กินไก่ทอดคู่กับเบียร์แบบเกาหลีที่ CHIR CHIR Fusion Chicken Factory

12,060 VIEWS
PIN

image alternate text
image alternate text
ร้านไก่ทอดสัญชาติเกาหลีเจ้าใหม่ล่าสุดในไทย พร้อมจุดขายไก่ทอดต้นตำรับวัฒนธรรมใหม่ที่เรียกว่า Chimaek (ชิแม็ก) มาจากคำว่า ‘Chi’ คือ Chicken และ ’Maek’ จาก Maekju (เบียร์ในภาษาเกาหลี) หรือก็คือการกินไก่ทอดคู่กับเบียร์นั่นเอง

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านตาซีรีส์เกาหลีกันมาบ้าง เพราะจนทุกวันนี้ก็ยังมาแรงไม่เลิกรา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีการถ่ายทอดวัฒนธรรมผ่านซีรีส์ได้อย่างน่าสนใจ ทั้งการแต่งกาย สถานที่ท่องเที่ยว สภาพสังคม ดนตรี รวมทั้งอาหารการกิน ที่ร้อยทั้งร้อยจะต้องกลืนน้ำลายให้กับภาพอาหารที่ปรากฏอยู่ในฉาก ตั้งแต่กิมจิ จาจังมยอน บุลโกกิ ต๊อกบกกี ซัมกยอบซัล และที่เห็นจนคุ้นตาไม่พ้นไก่ทอด เนื่องจากคนเกาหลีชอบกินไก่ทอดมาก และไก่ทอดเกาหลีก็มีความอร่อยที่ต่างไปจากไก่ทอดสไตล์อื่นๆ มีการหมัก คลุกเคล้าซอสที่เป็นสูตรเฉพาะของแต่ละร้าน ทำให้ได้ไก่ที่ชุ่มฉ่ำ กินง่าย รสชาติเข้มข้น ซึ่งความนิยมนั้นก็ส่งต่อมาถึงคนไทยด้วย ทำให้หลายปีที่ผ่านมามีร้านอาหารเกาหลีที่นำเสนอเมนูไก่ทอดเพิ่มขึ้นในกรุงเทพฯ มากมาย สะดวกสำหรับนักแสวงหาของอร่อยอย่างเราๆ

ล่าสุดได้มีโอกาสไปลองเมนูไก่ที่ Chir Chir Fusion Chicken Factory (อ่านว่า ‘เชอร์ เชอร์’ มาจากเสียงปะทุของน้ำมันตอนกำลังทอดไก่) ร้านไก่ทอดสัญชาติเกาหลีตัวจริงเสียงจริง ยืนยันความอร่อยด้วยสาขาทั่วเอเชียกว่า 100 แห่งในเกาหลีใต้ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเพิ่งมาเปิดสาขาที่ประเทศไทยเมื่อสัก 1 เดือนที่ผ่านมา โดยจุดขายสำคัญของร้านคือเป็นไก่ทอดต้นตำรับวัฒนธรรมใหม่ที่เรียกว่า Chimaek (ชิแม็ก) มาจากคำว่า ‘Chi’ คือ Chicken และ ’Maek’ จาก Maekju (เบียร์ในภาษาเกาหลี) หรือก็คือการกินไก่ทอดคู่กับเบียร์นั่นเอง

