียน อร่อยถูกปาก บรรยากาศเรียบหรูในราคาสบายๆ

เดือนแห่งอาหารอินเดียและอาหารแถบตะวันออกกลางทั้งที เลยจะพาชาวครัวไปเปิดโลกรสชาติ หนึ่งในร้านที่มีชื่อเสียงเรื่องอาหารอินเดียและเลบานอนมาอย่างยาวนานที่ AL SARAY Fine Lebanese & Indian Cuisine ร้านอาหารหรูชื่อดังต้นตำรับสไตล์เลบานีส – อินเดียน ที่อร่อย ราคาไม่แรง รสชาติก็กินง่าย

ร้าน AL SARAY เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนไม่ชอบเครื่องเทศกลิ่นแรงหรือฉุน เมนูของทางร้านยังมีความน่าสนใจ พูดกันถึงฝั่งอินเดีย มีการปรับรสชาติให้ไม่โดดไปทางใดทางหนึ่ง ทำให้รสค่อนข้างกลมกล่อมคล้ายกับอาหารไทยที่เราชิน แต่ยังคงรสชาติของอาหารอินเดียไว้อย่างครบถ้วน ข้าวหมกบริยานีของที่นี่มีการใส่ลูกเล่นลงไปในอาหาร (เป็นอะไร ผมจะเล่าต่อไปด้านล่าง) หรือเมนูป๊อปปูลาร์อย่าง Chicken Butter ก็มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่น ส่วนอาหารเลบานอนก็ไม่เพียงให้ความแปลกใหม่ แต่มาพร้อมความเป็นเอกลักษณ์เช่นกัน ที่ร้านเลือกใช้วัตถุดิบสดและวัตถุดิบนำเข้า ทำให้สัมผัสถึงรสชาติแบบเลบานอนได้อย่างแท้จริง  

ไม่รวมการตกแต่งร้านที่มาในสไตล์ตะวันออกกลาง ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในร้านอาหารที่ประเทศเลบานอน ความเก๋อยู่ที่ใช้ของนำเข้ามาจากเลบานอนเกือบทั้งหมด เฟอร์นิเจอร์ กระจก โคมไฟ รวมไปถึงจานอาหาร ชาม ช้อน หากได้เข้ามาเป็นครั้งแรก เหมือนเป็นการข้ามมิติมาสู่ประเทศลาบานอน การจัดวางดูสบายตาทำให้รู้สึกเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศได้อย่างลงตัว 

เข้าสู่เรื่องอาหาร เชฟมาฮดี้ เชฟสัญชาติเลบานีส เป็นผู้มาแนะนำเมนูในครั้งนี้ ตัวเมนูของทางร้านจะแบ่งเป็น 2 สัญชาติอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เลือกเมนูได้ไม่ยาก (อัลซารายไม่เสิร์ฟหมูและเนื้อ เนื้อสัตว์ของที่นี่เป็นแกะ ไก่ ปลา และอาหารทะเล)

ทางร้านมีเมนูต้อนรับเป็น ปาปาดัม (Papadum) ข้าวเกรียบที่ทำจากถั่วลูกไก่ รสชาติกินง่าย เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี เสิร์ฟคู่กับซอส ชัดนี (Chutney) 3 สี 3 รสชาติ ซอสพริกกระเทียม ซอสมินต์ และซอสมะม่วง ช่วยเพิ่มความสนุกในการกินเมนูนี้อีกด้วย 

เมนู Present starter เชฟเลือกเป็นอาหารเลบานอนทั้งหมดเพราะเป็นอาหารสุขภาพ กินแล้วสดชื่น เป็น 4 cold appetizer ตามด้วย 1 hot appetizer จะมีเพียง samosa เท่านั้นที่เป็นอาหารอินเดีย

