กว่าแม่จะเป็นแม่… มาร์ธา สจวร์ต

2,211 VIEWS
PIN

image alternate text
image alternate text
เส้นทางกว่าจะเป็นเจ้าแม่แห่งวงการสื่อด้านอาหาร ผู้ไม่ยอมให้สื่อใหม่ฆ่าตายได้ง่ายๆ

ก่อนโลกจะมีเพจ Tasty ให้ผู้ริเริ่มทำอาหารได้ลอกสูตรเช่นทุกวันนี้ ยุคหนึ่งอิทธิพลนั้นเคยถูกถือครองโดยแม่บ้านเลี้ยงเดี่ยวอย่าง มาร์ธา สจวร์ต ซึ่งแม้ปัจจุบันนี้เรา – ผู้ทำอาหารไม่เป็น – จะมีแหล่งข้อมูลที่ทำตามได้ง่ายให้ค้นหาล้านแปด ไม่ใช่เธอแต่เพียงผู้เดียวที่ถือไบเบิลเช่นเมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อนอีกต่อไป จนเหมือนว่าคุณแม่ได้เดินมาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว แต่หารู้ไม่ว่า มาร์ธา สจวร์ต ก็ไม่ต่างกับ ไตรภพ ลิมปพัทธ์ แห่ง ‘ครัวคุณต๋อย’ ที่ไม่ยอมปล่อยให้สื่อใหม่ฆ่าตายได้ง่ายๆ จนยังสถานภาพขาใหญ่แห่งแวดวงสื่อ โดยมีองค์ความรู้เรื่องอาหารเป็นทัพหน้าฆ่าฟันอย่างดุเดือดในสมรภูมิไลฟ์สไตล์ชนชั้นกลางของโลก

คุณแม่มาร์ธาเป็นเจ้าของอาณาจักรสื่อไลฟ์สไตล์รายยักษ์ของอเมริกา Martha Stewart Living Omnimedia (MSLO) ยิ่งใหญ่ในระดับที่ Forbes ระบุว่าปี 2017 มันมีมูลค่าประมาณ 220 ล้านเหรียญฯ หรือตีเป็นเงินไทยก็ราว 7,250 ล้านบาทเลยทีเดียว มันอาจจะดูมหาศาล แต่ในอดีตมันยิ่งกว่านี้เยอะ มูลค่ามันเคยทะยานไปถึง 1 พันล้านเหรียญฯ เมื่อปี 2000 ซึ่งหลังจากนั้นอาณาจักรโคตรรวยแห่งนี้ก็คลุกฝุ่นจนเปรอะเปื้อนไม่ต่างกับสภาพคุณแม่ในครัวเบเกอรีนัก… ใช่ รายได้บริษัทลดลงหลายเท่าตัว แต่ก็ยังถือว่าทรงอิทธิพลต่อรสนิยมแม่บ้านในทุกวันนี้อยู่ดี

สูตรอาหารเป็นเพียงหนึ่งในองคาพยพที่พากองทัพสื่อในมือของมาร์ธาทะลวงฟันเข้าไปมีบทบาทต่อวิถีชีวิตผู้คนเท่านั้น เพราะแกนกลางของธุรกิจในกลุ่ม MSLO คือการสร้างบรรทัดฐานด้านรสนิยมให้ชนชั้นกลางสามารถเอื้อมถึงได้ ด้วยไอเดียแบบ DIY เป็นสำคัญ ดังนั้นสูตรอาหารของมาร์ธาจึงเน้นที่รูปร่างหน้าตาเพื่อไปในทิศทางเดียวกันกับไลฟ์สไตล์ที่เธอสร้างขึ้น ด้วยวัตถุดิบซึ่งไม่ต้องไขว่คว้าจนเกินกำลัง

กล่าวได้ว่าคุณแม่ได้หาที่ยืนของตัวเองจากการสั่งสมประสบการณ์ที่เริ่มจากการเรียนรู้งานหัตถกรรมและงานครัวจากแม่ ขณะที่ก็ได้ทักษะการตกแต่งสวนและงานช่างจากพ่อ จากนั้นเธอจึงจับพลัดจับผลูกลายเป็นนางแบบโฆษณาระดับแถวหน้าเมื่อสมัยวัย 20 ปี และเพียงไม่นานเธอก็พลิกเส้นทางชีวิตไปเป็นโบรกเกอร์ในตลาดหุ้น และช่วงเดียวกันนั้นเอง แอนดรูว์ สจวร์ต สามีของเธอก็เปิดสำนักพิมพ์เล็กๆ แต่ด้วยความกระตือรือร้นของมาร์ธา เธอก็ทำธุรกิจรับจัดเลี้ยงควบคู่กันไปด้วย

หากนับตั้งแต่วันที่เธอเกิดมาบนโลกมนุษย์ ก็ถือเป็น 49 ปี แห่งการดิ้นรนหาประสบการณ์ที่หลากหลายของมาร์ธา จนมันมาคลี่คลายในปี 1990 เมื่อเธอเอาทั้งชีวิตทุกแง่มุมที่ผ่านมาสร้างคอนเทนต์เป็นตัวตนเชิงพาณิชย์ เธอเซ็นสัญญากับบริษัทผลิตสื่อรายยักษ์ Time Publishing นั่งเก้าอี้บรรณาธิการนิตยสาร Martha Stewart Living ซึ่งหัวแม็กกาซีนก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นงานที่ขายการเป็นอยู่ในแบบของมาร์ธา สจวร์ต และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการแตกแขนงสู่การดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดพิมพ์สูตรอาหาร, ไอเดียแต่งบ้าน, ไอเดียการจัดปาร์ตี้ ขยายจากสิ่งพิมพ์สู่รายการทีวี รวมถึงธุรกิจรับจัดเลี้ยงจริงจัง และเพียง 7 ปีเท่านั้นหลังการสร้างตัวตนบนแวดวงสื่อ ความเด็ดเดี่ยวก็เพิ่มพูนความโอหังจนแยกตัวมาเปิดบริษัท MSLO ที่เดิมพันกันด้วยชื่อเสียงและตัวตนของเธอ และเพียงไม่นาน บริษัท MSLO ก็สร้างเม็ดเงินนับพันล้าน และส่งให้ชื่อ มาร์ธา สจวร์ต กลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดแห่งยุคมิลเลเนียม

ที่จริงเราเลือกเล่าแต่มุมการต่อสู้ไปสู่ความสำเร็จของคุณแม่เท่านั้นแหละ เพราะกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้เธอก็ฆ่าฟันคนรอบข้างมาไม่น้อย อันแสดงให้เห็นด้านมืดของคุณแม่ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะที่เป็นข่าวใหญ่ในปี 2004 กับคดีทุจริตในตลาดหุ้นของเธอ ทำให้มาร์ธาต้องออกจากตำแหน่งประธานบริษัทชั่วคราวเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือในกลุ่มนักลงทุน ก่อนคดีจะคลี่คลายจนคุณแม่สามารถกลับเข้าไปนั่งตำแหน่งประธานอีกครั้ง เพื่อกอบกู้ชื่อเสียงและสภาพคล่องของบริษัทจนกลับมายืนหยัดได้สำเร็จ แม้ไม่อู้ฟู่เหมือนเดิม และเมื่อปี 2015 มาร์ธาในวัย 74 ปี ต้องสร้างอาณาจักรขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ถึงขั้นยอมขายหุ้นบริษัทให้ยักษ์ใหญ่อย่าง Sequential Brands ถึง 353 ล้านเหรียญฯ แต่ถึงกระนั้นด้วยความที่มันเป็นบริษัทเงินสะพัดได้ด้วยชื่อ ‘มาร์ธา สจวร์ต’ เป็นสำคัญ ต่อให้เธอจะไม่ได้ถือครองเบ็ดเสร็จเช่นเมื่อก่อน แต่ที่แห่งนี้ก็ขาดเธอไม่ได้

เป็นความสำเร็จที่ซ่อนเร้นความเจ็บช้ำไม่น้อยสำหรับธุรกิจที่มีสินค้าคือตัวตนของใครคนหนึ่ง ว่ากันตามตรง มันก็คือการลงทุนที่ไม่ใช่แค่เม็ดเงิน ทว่าเป็นการเทหมดหน้าตักทั้งชีวิตและชื่อเสียง แน่นอนว่าต้องแลกกับการยอมสละส่วนหนึ่งส่วนใดของชีวิต เพื่อต่อยอดในทางธุรกิจ มันไม่ใช่เพื่อบริษัทเพียงอย่างเดียว และมันอาจไม่ใช่สินค้าแฟรนไชส์แบบมาร์เวล ที่จะสามารถลองผิดลองถูกได้บ่อยนัก แต่มันคือชีวิตของคนคนหนึ่ง

ในปี 1990 วันที่เธอเซ็นสัญญากับ Time Publishing มาร์ธาตัดสินใจหย่ากับสามีที่สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยกันอย่างเลือดเย็น โดยเธอกล่าวไว้ว่า

“ฉันจำต้องทำลายชีวิตคู่ของฉันลง เพราะงานใหม่นั้นมันเย้ายวนฉันมากกว่า แต่ฉันก็ไม่เสียใจหรอกนะ เพราะสิ่งที่ฉันทำลงไปมันยิ่งใหญ่กว่าชีวิตคู่นั่นเยอะ ใครที่มีชีวิตคู่แฮปปี้ก็อย่ามาโกรธมาเกลียดฉันเลย เพราะสำหรับฉันมันคือเรื่องจริง ฉันนับถือมากถ้าใครสามารถจัดการเรื่องงานกับครอบครัวได้อย่างลงตัว ซึ่งฉันทำไม่ได้”

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS