“หลังกินข้าวเสร็จ อยากจะล้างปากด้วยชาซักขวด จะเลือกขวดไหนดี” เรียกได้ว่าชาเขียวเป็นเครื่องดื่มที่ฮอตฮิตและติดเทรนด์อยู่ตลอด ไม่ว่าจะไปที่ไหน ‘ชาเขียวพร้อมดื่ม’ ก็มักจะมีอยู่ในร้านสะดวกซื้อแทบทุกร้าน ในเมื่อชาวกาแฟเลิฟเวอร์มีกาแฟในดวงใจ ชาเขียวเลิฟเวอร์ก็น่าจะมียี่ห้อและรสชาติที่ถูกอกถูกใจ ไม่ว่าจะเจอที่ร้านไหนก็ไม่วายจะซื้อติดไม้ติดมือมาเสมอ ใช่ค่ะ ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในชาเขียวเลิฟเวอร์เช่นกัน
วันนี้เลยยกชาเขียวพร้อมดื่มมาเป็นกองทัพ! เอาใจคนชอบดื่มชาเขียว ไม่ว่าจะกลิ่นอะไร ยี่ห้อไหน ทางเราได้คัดสรรมาแนะนำให้ทุกคนแล้ว โดยแบ่งไว้เป็นประเภท เพื่อเอามาเทียบกันให้เห็นไปเลยว่า อันไหนปัง! อันไหนบ้ง!
เริ่มจาก ‘ชาอู่หลง’ คือชาเขียวประเภทกึ่งหมัก ทำให้มีสี กลิ่นและรสชาติเข้มกว่าชาเขียวแต่ฝาดน้อยกว่าชาดำ ชาอู่หลงนิยมมากในประเทศจีน ไต้หวัน และยังลามไปถึงประเทศญี่ปุ่น แม้กระทั่งที่ไทยก็รู้จักชาอู่หลงมากยิ่งขึ้น เห็นได้จากมีการวางขายตามร้านสะดวกซื้อ วันนี้เราเลือกชาอู่หลงมาทั้งหมด 3 ขวด
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-01-1-scaled.jpg)
ทั้ง 3 ขวดที่ได้ชิมแล้วสรุปได้ง่ายๆ เลยคือ ชาอู่หลง ของ KUKURIN มีกลิ่นชาที่ชัดมาก ถ้าเทียบกับ SUNTORY ITO EN ตัวนี้ถือว่ากลิ่นชัดกว่า ในเรื่องรสชาติ ทั้ง 3 ขวดรสชาติใกล้เคียงกัน แต่ KUKURIN จะมีรสเข้มข้น และติดเปรี้ยวเล็กน้อย (น้อยมากๆ) ถ้าใครไม่ชอบชาที่รสขมติดเปรี้ยวแนะนำ SUNTORY ที่รสชาติอ่อนลงมาเล็กน้อย สำหรับคนที่ชอบดื่มชาอู่หลงรสอ่อนๆ ให้เลือกหยิบ ITO EN มาดื่มเลยค่ะ ดื่มง่ายกว่า ส่วนตัวชอบ ชาอู่หลง ของ KUKURIN ค่ะ เพราะรสชาเข้ม กลิ่นชาอู่หลงชัดกว่าตัวอื่นๆ
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-02-1-scaled.jpg)
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-03-1-scaled.jpg)
แต่ต้องบอกก่อนว่าทั้ง 3 ขวด เป็นแบบไม่มีน้ำตาล เหมาะสำหรับสายสุขภาพ ที่ไม่บริโภคน้ำตาล แต่สำหรับคนที่ชอบดื่มชาที่มีรสหวานชาอู่หลงก็มีบางสูตรที่ใส่น้ำตาลเช่นเดียวกัน หรือจะลองชาที่จะรีวิวตัวถัดไป ที่จะมาเอาใจสายดื่มชาหวานๆ หอมๆ อย่าง ‘ชาเขียวมะลิ’
ย้ำนะคะ ชาเขียวมะลิ! ไม่ใช่ชามะลิ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีความแตกต่างกัน ชามะลิทำจากชาอู่หลงอบกับดอกมะลิแท้ แต่ชาเขียวมะลิทำจากชาอู่หลงอบด้วยกลิ่นมะลิ ที่ผ่านการหมักและบ่มตามเวลาที่เหมาะสม ในวันนี้เราเลือกชามะลิมาเพียง 2 ขวด เอาล่ะ ทีนี้ก็มาวัดกันไปเลยสิคะ ว่าขวดไหนจะอร่อยกว่ากัน แต่ก็แอบเลือกยากเหมือนกันนะคะ ฮือๆ รักพี่เสียดายน้องจริงๆ เลือกสองขวดเลยไม่ได้เหรอ TT
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-04-1-scaled.jpg)
ต้องบอกก่อนว่าในหมวดหมู่ชาทั้งหมด ส่วนตัวจะเลือกดื่มชามะลิบ่อยที่สุด เรียกได้ว่าเป็นประจำ ดื่มแทนน้ำเปล่าก็ว่าได้ และยี่ห้อที่เลือกก็คือ POKKA นั่นเอง เพราะมีกลิ่นมะลิที่หอมมาก และมีรสชาเขียวที่ไม่ขมจนเกินไป รสหวานพอดี
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-05-1.jpg)
แต่ตั้งแต่มีคนทักว่า “มีอีกยี่ห้อนึงนะที่อร่อย” ก็ได้มีโอกาสได้ชิม ITO EN ซึ่งก็อร่อย แต่รู้สึกว่าหวานกว่า POKKA เป็นเพราะรสชาค่อนข้างอ่อนกว่า และกลิ่นมะลิน้อยกว่า ทำให้ได้แต่รสหวาน ไม่มีรสใดๆ มากลบ ถึงแม้ข้างขวดจะบอกปริมาณน้ำตาลของ POKKA ที่มากกว่า 0.50% ก็ตาม เอาจริงๆ ก็อร่อยทั้งคู่ ถ้าเจอขวดไหนที่ร้านไหนก็ขอให้หาซื้อมาลองดื่มกันเลยค่ะ รับรองไม่ผิดหวังทั้ง 2 ขวด
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-06-1-scaled.jpg)
รสชาเขียวของทั้ง 3 ขวดนี้ บอกเลยว่า สูสีสุดๆ แต่ต้องยกให้ ชาเขียวของ FUJI ที่ทั้งอร่อย มีทั้งแบบหวานปกติ และไม่หวานเลย (ก็ของเขาขึ้นชื่ออยู่แล้วอ่ะเนอะ) แต่ของ OISHI ก็อร่อยไม่แพ้กัน สำหรับคนที่ชอบกลิ่นข้าวคั่วบอกเลยว่า เจ้านี้เขาก็ดัง ทั้งรสชาและกลิ่นข้าวคั่วที่ไปด้วยกันได้ดี มีรสหวานกลมกล่อม สำหรับคนที่ชอบดื่มหวานเลือกขวดนี้ไม่ผิดหวังแน่นอน
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-08-1.jpg)
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-07-1-scaled.jpg)
สุดท้ายของ POKKA ที่ส่วนผสมต่างจากเจ้าอื่น มีทั้ง ชาสลัดสดและผงมัทฉะเพิ่มเข้ามา ทำให้มีรสชาเขียวที่มากกว่าของเจ้าอื่นๆ ซึ่งขวดนี้ค่อนข้างหายาก จะมีก็แต่ร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย หรือจะเป็นซูเปอร์ฯ ของญี่ปุ่น แต่แนะนำให้ลองดื่มดูค่ะ เพราะก็อร่อยไม่แพ้เจ้าดังกันเลยทีเดียว
มาต่อกันที่ชาพร้อมดื่มอันสุดท้าย ได้แก่ ‘โฮจิฉะ’ นั่นเอง ซึ่งโฮจิฉะก็คือชาเขียวที่ผ่านการคั่วที่อุณหภูมิประมาณ 200 องศาเซลเซียส และทำให้เย็นอย่างรวดเร็ว ซึ่งกระบวนการนี้แหละที่จะทำให้คาเฟอีนในชาเขียวน้อยลง ซึ่งคาเฟอีนเป็นสาเหตุหลักของรสชาติขมในชา นั่นก็แปลว่าโฮจิฉะจึงเป็นชาเชียวที่ให้รสชาตินุ่มละมุน ดื่มง่าย เพราะมีคาเฟอีนน้อยนิด
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-09-1-scaled.jpg)
ใช่ค่ะ! เมื่อเป็นชาที่รสชาติละมุน ดื่มง่าย ทางเรานั้นก็คิดหนักซะเหลือเกิน ชิมแล้วชิมอีกว่าขวดไหนนะ ที่โดนใจ ถูกใจมากที่สุด ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ โฮจิฉะของ KUKURIN นั่นเอง เป็นชาที่กลิ่นหอมอ่อนๆ บวกกับรสชาที่พอดี ไม่เข้มไปหรืออ่อนจนเกินไป แต่ไม่ใช้ว่าขวดอื่นๆ จะไม่อร่อยนะคะ
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-10-1-scaled.jpg)
ตัวโฮจิฉะของ POKKA เองก็มีกลิ่นชาที่ชัดกว่าของ KUKURIN แต่กลิ่นยังสู้รสชาที่อร่อยกลมกล่อมของ KUKURIN ไม่ได้ แต่นั่นแหละค่ะ สายหวานอย่างเราก็ไม่วายหยิบโฮจิฉะของ ICHITAN แบบมีน้ำตาลมาด้วย ซึ่งก็หวานพอดี ไม่หวานจนกลบรสชาติของชา แต่ถ้าใครสายหวานน้อยหรือไม่หวานเลย แนะนำ 2 ขวดแรกเลยค่ะ รับรองหอมละมุน ดื่มเพลิน ล้างปากหลังมื้ออาหารได้ดีมากๆ
![](https://krua.co/wp-content/uploads/2022/09/ArticlePic_1670x1095-11-1-scaled.jpg)
รู้กันใช่ไหมคะว่าชาเขียวก็มี ‘คาเฟอีน’ เหมือนกันกับกาแฟ แต่ว่าชามีปริมาณคาเฟอีนที่น้อยกว่า ซึ่งชาแต่ละชนิดก็มีปริมาณคาเฟอีนที่แตกต่างกันไปอีก อย่างชาดำจะมีปริมาณคาเฟอีนมากที่สุด เฉลี่ย 23 – 110 มิลลิกรัม รองลงมาเป็นชาอู่หลง อยู่ที่ 12 – 55 มิลลิกรัม และชาเขียว 8 – 36 มิลลิกรัม การดื่มชาจะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น รู้สึกผ่อนคลาย เพราะกลิ่นของชาจะช่วยทำให้ใจเย็น และผ่อนคลาย เช่น ชามะลิ หรือ ชาผลไม้ หรือแม้แต่ชาเขียวเองก็ตาม การดื่มชา 4 ครั้งต่อวันอย่างต่อเนื่อง 6 สัปดาห์ จะช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นอะไรที่มากเกินไปก็มักจะเป็นโทษ หากดื่มชามากเกินไปก็จะทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน และในชายังมีสารแทนนินจำนวนมาก ซึ่งสารตัวนี้จะลดการดูดซึมของธาตุเหล็ก ทำให้เสี่ยงเป็นโรคโลหิตจางได้ ยังไงก็ดื่มแต่พอดีนะคะ ถึงจะอร่อยมากแค่ไหนก็ต้องดูแลสุขภาพกันด้วย
หมายเหตุ
คะแนนที่ได้ มาจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากทีม KRUA.CO จำนวน 6 คน ที่ได้ช่วยกันชิมและลงคะแนน เลยรวบรวมคะแนนที่ได้มาหาค่าเฉลี่ย ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อมูลดังกล่าวจึงมาจากความชอบและความเห็นส่วนตัวนะคะ