Cold appetizer จัดมา 4 อย่าง ได้แก่ ฮัมมุส (Hummus) เป็นเมนูที่ใครมาก็ต้องสั่งจานนี้ เพราะเป็นอาหารขึ้นชื่อของเลบานอน ถั่วลูกไก่ผสมกับงาบด (ตาฮินี) เรียกว่าเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ รสชาติละมุนนุ่มลิ้น ความมันของถั่วกินคู่กับแป้งนานได้อย่างลงตัว ก่อนกินเชฟจะมาราดน้ำมันมะกอกให้ถึงโต๊ะกันเลยทีเดียว 

ในขณะที่ แป้งนาน (Naan) มากับรสสัมผัสนุ่ม มีความฟู หอมกลิ่นย่างจากเตา ที่ร้านมีแป้งนานให้เลือกหลายรสชาติ ทั้งแบบต้นตำรับ แบบชีส แบบชิลลี่ และแบบกระเทียม

เมนูต่อไปหากินค่อนข้างยากในไทย และเป็นครั้งแรกที่เราได้ลิ้มลองเมนูนี้อีกด้วยคือ มูตาเบิ้ล (Mutable Batenjan) หน้าตาคล้ายฮัมมุส แต่รสชาติและวิธีการทำนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยมูตาเบิ้ลจะเริ่มต้นด้วยการนำมะเขือยาวไปย่างก่อน และนำไปปั่นปรุงรสด้วยมะนาว โยเกิร์ต น้ำมันมะกอก บอกตรงๆ ว่ารสชาติไม่คุ้นปากแต่อร่อย ทีเด็ดเลยคือมะเขือยาวย่างหอมๆ รสชาติมันๆ เปรี้ยวๆ หลากรสในหนึ่งคำ

ฟาตุช (Fattouch) เมนูสลัดเพิ่มความสดชื่น โรยด้วยแป้งขนมปังกรอบ กินคู่กับน้ำสลัดน้ำมันงา มะนาว และราดด้วยน้ำมันมะกอกเช่นเคย เมนูนี้เชฟจะมาราดน้ำมันมะกอกให้ถึงที่ ได้รสเปรี้ยวหวานเลมอนกับน้ำเชื่อมทับทิม บวกความหอมของน้ำมันงาและน้ำมันมะกอก เรียกว่าเมนูเปิดท้องสำหรับคนที่ไม่ชอบกินอะไรหนักๆ หรือสั่งมาตัดเลี่ยนได้

จานสุดท้ายคือสลัดมะเขือ บาบา กานูจ (Baba Ganouj) ที่ทางร้านจะนำมะเขือยาวไปเผา จากนั้นนำไปคลุกเคล้าเข้ากับพริกหวาน ทับทิม ปรุงรสด้วยน้ำมะนาวและน้ำมันมะกอกบอกเลยว่ารสชาติคุ้นลิ้น คล้ายยำมะเขือยาว อร่อยมากๆ เกลือ สมุนไพร เครื่องเทศต่างๆ ช่วยเสริมรสชาติและให้ความรู้สึกสดชื่นเมื่อกัดโดนทับทิม รสเปรี้ยวนำ แต่มีกลิ่นสโมคของมะเขือเด่นขึ้นมา และปิดท้ายด้วยรสชาติมันนิดๆ เป็นเมนูที่กินง่าย เวลากินก็กินคู่กับแป้งนาน 

ต่อกันที่เมนูจานร้อนกันบ้าง ที่นี่มีให้เลือกหลายอย่างครับ จัดหนักจัดเต็มมาก วันนี้ได้ลอง กุ้งซอสโพรวองซ์ (Shrimp provencal) อีกเมนูที่กินง่าย กุ้งหอมกระเทียม ตัดรสเปรี้ยวด้วยเลมอน กินจิ้มกับแป้งนาน รสชาติต่างจากโพรวองซ์ของฝรั่งเศส เพราะออกเปรี้ยวนำ ให้ความสดชื่นมากกว่า กินสนุก ที่สำคัญให้กุ้งเยอะมาก 