Chir Chir แต่ละสาขาให้ความสำคัญเรื่องเมนูและรสชาติว่าจะต้องได้มาตรฐานเหมือนกันทุกสาขา พูดง่ายๆ คือไม่ว่าจะกินที่สาขาไหน ก็ต้องได้รับรสชาติแบบเดียวกับกินที่เกาหลี ซอสและเครื่องปรุงจึงนำเข้าจากประเทศเกาหลี แต่ใช้ไก่ในประเทศเพื่อความสดใหม่ ความแตกต่างอีกอย่างของร้านสังเกตได้จากชื่อร้านที่พ่วงคำว่า Fusion Chicken ซึ่งนอกจากเมนูไก่ทอดในแบบออริจินัล ยังมีเมนูฟิวชั่นผสมผสานไก่เกาหลีเพื่อการกินในรูปแบบใหม่ๆ อาทิ ไก่กับชีส ไก่กับวิปครีม ไก่กับบะหมี่/ พาสต้า/ ข้าว เป็นการเพิ่มทางเลือกและลดความซ้ำซากจำเจ แล้วยังตอบสนองจำนวนคน จะกินคนเดียวหรือกินหลายคนก็ได้ เพราะมีการปรับไซส์อาหารให้เหมาะกับคนไทยที่ชอบกินทีละหลายๆ เมนู เนื่องจากไซส์มาตรฐาน Big Serve (ใหญ่) ของทางร้านนั้นต้องบอกว่าบิ๊กบึ้มมาก 1 จานเสิร์ฟไก่มาทั้งตัว สาวไทยร่างบอบบางก็เลือก Half Serve (เล็ก) ได้

เดินเข้าร้านก็ได้ประทับใจกับบรรยากาศอบอุ่น สบายๆ แฝงกิมมิคน่ารักๆ เหมาะแก่การถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงโซเชียล ถ่ายรูปเล่นได้สักพัก อาหารก็ทยอยมาถึงโต๊ะให้ได้รุมถ่ายรูปด้วยความตื่นตากันทุกเมนูเลยทีเดียว

– สลัดองุ่นในน้ำผึ้ง – 

เมนูเรียกน้ำย่อย ที่แทบจะกลายเป็นจานหลักของเรา เพราะทุกคนล้วนลงความเห็นว่าดีงาม! องุ่นเขียวรสหวานเจือเปรี้ยวเล็กน้อย คลุกเคล้ามากับน้ำผึ้งหวานหอม เพิ่มสัมผัสด้วยถั่วกับลูกเกด ท็อปด้วยริคอตต้าชีสขูดเป็นเส้นฝอย ให้รสมันและเปรี้ยวที่ปลายลิ้น กินรวมกันแล้วสัมผัสในปากช่างสดชื่น ช่วยตัดเลี่ยนจากเมนูสารพัดไก่ได้ดีมาก บรรลุผลสมดังวัตถุประสงค์ของเมนูเปี๊ยบ

– ดัคกัลบิชีส –

เมนูคุ้นเคยสำหรับเหล่าอาหารเกาหลีเลิฟเวอร์ นำสะโพกไก่ไปอบกับซอสเผ็ดแล้วคลุกเคล้ากับต๊อกบกกี เสิร์ฟพร้อมเตาเพื่ออุ่นให้ชีสเดือดปุดๆ เพื่อความยืดดดดดสุดฟิน มีเคล็ดลับให้รอสัก 30 วินาทีหลังเดือด เพื่อให้ชีสเซตตัวไม่เหลวจนเกินไป แล้วจึงค่อยบรรจงนำไก่ลงไปจุ่ม ก็จะได้ฟินกับชีสอุ่นๆ ยืดๆ หรือจะคลุกเคล้าทั้งไก่ทั้งชีสให้เข้ากันทีเดียวทั้งกระทะก็อร่อยไปอีกแบบ

– เชอร์ เชอร์ มิ เชอร์ –

เมนูฟิวชั่นอิตาเลี่ยน นำไก่อบคาจันมาทอดจนกรอบ กินคู่กับเส้นพาสต้าครีมซอส โรยมอซซาเรลล่าขูดเพิ่มความแน่นของชีส มีมะเขือเทศและบรอกโคลีเพิ่มไฟเบอร์ในจานมาให้ด้วย ใครกินคนเดียวขอแนะนำจานเล็กแบบ Half Serve รับรองว่าครบเครื่อง อิ่ม สารอาหารเต็ม อร่อยแบบนุ่มๆ กับครีมซอสรสละมุนที่มีไก่กรอบกัดแล้วดังกร้วม ช่วยเพิ่มทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัส

– ไก่อบซอสกระเทียม – 

ถ้าเบื่อไก่ทอด งั้นลองไก่อบคลุกเคล้าซอสกระเทียมสูตรพิเศษของทางร้านดู ความพิถีพิถันหมักจนเข้าเนื้อ ทำให้เนื้อไก่ชุ่มฉ่ำ ไม่แห้งกระด้าง แถมยังหอมกลิ่นเครื่องเทศ เคียงด้วยไข่ต้ม มันฝรั่งอบ และซัลซ่า ในภาพนี้คือพอร์ชั่น Big Serve ได้ไก่มาถึง 1 ตัวเต็มๆ ชอบกินส่วนไหน จะน่อง สะโพก อก ปีก คอ เลือกหยิบได้ตามใจกับจำนวนไก่น่าจะกว่า 15 ชิ้น จุใจไปเลย!

– กันปงคิง – 

เมนูซิกเนเจอร์สุดฮอตขายดิบขายดีทั้งในไทยและเกาหลี ไก่ไม่มีกระดูกทอดกรอบ ใส่ต๊อกบกกีเพิ่มสัมผัสเคี้ยวหนึบ คลุกเคล้าซอสรสเผ็ดนำผสมหวานน้อยๆ ปิดท้ายด้วยการดิปซอสชีส เสิร์ฟมาในกระทะร้อน เป็น combination ที่เข้ากั๊นเข้ากัน กินง่ายกินเพลิน เผลอแป๊บเดียวก็จิ้มเข้าปากกันคนละชิ้นสองชิ้นหมดไปครึ่งกระทะไม่รู้ตัว

– ไก่ราดซอสเนยน้ำผึ้ง – 

เมนูฟิวชั่นที่หน้าตาและกลิ่นค่อนไปทางของหวาน จนเราแอบสงสัยว่าจะเข้ากันได้อย่างไร ไก่ทอดกับเนย น้ำผึ้ง อัลมอนด์เนี่ยนะ! แต่พอได้ชิมแล้วปรากฏว่าความหอมละมุนของ honey butter และผงโรยสูตรพิเศษ กับไก่ไม่มีกระดูกที่นำมาทอดจนกรอบ เคียงด้วยมันทอด และเค้กข้าว มันเข้ากันได้ดีจริงๆ ด้วย เป็นอีกหนึ่งเมนูที่กินง่ายกินเพลิน โดยเฉพาะเด็กๆ น่าจะถูกใจทั้งรสหวานๆ และกลิ่นหอมๆ ของไก่กรอบกับเนยและน้ำผึ้ง

– จิมดัค – 

ไก่ทอดในน้ำซอสสตูถั่วเหลืองรสออกเปรี้ยว เพิ่มคาร์บด้วยต๊อกบกกีกับเส้นบะหมี่เกาหลีเหนียวนุ่ม เสิร์ฟในหม้อพร้อมเตา หลังต้มจนน้ำซุปเดือด เคล็ดลับความอร่อยคือใช้ช้อนกดผักทั้งหมดลงไปในน้ำเพื่อให้ผักสุกเท่าๆ จากนั้นก็ปิดแก๊สเพื่อไม่ให้น้ำแห้ง แล้วตักเข้าปากได้เลย เมนูนี้มีให้เลือกแบบเผ็ดและไม่เผ็ด หญิงไทยใจกล้าอย่างเราเลือกแบบเผ็ด เพราะคิดว่า “มันจะสักแค่ไหนกันเชียว” เลยได้น้ำซุปรสชาติเข้มข้นสะใจทั้งเผ็ดทั้งร้อน กินแล้วเผ็ดลึกติดตรึงในปากไปอีกนาน เตือนเลยว่าเผ็ดร้อนจริงๆ ไม่ใช่เล่นๆ ถ้าไม่ถนัดของเผ็ด เลือกแบบไม่เผ็ดจะเซฟกว่า

