ทำไมเราต้องทำโยเกิร์ตกินเอง ? คงเป็นคำถามแรกๆที่ทุกคนถามทุกคนทราบดีว่าโยเกิร์ตมีประโยชน์มหาศาล เนื่องจากเป็นอาหารในกลุ่มที่เรียกว่าโพรไบโอติกส์ (probiotics) หรืออาหารที่อุดมไปด้วยเชื้อจุลินทรีย์มีชีวิต (Live bacteria) ซึ่งเป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย่ช่วยให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ ตัวอย่างที่เรารู้จักกันดี คือ กิมจิ นมเปรี้ยว และโยเกิร์ต นั่นเองโยเกิร์ตถือเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี มีปริมาณโปรตีนมากกว่านมถึง 20% ที่สำคัญกินโยเกิร์ตแล้วไม่ท้องอืดเหมือนกินนม เพราะเป็นโปรตีนย่อยง่ายพระเอกของโยเกิร์ตคือชื้อจุลินทรีย์มีชีวิต ย้ำว่าต้องมีชีวิตเท่านั้น โยเกิร์ตถึงจะมีประโยชน์มหาศาลไม่อย่างนั้นก็มีแค่โปรตีนและน้ำตาลเท่านั้นจุลินทรีย์ในโยเกิร์ตมีหลากหลายชนิด ที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี คือแลคโตบาซิลลัส แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าโยเกิร์ตที่เราซื้อกินมีเชื้อจุลินทรีย์มีชีวิต! ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตของฝรั่งถ้าจุลินทรีย์มีชีวิตจะระบุชัดเจนว่า Live and Active Cultures ถ้ายี่ห้อที่เราซื้อกินระบุตามนี้ก็ซื้อกินต่อไปเถอะครับ หรือจะดีกว่าไหม ถ้าเราทำกินเอง มีจุลินทรีย์มีชีวิตแน่นอน รสชาติอร่อย และที่สำคัญถูกมากกกก
Churros เป็นขนมที่ตั้งต้นมาจากแป้งชูส์ (Choux) ซึ่งก็คือแป้งที่ใช้ทำเอแคลร์ (Éclair) ซึ่งพวกเรารู้จักกันดี แต่แทนที่จะอบ เราจะนำมาทอดให้กรอบนอกนุ่มในกัน แป้งชนิดนี้มีส่วนผสมของไข่ปริมาณค่อนข้างมาก ทำให้เนื้อสัมผัสของแป้งมีความนุ่มรสชาติเข้มข้นเวลาทอดต้องคุมอุณหภูมิของน้ำมันทอดให้ร้อนกำลังพอดี ถ้าร้อนน้อยเกินไป เวลาบีบแป้งชูโรสลงทอดจะทำให้ความหยักของขอบแป้งที่เป็นรูปดาวหายไปกลายเป็นปาท่องโก๋ ลดเกรดขนมของเราไปเลย ทอดจนด้านนอกกรอบเหลืองสีออกเข้มเล็กน้อย ด้านในสุกทั่วและนุ่มดีกินร้อนๆ โรยน้ำตาลซิน นามอน กินไปจิ้มไปเหมือนกินมะม่วงจิ้มพริกเกลือให้ความกรุบกรอบของน้ำตาลบวกกับเนื้อสัมผัสของชูโรส เข้ากั๊นเข้ากัน
นี่คือคุกกี้ช็อกโกแลตในตำนานที่ทุกคนต้องโปรดปราน คุกกี้แบ่งตามความเข้าใจง่ายๆของเรามีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท คือแบบนุ่มและแบบกรอบ (ซึ่งจริงๆแล้วขนมอบประเภทนี้มีอีกหลากหลายรุปแบบนัก) แบบนุ่ม ประกอบไปด้วยน้ำตาลทรายแดงและเนยปริมาณมาก ความชื้นจากน้ำตาลทรายแดงทำให้คุกกี้ของเรานุ่ม ส่วนเนยจะให้ความชุ่มชื้นและความเข้มข้นช่วยให้เวลาอบแล้วคุกกี้แผ่ออกมาสวยงาม และสุดยอดความอร่อยอยู่ตรงช็อกโกแลตชิพนี่เอง ผมเลือกใช้ช็อกโกแลตบาร์แบบที่ขายกันตามห้าง ที่เรานำมากินเล่นเป็นของหวานกันเอายี่ห้อดีๆที่มีส่วนผสมของช็อกโกแลตแท้ ความขมก็เลือกสรรกันตามความชอบ ใครชอบหวานก็เลือกแบบ milk chocolate ใครชอบขมก็เลือกแบบ dark chocolate คุณภาพของช็อกโกแลตยิ่งดี ยิ่งทำให้คุกกี้ช็อกโกแลตชิพของเรายิ่งอร่อย
เมนูนี้มีความจำเป็นต้องกินอย่างละเมียดละไม กินคู่กับชาถ้วยโปรดเมื่อไรก็สร้างความผ่อนคลายเมื่อนั้น ทาร์ตคือขนมที่ประกอบด้วย 2 ถึง 3 ส่วนด้วยกัน คือ ฐานแป้ง (base) ฟิลลิ่งหรือไส้ (filliing) และท็อปปิ้ง ฐานเป็นแป้งแบบ sweet pastry dough อบฐานแป้งให้เรียบร้อย จากนั้นจะใส่ฟิลลิ่งเป็นอะไรก็ตามใจชอบ ถ้าเป็นของหวาน ฟิลลิ่งมักเป็นคัสตาร์ดอย่างในสูตรนี้ หรือช็อกโกแลตกานาช หรืออัลมอนด์ฟิลลิ่ง มีความแตกต่างของไส้เล็กน้อย คือ ไส้ที่ทำสุกไว้แล้วเช่นคัสตาร์ดตักไส้ใส่ฐานแป้งก็กินได้เลย หรือที่เป็นไส้ดิบโดยมากมักมีส่วนผสมของไข่และแป้ง ซึ่งต้องนำไปอบพร้อมฐานแป้งที่อบมาแล้วเสียก่อน ไส้จึงจะสุกและอยู่ตัว จากนั้นจะมีท็อปปิ้งหรือไม่ก็ตามแต่ใจเลยครับสำหรับทาร์ตผลไม้ประกอบด้วยฐานแป้ง ไส้คัสตาร์ด และผลไม้สดรสเปรี้ยวอมหวาน เมื่อกัดกินส่วนประกอบทั้งสามโดยพร้อมเพรียงกันจะรับรู้ถึงรสชาติและสัมผัสที่ลงตัวจริงๆ
เวลาสองอย่างนี้แยกออกจากกันจะกลายเป็นของธรรมดาๆ โทสต์ก็คือขนมปังชุบไข่ทอดกินเป็นอาหารเช้าแบบฝรั่งซึ่งคนไทยไม่ค่อยคุ้น เคยนักส่วนครัมเบิลเกิดจากแป้ง เนย น้ำตาล บี้ให้เข้ากันเป็นเม็ดทราย เมื่ออบสุกแล้วจะสร้างรสสัมผัสหวานหอมกรุบกรอบ นิยมนำมาใส่ในหน้าขนมจำพวกพายหรือทาร์ตของฝรั่ง เมื่อเรานำทั้งสองมาเคียงคู่กันจะกลายเป็นโทสต์ครัมเบิล ขนมชื่อเรียกยากแต่ทำง่ายและไม่ธรรมดาขึ้นมา กินคู่กับวิปปิ้งครีมหรือไอศกรีมวานิลลา เรียกว่าสุดยอดเข้ากัน
Mousse คือ ขนมที่มีเนื้อเนียนละเอียด แน่นและเบาทำจากส่วนผสมหลักส่วนแรกจากอะไรก็ได้ เช่นช็อกโกแลต วานิลลา สตรอว์เบอร์รี จากนั้นนำมาตะล่อมผสมรวมกับส่วนผสมที่สองคือครีมที่ตีจนขึ้นฟู จะได้ขนมเรียกว่ามูสที่มีคุณสมบัติละลายในปาก มูสสูตรนี้ใช้ส่วนผสมแรกเป็นซาวร์ครีมและครีมชีส ให้รสชาติเข้มข้นจากนั้นเตรียมซอสสตรอว์เบอร์รีมาราดสลับชั้นกันเกิดรสชาติละมุนละไม
คาราเมลคัสตาร์ดคือขนมยอดนิยมตลอดกาลของผมครับขนมชนิดนี้เข้ามาในประเทศไทยนานแสนนานมาแล้ว รับรู้ได้จากคุณยายของผมซึ่งอายุปาเข้าไปย่าง 95 ปีแล้ว เมื่อไรก็ตามที่พาคุณยายไปกินข้าวนอกบ้าน ถ้ามีคาราเมลคัสตาร์ดในเมนูคุณยายจะขอสั่งมาเป็นของหวานตบท้ายมื้ออาหารเสมอ ขนมอื่นคุณยายว่ากินไม่ได้ ไม่อร่อยเหมือนคาราเมลคัสตาร์ดแต่ที่ทำให้ได้รับความนิยมสำหรับคอขนมชาวไทยไม่ว่าจะอายุมากน้อยแค่ไหน เห็นจะเป็นสัมผัสนุ่มนวลของเนื้อคัสตาร์ดกับความหอมหวานนวลๆของคาราเมลที่มาคู่กันครับโดยทั่วไปแล้วคาราเมลคัสตาร์ดเนื้อเนียน ต้องทำการอบส่วนผสมสามอย่าง คือ ไข่ นม และน้ำตาล ในถาดหล่อน้ำด้วยไฟต่ำๆ ใช้เวลาอบนานๆ ค่อยๆให้คัสตาร์ดสุกช้าๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือเนื้อคัสตาร์ดจะนุ่มละเอียดมาก ไม่เป็นฟองหยาบ ความยากอยู่ที่เตาอบดีๆไม่ได้มีทุกบ้าน ผมจึงใช้วิธีนึ่งแทน เพื่อให้ใครๆก็ทำคาราเมลคัสตาร์ดได้เองที่บ้าน หลักการง่ายๆเลยครับ การนึ่งต้องปิดฝาถ้วยสำหรับนึ่งเพื่อป้องกันไอน้ำหยดลงไปผสมในคัสตาร์ดของเรา และเมื่อน้ำเดือดแล้วนำคัสตาร์ดลงนึ่งแล้วหรี่ไฟลงจนน้ำเดือดอ่อนๆ วิธีนี้ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมความร้อนได้ดีเหมือนเตาอบ แต่ผลที่ได้ก็ใช้ได้อยู่ครบ
สำหรับทุกคนที่ชื่นชอบและใฝ่ฝันอยากทำขนมเบเกอรี เค้กเป็นก้อนๆน่าจะเป็นความตั้งใจหลักที่อยากทำให้ได้ เค้กหนึ่งก้อนประกอบด้วยอะไรบ้าง ประกอบด้วยเนื้อเค้กและท็อปปิ้งสำหรับราดหน้าเค้ก เนื้อขนมเค้กที่ดีต้องเนียนละเอียด รสสัมผัสนุ่มนวล ซอสหรือท็อปปิ้งสำหรับราดเค้กต้องมีความยืดหยุ่นและอยู่ตัว สำหรับเค้กช็อกโกแลตสูตรนี้คิดขึ้นมาเพื่อมือใหม่โดยเฉพาะ ตัดขั้นตอนประดิดประดอยยุ่งยากออก ให้กำลังใจมือใหม่ว่าทำง่ายๆก็ได้เค้กช็อกโกแลตนุ่มนวลเข้มข้นได้ ฉะนั้นเมื่ออบเค้กออกมาอย่างไรเราจะใช้อย่างนั้น ไม่ต้องตัดแต่งอะไรเลย ส่วนถ้าใครทำจนชำนาญแล้วจะแบ่งชั้นเพิ่มซอส ผลไม้ ช็อกโกแลตเม็ด หรือธัญพืช อะไรๆก็ตามแต่ความชอบและความคิดสร้างสรรค์ได้เลย ส่วนซอสสำหรับท็อปปิ้งทำง่ายๆโดยละลายดาร์กช็อกโกแลตกับเนยและครีมทำเป็นกานาช (ganache) มีความยืดหยุ่นดีเมื่อละลาย พักไว้สักพักจะเซ็ตตัว ได้เค้กช็อกโกแลตสวยๆโดยไม่ต้องลุ้นกันมากมายนัก เรียกว่า Hassle Free ไม่ต้องลำบากลุ้นจนหัวใจจะวายเอาเวลามากินเค้กให้อร่อยกันดีกว่า
ต้องขอบอกเลยว่าเมนูนี้อ้วนที่สุดถ้าไม่อ้วนถึงที่สุดก็จะขาดความอร่อยไปอย่างน่าเสียดาย ตัวขนมปังอบหรือเรียกว่าโทสต์ ถ้าเราเลือกขนมปังที่มีความเหนียวนุ่มคุณภาพดีได้ก็สุดยอดเลย ไปที่ร้านขนมปัง เลือกซื้อก้อนขนมปังปอนด์ที่ยังไม่สไลซ์มาหนั่ ขนาดประมาณ 3 นิ้วเรียกว่ากำลังอิ่มอร่อย จะให้ถึงที่สุดต้องราดด้วยเนยสดแบบให้ซึมชุ่มฉ่ำเข้าเนื้อขนมปัง อบให้หอมกรอบนอกนุ่มใน จากนั้นจะกินคู่อะไรก็อร่อย แนะนำว่าอบร้อนๆกินคู่กับไอศกรีมเย็น ราดด้วยไซรัปน้ำผึ้งหรือซอสอะไรก็ได้ที่หวานๆ ให้อ้วนตายไปเลย
เสียดายที่ชีวิตลูกเสือสมัยเรียนไม่ได้เป็นแคมป์ปิ้งแบบก่อไฟย่างมาร์ชเมลโลว์กินเล่นกันเหมือนเด็กอเมริกัน S’more อ่านว่า สะ-มอร์ เป็นเมนูอะไรก็แล้วแต่ที่มีมาร์ชเมลโลว์เป็นส่วนประกอบ ถ้าบ้านเราอากาศหนาวเสียหน่อย ก่อกองไฟแล้วเอาไม้จิ้มมาร์ชเมลโลว์มาย่างกินให้ข้างนอกหอมข้างในเยิ้มละลาย เรียกได้ว่าเป็นความสุขไม่น้อยเมนูนี้เรียกว่า สมอร์พาย คือนำแครกเกอร์มาบดทำเป็นฐานพายไส้เป็นช็อกโกแลตกานาช จากนั้นท็อปด้วยมาร์ชเมลโลว์ให้เต็มที่สะใจ แล้วนำเข้าเตาอบจนหน้าเกรียมและเนื้อมาร์ชเมลโลว์ละลายติดกัน เวลากินอย่าหวังว่าจะตัดออกมาเป็นชิ้นสวยนะครับขึ้นชื่อว่า S’more ต้องมีความยืดความเละเป็นเอกลักษณ์ ทำเสร็จใหม่ๆถือช้อนกันคนละคันแล้วรุมกินกันไม่ให้เหลือ
แยมที่ซื้อกินราคาเท่าไรกันครับ แล้วมันอร่อยไหมครับ ผมขอบอกเลยว่าถ้าอยากกินแยมอร่อยที่สุดในโลก เราต้องทำกินเองเท่านั้น!!! หลายคนอาจคิดว่า ที่ซื้อกินอยู่ทุกวันนี้มันก็อร่อยแล้วนี่ รู้หรือไม่ครับว่า แยมเนื้อใสๆแทบจะไม่มีส่วนผสมของผลไม้จริงอยู่เลยหรืออันที่มีผลไม้เยอะนี่ก็แพงสุด และแยมอร่อยที่สุดในโลกต้องทำจากผลไม้ 100% เท่านั้น...ซึ่งใครๆก็ทำได้...เลือกใช้ผลไม้ได้ตามใจชอบเลยครับ ถ้าได้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวานแล้วละก็จะอร่อยมากๆ
ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งสมัยเด็กๆ ผมได้มีโอกาสช่วยน้าสาวทำขนมฝรั่ง ครั้งนั้นหน้าที่ของเด็กตัวเล็กๆอย่างผมคือทุบแครกเกอร์รูปแท่งบุหรี่ เราบรรจงเอาแครกเกอร์ใส่ถุงซิปล็อกแล้วใช้ไม้ค่อยๆทุบ ผมเวียนถามหลายต่อหลายครั้งว่ามันละเอียดพอรึยัง ด้วยความเป็นเด็ก การทุบไปเรื่อยๆจึงเป็นเรื่องค่อนข้างน่าเบื่อและกินแรงมาก แต่ก็อุตส่าห์ทุบละเอียดจนน้าสาวพอใจ จากนั้นจึงผสมเนยละลายกับแครกเกอร์ที่ละเอียดแล้ว นำมากรุเข้ากับพิมพ์ถึงขั้นตอนนี้ผมได้รับหน้าที่ให้กด แล้วก็กด แล้วก็กด เข้าใจในตอนนั้นว่า กดให้มันแน่นๆ เท่านั้นแหละ... แล้วความทรงจำก็จางหายไป สงสัยจะอดทนช่วยต่อไปไม่ไหว หนีออกไปเล่นก่อนเสียแล้ว แต่ที่ยังคงแน่นในความทรงจำคือรสชาติของมัน ฐานแครกเกอร์มีความร่วนกรอบแต่ก็ยังแน่น ครีมขาวๆรสชาติเข้มข้นมีหวานตัดด้วยรสเปรี้ยว และที่สุดยอดคือมีอะไรไม่รู้เหมือนแยมสีม่วงๆอยู่ด้านบน เป็นขนมที่อร่อยจริงๆ
ขนมชนิดนื้ถือเป็นขนมปราบเซียน แต่ในความยากนั้นกลับมีเสน่ห์ดึงดูดใจให้คนรักขนมอย่างเราต้องลองทำสักครั้งในชีวิต แต่ขอบอกว่าครั้งเดียวไม่เพียงพอนะครับ จะทำมาการองให้อร่อยอยู่มือต้องทำแล้วทำอีกทำจนเข้าใจว่ามาการองนี้ มันมีขั้นตอนละเอียดอ่อนมาก ห้ามข้ามขั้นตอนเด็ดขาด ทุกกระบวนการต้องใจเย็นอุปกรณ์ที่ใช้มีส่วนสำคัญมาก วันนี้ถ้าเราอบมาการองขึ้นขาสวยงามแล้ว วันต่อมานึกครึ้มใจอยากเปลี่ยนไปอบเตาอบที่บ้านเพื่อน อาจเกิดอาการเละเทะได้ เนื่องจากอุณหภูมิที่อบมีส่วนสำคัญมาก เตาอบแต่ละเตาอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยของอุณหภูมิความชื้น และความแตกต่างเล็กน้อยเหล่านี้ก็ฆ่ามาการองของเราได้ไม่ได้บอกให้กลัวนะครับ ผมเคยทำเละมาแล้ว ขาไม่ขึ้นบ้าง หน้าแตกบ้าง อบไม่สุกบ้าง แต่เมื่อเราทำสำเร็จอบแล้วขึ้นขาสวย กินแล้วอร่อย มันเป็นความรู้สึกที่ประสบความสำเร็จมาก ใครเคยทำขนมออกมาแล้วดีงามอยากกระโดดตัวลอย มันคือความรู้สึกนี้เลย ความยากลำบากแลกมาซึ่งประสบการณ์ ฝีมือ และความภาคภูมิใจ มาการองก็เช่นกัน ให้ความรู้สึกดีเมื่อทำสำเร็จมากกว่าขนมชนิดไหน ป.ล.กินมาการองให้อร่อยเมื่อทำเสร็จแล้วใส่กล่องปิดฝาแช่ตู้เย็นช่องธรรมดาข้ามคืนไว้สักหนึ่งคืน เนื้อมาการองจะนุ่มหนึบขึ้น ไส้จะอยู่ตัวมากขึ้น กินแล้วจะทึ่งในฝีมือตัวเอง
เวลาเดินทางไปต่างประเทศ เมืองฝรั่งโดยมากจะมีร้านช็อกโกแลตให้ผมต้องเวียนวนเข้าไปชมช็อกโกแลตที่หลากหลาย ทั้งเป็นแบบบาร์ แบบมีไส้ แบบลูกอม คุกกี้ เยอะแยะมากมาย เรียกว่าหัวหมุนเลือกซื้อไม่ถูกกันเลยทีเดียวเชียวมีช็อกโกแลตแบบหนึ่งที่ทำง่ายแต่ดูเก๋นั่น คือ Chocolate Trufflfe เรียกสั้นๆว่าทรัฟเฟิล เกิดจากการนำช็อกโกแลตแท้ชั้นเยี่ยมมาละลายผสมกับวิปปิ้งครีมและเนยในอัตราส่วนพอเหมาะ จากนั้นนำไปแช่เย็นให้เซ็ตตัว ปั้นเป็นก้อน คลุกเคล้าด้วยผงโกโก้ เป็นอันเสร็จ ดูจากภายนอกแล้วดูดีมาก คล้ายกับอัญมณีที่ละลายในปากได้สิ่งสำคัญคือต้องเลือกใช้ช็อกโกแลตแท้เกรดดีๆ เลือกที่มีสัดส่วนของช็อกโกแลตมากหน่อยคือ 58% ขึ้นไป ระหว่างปั้นมีความเลอะเทอะนิดหนึ่ง เนื่องจากบ้านเราอากาศร้อน แต่ก็ให้ความสุขของการได้ทำช็อกโกแลตโดยสมบูรณ์
คอร์นเฟลกส์คาราเมลถือเป็นขนมจำพวกมูสลี (muesli) มีส่วนผสมเป็นธัญพืช ผลไม้ หรือถั่ว นิยมกินเป็นอาหารเช้ากับนมหรือโยเกิร์ต ซึ่งตอนนี้คอร์นเฟลกส์คาราเมลของบ้านเรากินกันเป็นขนมเคี้ยวเพลินๆ เผลอแป็บเดียวหมด จัดอยู่ในหมวดขนมเบรกแตก ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะครับ ก็เพราะว่ามันอร่อยไงล่ะ มีความหวานหอมจากคาราเมลเป็นกาวเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างส่วนผสมต่างๆที่ให้รสสัมผัสหลากหลาย ทั้งมีความกรอบจากคอร์นเฟลกส์ ความเหนียวหนึบของผลไม้แห้งอย่างลูกเกดและมีความมันของถั่วอีกด้วยที่สำคัญเราอยากใส่อะไรเพิ่มเติมก็จัดกันไป ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดทานตะวันงาขี้ม่อนหรือออกแนวฝรั่งอย่างเมล็ดแฟลกซ์ อัลมอนด์ก็เพิ่มความเก๋ให้กับคอร์นเฟลกส์คาราเมลมิใช่น้อยมีเคล็ดลับอยู่เล็กน้อยนะครับ ถ้าอยากให้คอร์นเฟลกส์ของเรากรอบทนกรอบนาน หลังจากคลุกเคล้าคาราเมลแล้วเกลี่ยคอร์นเฟลกส์ลงในถาด นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส ประมาณ 5 นาที จากนั้นนำออกมาเคล้าเบาๆให้คาราเมลเคลือบทั่ว นำเข้าเตาอบอีกครั้ง ทำแบบนี้ 3-4 รอบ เป็นการไล่ความชื้น ช่วยให้คาราเมลเคลือบทั่วดีและกรอบนานครับ ส่วนถ้าใครทำเสร็จแล้วทนไม่ไหว เบรกแตกกินหมดในแป๊บเดียว เคล้าคาราเมลแล้วพักให้เย็น จากนั้นก็ซัดได้เลยครับ
ชีสเค้กตัวนี้อยู่ตัวด้วยเจลาติน จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูเค้กที่ไม่ต้องง้อเตาอบ และรับประกันความสามารถในการละลายในปาก สำหรับเพื่อนๆที่หาสูตรชีสเค้กง่ายๆ ไม่ต้องใช้เครื่องกระป๋อง ความหวานของเนื้อชีสเค้กเข้ากันได้ดีมากๆกับซอสเปรี้ยวจากเสาวรส ผมเลือกใช้เสาวรสสีม่วงจากโครงการหลวงโครงการในพระราชดำริของพ่อหลวง เสาวรสสีม่วงลูกเล็กและรสชาติหวานกว่าเสาวรสทั่วไปในท้องตลาด เลือกที่สดใหม่ผิวตึงน้ำหนักกำลังดี จะได้น้ำเสาวรสรสดีหวานอมเปรี้ยว เอามาทำเป็นซอสราดได้อร่อยมาก
คุกกี้ถือเป็นขนมอบทำง่ายและเหมาะมากสำหรับมือใหม่เนื่องจากส่วนผสมน้อย มีแค่แป้งสาลี ไข่ เนย น้ำตาล แค่นี้ก็ได้คุกกี้แล้ว ที่สำคัญรับประกันความสำเร็จ หรือฝรั่งเรียกว่า Fail Proof อบที่อุณหภูมิ 160-180 องศาเซลเซียส ไม่เกิน 10-15 นาที ก็เป็นอันเสร็จ จากนั้นเราจะเพิ่มความพิเศษด้วยการใส่ถั่ว ช็อกโกแลตเครื่องเทศสมุนไพร หรือผลไม้แห้ง ลงไปในคุกกี้โด (cookie dough) ก็ตามแต่ความพิสมัยได้เลยคุกกี้ขนมผิงชนิดนี้มีเสน่ห์อยู่ที่เครื่องเทศหอมๆ เหมาะมากที่จะทำในงานเทศกาลต่างๆ กดออกมาเป็นรูปดาว หัวใจต้นคริสต์มาสหรือตุ๊กตาขนมผิง อบเสร็จแล้วตกแต่งด้วย royal icing สีสันต่างๆตามความชอบ เอาไปฝากใครใครก็ชอบ
เรียกว่าเป็นคุกกี้สุดป๊อปปูล่าของนักอบชาวไทย ช่วงเทศกาลปีใหม่จะเห็นคุกกี้ชนิดนี้วางขายกันดาษดื่นเนื่องจากราคาไม่แพง เก็บได้นาน เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝากเพื่อนฝูง และที่สำคัญ “อร่อย” กินเข้าไปได้สัมผัสกรุบกรอบของคอร์นเฟลกส์ตัดรสอมเปรี้ยวของลูกเกดเข้ากันดีสุดๆ เรียกว่าทุกคนต้องเคยกินคุกกี้ชนิดนี้
ทิรามิสุถือเป็นขนมที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในประเทศไทยเนื่องจากความนุ่มนวลผสมกับความเข้มข้นของเนื้อครีมมัสคาร์โพเนชีส ทำให้ทิรามิสุเป็นที่ถูกอกถูกใจของ dessert lover ชาวไทย ผมก็เป็นคนหนึ่งที่สั่งทิรามิสุทุกครั้งที่มีโอกาสไปกิน อาหารอิตาเลียน ความอร่อยของขนมชนิดนี้ดั้งเดิมอยู่ที่ความขมและหอมนิดๆของน้ำกาแฟ ถ้าจะให้ดีต้องเป็นกาแฟ espresso ตามแบบฉบับอิตาเลียนแท้ๆบวกกับความหอมของเหล้าคาห์ลัว (kahlua) ยิ่งทำให้ความอร่อยของขนมชนิดนี้เพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว สำหรับสูตรในเล่มนี้ผมดัดแปลงทำทิรามิสุให้ง่ายขึ้นเลือกใช้ผงชาเขียวมัทฉะแทนกาแฟ และเพิ่มความเข้มข้นของมัสคาร์โพเนครีมด้วยไวท์ช็อกโกแลต ทำให้ได้ทิรามิสุชาเขียวเก๋ๆ ทำง่ายๆ โดยไม่ต้องง้อเตาอบ
หากใครมีโอกาสเดินทางไปยังเมืองผู้ดีอังกฤษ จะรู้ว่าขนมชนิดนี้มีถิ่นกำเนิดจากที่นี่ ทีเรียกว่า Triffle ก็เพราะว่ามีส่วนผสมเรียงกันเป็นลำดับชั้นอยู่ 3 อย่างเป็นพื้นฐาน นั่นคือ เนื้อเค้ก จะเป็นสปันจ์ ชิฟฟอน หรือบัตเตอร์เค้ก ก็ตามแต่ความชอบ คัสตาร์ด และสุดท้ายคือผลไม้สด กินร่วมกันสามอย่างจะได้รสสัมผัสหวานนวลเนียนและสดชื่นไปพร้อมๆกันสูตรนี้ผมเพิ่มเยลลีมาเป็นลูกเล่นด้วย ใครมีแยมผลไม้จำพวกสตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี ก็เอามากินร่วมกันประหนึ่งเป็นซอสจะอร่อยมาก
เมื่อพูดถึงอาหารเบรกแตก ทุกคนก็มักคิดถึงอาหารที่กรอบๆมันๆเคี้ยวเพลินกินแล้วแป๊บเดียวหมด ผมก็คิดถึงป๊อปคอร์นขึ้นมา ทั้งกรอบหอมอร่อยเคี้ยวเพลิน ตรงสเป๊กเบรกแตกเอามากๆ เรามาลองทำป๊อปคอร์นคาราเมลกันนะครับ ทำง่ายราคาถูก ทำกินเองได้ที่บ้าน เผลอแป๊บเดียวหมดเกลี้ยง
แอปเปิลครัมเบิลเหมาะสำหรับงานปาร์ตี้ เพราะทำง่าย อบเสร็จแล้วเสิร์ฟได้เลย ไม่ต้องแต่งครีมเพิ่มเติม ถ้ากินคู่กับไอศกรีมวานิลลายิ่งอร่อยขึ้นไปอีก
แครมบรูเลเป็นของหวานสไตล์ฝรั่งเศสนะครับ วิธีคล้ายๆคัสตาร์ด คือมีนม ครีม ไข่ไก่ และน้ำตาล เป็นวัตถุดิบหลัก หอมกลิ่นวานิลลา รสละมุนกลมกล่อม หลายๆคนชอบแน่นอน
ถ้าถามถึงขนมง่ายๆ ไม่ต้องเป็นเซียนขนมอบหรือ pastry chef ก็ทำได้โดยไม่ยาก ไม่ต้องปวดหัวเสียอารมณ์กับการลองผิดลองถูกทำไม่อร่อยดั่งใจซักที แถมไม่ต้องใช้เตาอบเสียด้วย หนึ่งในนั่นเห็นจะเป็น พันนาคอตต้าพุดดิ้งครีม ของหวานอิตาเลียน ที่ใครเป็นแฟนขนมต้องรู้จักเป็นอย่างดีพันนาคอตต้ามีลักษณะเหมือนพุดดิ้ง เนื้อสัมผัสเนียนละเอียด นิยมกินกับซอสเปรี้ยวจำพวกซอสสตรอว์เบอร์รีหรือราสป์เบอร์รี รสชาติหวานมันของนมและครีมจะตัดกันเป็นอย่างดีกับรสเปรี้ยวอมหวานของผลไม้ กินแล้วสดชื่น เหมาะจะเป็นขนมจบท้ายของอาหารมื้อหนักๆอย่างอาหารอิตาเลียนคราวนี้เราลองเอางาดำมาเพิ่มความเป็นเอเชียให้กับขนมอิตาเลียนของเราซักหน่อย กลายมาเป็น “พันนาคอตต้างาดำ” หน้าตาและรสชาติเป็นได้ทั้งยุโรปและเอเชียน สนองนี้ดของจบท้ายได้เหมือนเดิม