รวมทอด (Mix pastry platter) หากอยากกินหลายๆ อย่างแนะนำให้สั่งเมนูนี้เลย ของทอดในจานนี้ประกอบไปด้วย Vegetable Samosa ซาโมซาไส้ผัก อันนี้ตัวแป้งอร่อย ส่วนไส้กินง่ายเพลินๆ Cheese Roll ตัวนี้จะคล้ายเปาะเปี๊ยะ ไส้ชีส ชีสที่ใช้เป็น Akawi และ Feta Cheese กลิ่นหอม ปกติชีสตัวนี้จะกินยากหน่อย แต่ทางร้านทำออกมาได้ดีมากๆ กินง่ายเสียดายที่มีแค่สองชิ้นในจาน Spinach Fatayer พายไส้ผักโขม ห่อเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งดวง รสชาติเปรี้ยวๆ หอมๆ คล้ายผักดอง ไส้ปรุงรสด้วย Pine Seeds แปลกๆ ดี แป้งพายอร่อยกรอบกินคู่กับไส้อร่อยมากๆ Meat Kebbe หน้าตาคล้ายลูกชิ้นปลาสีเข้มๆ ตัวเปลือกทำจากเนื้อแกะบดผสมกับเครื่องเทศ ข้างในเป็นไส้เนื้อแกะผัดปรุงรส บอกเลยว่ากลิ่นแกะดีมาก ไม่สาบเลย  Meat Sambousek ตัวนี้เป็นพายไส้แกะแบบเดียวกับใน Meat Kebbe อร่อยมาก กินคู่กับแป้งกรอบๆ ส่วนตัวชอบตัวนี้ที่สุดในจาน 

นั่นแค่ appetizer เรากำลังจะเข้า main course กัน โดยเป็นเมนูจากฝั่งอินเดียเสียส่วนใหญ่ ปกติเครื่องแกงอินเดียจะมีกลิ่นที่แรง ต่างจากเครื่องแกงที่นี่ที่กลิ่นไม่ฉุน ถือว่ากินง่าย แต่ยังให้รสชาติครบรสตามฉบับอินเดีย

ชิกเก้น บัตเตอร์ (Chicken Butter) แกงกะหรี่ไก่สไตล์อินเดีย นำไก่ไปหมักกับเครื่องเทศและโยเกิร์ต จากนั้นนำมาเคี่ยวกับแกง รสชาติเข้มข้น ไก่หอมมากกก กินกับแป้งนาน ฟินสุดๆ

สตูแกะตุ๋นเครื่องเทศ (Lamb Rogan Josh) คล้ายๆ ชิกเก้นบัตเตอร์ รสชาติออกเปรี้ยวหวาน เนื้อแกะดีมากกก แกะตุ๋นได้ที่ ไม่เหนียวและไม่เหม็นสาบ เมนูนี้ต้องสั่ง!

ข้าวหมกกุ้งสไตล์อินเดีย (Al Saray Lamb Biryani) ข้าวหมกสูตรพิเศษของทางร้าน อีกหนึ่งเมนูที่สั่งกันทุกโต๊ะ ข้าวบรียานีที่นี่หุงได้สวยเม็ดยาวน่ากินมาก ตัวข้าวหมกจะถูกอบไปพร้อมแป้งนานด้านบน ก่อนกินเชฟจะมาบรรจงใช้มีดกรีดหน้าแป้งเพื่อให้เห็นข้าวหมกถึงโต๊ะ กรีดปุ๊บกลิ่นข้าวหมกก็พุ่งฉุยปะทะจมูก พิเศษไปกว่านั้นก็คือเชฟได้ใส่น้ำกุหลาบลงไปด้วย แล้วด้านในยังมีไข่ต้ม ที่น้อยครั้งมากที่จะได้เห็นข้าวหมกบริยานีใส่ไข่ลงไป

หากตักไปถึงข้างล่างก็จะโดนตัวกุ้งที่หมักกับซอสมะเขือเทศและสมุนไพรเครื่องเทศต่างๆ ผมยกให้เมนูนี้เป็นเมนูแนะนำของผมเลยครับ

รวมย่าง (Mix grill platter) เป็นเมนูของทางฝั่งเลบานอน เสิร์ฟพร้อมผักย่าง Chilli Pitta Bread และน้ำจิ้มสองแบบ คือน้ำจิ้มโยเกิร์ต และน้ำจิ้มกระเทียม ส่วนของย่างในจานประกอบไปด้วย Lamb Skewers เนื้อแกะหั่นเต๋าหมักเครื่องเทศย่าง ยังยืนยันคำเดิมครับว่าเมนูเนื้อแกะของที่นี่ทำออกมาได้ดีมากๆ ความสุกของเนื้อแกะอยู่ในระดับพอดี กลิ่นของสมุนไพร ช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินมากขึ้นอีกด้วย Kofta เนื้อแกะบดผสมเครื่องเทศเสียบไม้ย่าง มีความคล้ายเคบับแต่จะย่างแห้งๆ กินคู่กับซอสที่เสิร์ฟมาด้วยกัน บอกเลยว่าอร่อยมากๆ Chicken Koft เนื้อไก่บดผสมเครื่องเทศเสียบไม้ย่าง จะคล้ายกับตัว Kofta แต่จะเปลี่ยนเนื้อสัตว์ให้เป็นไก่แทน Lebanese Grilled Chicken ไก่ย่างเลบานอน ชิ้นสุดท้ายของจานนี้ ถึงจะเป็นไก่ก็ไม่แพ้ใครเลย ไก่ไม่แห้งและยังคงความชุ่มฉ่ำ

ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน ทางร้านแนะนำขนมให้ลอง 2 เมนู

Gulab jamun กุหลาบจามุนเป็นขนมของอินเดียตอนใต้ แต่บอกก่อนว่าสูตรของที่ร้านไม่เหมือนกับที่อื่น เนื้อขนมสัมผัสคล้ายคัสตาร์ด ราดด้วยคาราเมล ตัดหวานเลี่ยนด้วยมะม่วงสุกและทับทิม อร่อยมาก

Mohalabieh – พุดดิ้งนมสดเด้งดึ๋ง หน้าตาน่ารักน่ากิน โรยด้วยถั่วพิสตาชิโอและกลีบกุหลาบอบแห้งหน้าตาอาจจะไม่ค่อยแปลกตาสักเท่าไร แต่เนื้อพุดดิ้งมีกลิ่นกุหลาบอยู่ด้วย รสชาติก็หวานๆ มันๆ ถือว่าเป็นเมนูปิดท้ายได้ดี

AL SARAY เป็นตัวเลือกที่ดีอีกหนึ่งร้านครับ บริการดีเลิศ เชฟอัธยาศัยดีเป็นกันเอง หากไปแล้วไม่รู้ว่าจะสั่งอะไร ลองสั่งตามเมนูด้านบนได้เลย ทุกอย่างกินง่าย รสชาติคนไทยกินเลยครับ ผมยังรู้มาอีกว่าลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทยอีกด้วย ส่วนตัวผมแนะนำให้สั่งเมนูสตูแกะตุ๋นเครื่องเทศ (Lamb Rogan Josh) และอย่าลืมกินคู่กับแป้งนานด้วยนะครับ เข้ากันยิ่งกว่ากิ่งทองใบหยก 

ใครอยากเปิดประสบการณ์กินอาหารอินเดียและอาหารเลบานอน สามารถจองโต๊ะหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/AlSarayBKK/ หรือ http://www.alsarayrestaurant.com/

AL SARAY SOONVIJAI Fine Lebanese & Indian Cuisine
อาคารบางกอกพลาซ่า ห้องเลขที่ 4-01 ชั้น 4 เลขที่ 22 ซอย ศูนย์วิจัย 7 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 
โทร. 0 2319 4388
เวลาเปิด-ปิด 9:00 – 22:00 น.

AL SARAY SILOM Fine Lebanese & Indian Cuisine
เลขที่ 60/2 สีลม ซอย 2/1 แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 
โทร. 0 2234 4988
เวลาเปิด-ปิด 10:00 – 24:00 น.

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS