“หลังกินข้าวเสร็จ อยากจะล้างปากด้วยชาซักขวด จะเลือกขวดไหนดี” เรียกได้ว่าชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่ฮอตฮิตและติดเทรนด์อยู่ตลอด ไม่ว่าจะไปที่ไหน ‘ชาเขียวพร้อมดื่ม’ ก็มักจะมีอยู่ในร้านสะดวกซื้อแทบทุกร้าน ในเมื่อชาวกาแฟเลิฟเวอร์มีกาแฟในดวงใจ ชาเขียวเลิฟเวอร์ก็น่าจะมียี่ห้อและรสชาติที่ถูกอกถูกใจ ไม่ว่าจะเจอที่ร้านไหนก็ไม่วายจะซื้อติดไม้ติดมือมาเสมอ ใช่ค่ะ ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในชาเขียวเลิฟเวอร์เช่นกัน
วันนี้เลยยกชาเขียวพร้อมดื่มมาเป็นกองทัพ! เอาใจคนชอบดื่มชาเขียว ไม่ว่าจะกลิ่นอะไร ยี่ห้อไหน ทางเราได้คัดสรรมาแนะนำให้ทุกคนแล้ว โดยแบ่งไว้เป็นประเภท เพื่อเอามาเทียบกันให้เห็นไปเลยว่า อันไหนปัง! อันไหนบ้ง!
เริ่มจาก ‘ชาอู่หลง’ คือชาเขียวประเภทกึ่งหมัก ทำให้มีสี กลิ่นและรสชาติเข้มกว่าชาเขียวแต่ฝาดน้อยกว่าชาดำ ชาอู่หลงนิยมมากในประเทศจีน ไต้หวัน และยังลามไปถึงประเทศญี่ปุ่น แม้กระทั่งที่ไทยก็รู้จักชาอู่หลงมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากมีการวางขายตามร้านสะดวกซื้อ วันนี้เราเลือกชาอู่หลงมาทั้งหมด 3 ขวด
ทั้ง 3 ขวดที่ได้ชิมแล้วสรุปได้ง่ายๆ เลยคือ ชาอู่หลง ของ KUKURIN มีกลิ่นชาที่ชัดมาก ถ้าเทียบกับ SUNTORY ITO EN ตัวนี้ถือว่ากลิ่นชัดกว่า ในเรื่องรสชาติ ทั้ง 3 ขวดรสชาติใกล้เคียงกัน แต่ KUKURIN จะมีรสเข้มข้น และติดเปรี้ยวเล็กน้อย (น้อยมากๆ) ถ้าใครไม่ชอบชาที่รสขมติดเปรี้ยวแนะนำ SUNTORY ที่รสชาติอ่อนลงมาเล็กน้อย สำหรับคนที่ชอบดื่มชาอู่หลงรสอ่อนๆ ให้เลือกหยิบ ITO EN มาดื่มเลยค่ะ ดื่มง่ายกว่า ส่วนตัวชอบ ชาอู่หลง ของ KUKURIN ค่ะ เพราะรสชาเข้ม กลิ่นชาอู่หลงชัดกว่าตัวอื่นๆ
แต่ต้องบอกก่อนว่าทั้ง 3 ขวด เป็นแบบไม่มีน้ำตาล เหมาะสำหรับสายสุขภาพ ที่ไม่บริโภคน้ำตาล แต่สำหรับคนที่ชอบดื่มชาที่มีรสหวานชาอู่หลงก็มีบางสูตรที่ใส่น้ำตาลเช่นเดียวกัน หรือจะลองชาที่จะรีวิวตัวถัดไป ที่จะมาเอาใจสายดื่มชาหวานๆ หอมๆ อย่าง ‘ชาเขียวมะลิ’
ย้ำนะคะ ชาเขียวมะลิ! ไม่ใช่ชามะลิ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกัน ชามะลิทำจากชาอู่หลงอบกับดอกมะลิแท้ แต่ชาเขียวมะลิทำจากชาอู่หลงอบด้วยกลิ่นมะลิ ที่ผ่านการหมักและบ่มตามเวลาที่เหมาะสม ในวันนี้เราเลือกชามะลิมาเพียง 2 ขวด เอาล่ะ ทีนี้ก็มาวัดกันไปเลยสิคะ ว่าขวดไหนจะอร่อยกว่ากัน แต่ก็แอบเลือกยากเหมือนกันนะคะ ฮือๆ รักพี่เสียดายน้องจริงๆ เลือกสองขวดเลยไม่ได้เหรอ TT
ต้องบอกก่อนว่าในหมวดหมู่ชาทั้งหมด ส่วนตัวจะเลือกดื่มชามะลิบ่อยที่สุด เรียกได้ว่าเป็นประจำ ดื่มแทนน้ำเปล่าก็ว่าได้ และยี่ห้อที่เลือกก็คือ POKKA นั่นเอง เพราะมีกลิ่นมะลิที่หอมมาก และมีรสชาเขียวที่ไม่ขมจนเกินไป รสหวานพอดี
แต่ตั้งแต่มีคนทักว่า “มีอีกยี่ห้อนึงนะที่อร่อย” ก็ได้มีโอกาสได้ชิม ITO EN ซึ่งก็อร่อย แต่รู้สึกว่าหวานกว่า POKKA เป็นเพราะรสชาค่อนข้างอ่อนกว่า และกลิ่นมะลิน้อยกว่า ทำให้ได้แต่รสหวาน ไม่มีรสใดๆ มากลบ ถึงแม้ข้างขวดจะบอกปริมาณน้ำตาลของ POKKA ที่มากกว่า 0.50% ก็ตาม เอาจริงๆ ก็อร่อยทั้งคู่ ถ้าเจอขวดไหนที่ร้านไหนก็ขอให้หาซื้อมาลองดื่มกันเลยค่ะ รับรองไม่ผิดหวังทั้ง 2 ขวด
รสชาเขียวของทั้ง 3 ขวดนี้ บอกเลยว่า สูสีสุดๆ แต่ต้องยกให้ ชาเขียวของ FUJI ที่ทั้งอร่อย มีทั้งแบบหวานปกติ และไม่หวานเลย (ก็ของเขาขึ้นชื่ออยู่แล้วอ่ะเนอะ) แต่ของ OISHI ก็อร่อยไม่แพ้กัน สำหรับคนที่ชอบกลิ่นข้าวคั่วบอกเลยว่า เจ้านี้เขาก็ดัง ทั้งรสชาและกลิ่นข้าวคั่วที่ไปด้วยกันได้ดี มีรสหวานกลมกล่อม สำหรับคนที่ชอบดื่มหวานเลือกขวดนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน
สุดท้ายของ POKKA ที่ส่วนผสมต่างจากเจ้าอื่น มีทั้ง ชาสลัดสดและผงมัทฉะเพิ่มเข้ามา ทำให้มีรสชาเขียวที่มากกว่าของเจ้าอื่นๆ ซึ่งขวดนี้ค่อนข้างหายาก จะมีก็แต่ร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย หรือจะเป็นซูเปอร์ฯ ของญี่ปุ่น แต่แนะนำให้ลองดื่มดูค่ะ เพราะก็อร่อยไม่แพ้เจ้าดังกันเลยทีเดียว
มาต่อกันที่ชาพร้อมดื่มอันสุดท้าย ได้แก่ ‘โฮจิฉะ’ นั่นเอง ซึ่งโฮจิฉะก็คือชาเขียวที่ผ่านการคั่วที่อุณหภูมิประมาณ 200 องศาเซลเซียส และทำให้เย็นอย่างรวดเร็ว ซึ่งกระบวนการนี้แหละที่จะทำให้คาเฟอีนในชาเขียวน้อยลง ซึ่งคาเฟอีนเป็นสาเหตุหลักของรสชาติขมในชา นั่นก็แปลว่าโฮจิฉะจึงเป็นชาเชียวที่ให้รสชาตินุ่มละมุน ดื่มง่าย เพราะมีคาเฟอีนน้อยนิด
ใช่ค่ะ! เมื่อเป็นชาที่รสชาติละมุน ดื่มง่าย ทางเรานั้นก็คิดหนักซะเหลือเกิน ชิมแล้วชิมอีกว่าขวดไหนนะ ที่โดนใจ ถูกใจมากที่สุด ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ โฮจิฉะของ KUKURIN นั่นเอง เป็นชาที่กลิ่นหอมอ่อนๆ บวกกับรสชาที่พอดี ไม่เข้มไปหรืออ่อนจนเกินไป แต่ไม่ใช้ว่าขวดอื่นๆ จะไม่อร่อยนะคะ
ตัวโฮจิฉะของ POKKA เองก็มีกลิ่นชาที่ชัดกว่าของ KUKURIN แต่กลิ่นยังสู้รสชาที่อร่อยกลมกล่อมของ KUKURIN ไม่ได้ แต่นั่นแหละค่ะ สายหวานอย่างเราก็ไม่วายหยิบโฮจิฉะของ ICHITAN แบบมีน้ำตาลมาด้วย ซึ่งก็หวานพอดี ไม่หวานจนกลบรสชาติของชา แต่ถ้าใครสายหวานน้อยหรือไม่หวานเลย แนะนำ 2 ขวดแรกเลยค่ะ รับรองหอมละมุน ดื่มเพลิน ล้างปากหลังมื้ออาหารได้ดีมากๆ
รู้กันใช่ไหมคะว่าชาเขียวก็มี ‘คาเฟอีน’ เหมือนกันกับกาแฟ แต่ว่าชามีปริมาณคาเฟอีนที่น้อยกว่า ซึ่งชาแต่ละชนิดก็มีปริมาณคาเฟอีนที่แตกต่างกันไปอีก อย่างชาดำจะมีปริมาณคาเฟอีนมากที่สุด เฉลี่ย 23 – 110 มิลลิกรัม รองลงมาเป็นชาอู่หลง อยู่ที่ 12 – 55 มิลลิกรัม และชาเขียว 8 – 36 มิลลิกรัม การดื่มชาจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น รู้สึกผ่อนคลาย เพราะกลิ่นของชาจะช่วยทำให้ใจเย็น และผ่อนคลาย เช่น ชามะลิ หรือ ชาผลไม้ หรือแม้แต่ชาเขียวเองก็ตาม การดื่มชา 4 ครั้งต่อวันอย่างต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ จะช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นอะไรที่มากเกินไปก็มักจะเป็นโทษ หากดื่มชามากเกินไปก็จะทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน และในชายังมีสารแทนนินจำนวนมาก ซึ่งสารตัวนี้จะลดการดูดซึมของธาตุเหล็ก ทำให้เสี่ยงเป็นโรคโลหิตจางได้ ยังไงก็ดื่มแต่พอดีนะคะ ถึงจะอร่อยมากแค่ไหนก็ต้องดูแลสุขภาพกันด้วย
หมายเหตุ
คะแนนที่ได้ มาจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทีม KRUA.CO จำนวน 6 คน ที่ได้ช่วยกันชิมและลงคะแนน เลยรวบรวมคะแนนที่ได้มาหาค่าเฉลี่ย ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อมูลดังกล่าวจึงมาจากความชอบและความเห็นส่วนตัวนะคะ