Gimmick น่ารักๆ ของร้านนี้คือ เครื่องมือเหมือนขาไก่ มีหน้าที่ช่วยหยิบและฉีกไก่ง่ายขึ้น ไม่เลอะมือ

– เชอร์ครีมเบียร์- 

เปิดตัวด้วยการเป็นไก่ทอดกินคู่กับเบียร์ เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านก็ย่อมจะต้องเป็นเบียร์กับวิปครีม วิปครีมเนื้อแน่นรสติดหวานสูตรเฉพาะของทางร้าน โปะมาบนเบียร์สีใสเย็นเจี๊ยบ วิธีการดื่มยังน่ารักไปอีก ตรงที่ต้องงับวิปครีมไปครึ่งหนึ่งก่อน แล้วจึงยกแก้วดื่ม อ๋อ ไม่ต้องกลัวเลอะค่ะ เพราะทางร้านตั้งใจให้วิปครีมเลอะจมูกกับปากเต็มๆ จะได้น่ารักเหมือนนางเอกซีรีส์เรื่อง Secret Garden ไงล่ะ เมนูนี้เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจหลังได้ดูซีรี่ส์เรื่องนี้เลยนะ!

– ราสเบอร์รีดับเบิ้ลสมูตตี้ – 

มะม่วงสุกสีเหลืองปั่นรสหอมหวาน เข้มข้น ท็อปด้วยซอสราสเบอร์รีรสเปรี้ยว และวิปปิ้งครีมตัวเดิมจากเมนูเบียร์ ที่เราขอย้ำว่าเนื้อทั้งแน่นทั้งเนียนนวล และที่ต้องเตือนคือแก้วไซส์บิ๊กมาก (อีกแล้ว) เห็นภาพในเมนูคิดว่าเป็นไซส์เล็กปกติ ตอนยกมาเสิร์ฟถึงกับตกใจเพราะแก้วใหญ่กว่าที่คิดมาก ร้านนี้เขาเน้นเสิร์ฟแล้วของแน่นเต็มโต๊ะจริงๆ

– เบอร์รีเพอร์เพิ่ล ต๊อก! ต๊อก! –  

เป็นอีกความตื่นตาตื่นใจ เพราะเสิร์ฟค็อกเทล Summer Berry สีม่วงสดใสมาในเหยือกพร้อมโซดาขวดใหญ่ จากนั้นก็เขย่าขวดโซดาให้เกิดฟอง ก่อนจะเปิดขวดเสียงดัง ‘ต๊อกต๊อก ฟู่!’ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเมนู เทโซดาทั้งขวดใส่ค็อกเทล ผสมกลมกล่อมเป็นเครื่องดื่มรสเปรี้ยวนิดๆ หวานหน่อยๆ ซ่าด้วยโซดาน้อยๆ ดื่มแล้วสดชื่นตื่นทันที เหยือกนี้แบ่งได้ 8-10 แก้ว

ทางร้านมีเมนูไก่กว่า 30 เมนู กับเครื่องดื่มทั้ง Alcoholic และ Non-Alcoholic อีกหลายเมนูให้ได้ไปลิ้มลอง และเนื่องจากมีการทอดไก่แบบสดใหม่ทุกครั้งที่มีออเดอร์ ทอดแบบเสิร์ฟต่อเสิร์ฟ เมนูไก่ทั้งหลายจึงต้องใช้เวลารอประมาณ 10-20 นาที ถ้ามากันหลายคนและไม่อยากรอนาน แนะนำว่าให้โทร. แจ้งล่วงหน้า

#สายชีส #สายเกา #สายไก่ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

เรื่องโดย: ปาจรีย์ ปิ่นวัฒนชัย

Chir Chir Fusion Chicken Factory
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 6 โซนเอเทรียม ฝั่ง ZEN
เวลาเปิด-ปิด: 10:30-22:00 น. (ทุกวัน)
โทร. 02-252-2204

เพจ: https://www.facebook.com/ChirChirThailand/

* ราคาในเมนูไม่รวม VAT 7% และ SERVICE CHAGE 10%

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS