แจกเมนูทำทีเดียวเก็บไว้กินนานๆ ยิ่งนานยิ่งอร่อย

17,192 VIEWS
PIN

image alternate text
image alternate text
รวมเมนูสู้วิกฤติโควิด ทำทีเดียวและรู้เทคนิคเก็บก็เอาไว้กินได้ยาวๆ

ช่วงวิกฤติแบบนี้ ไม่ว่าจะห้างสรรพสินค้า ตลาดสด หรือแม้แต่ร้านอาหารก็โดนผลกระทบกันทั่ว และสิ่งหนึ่งที่คนเรามักจะทำกันก็คือการกักตุ้น ของใช้อุปโภคบริโภคกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้ง หรือแม้แต่ของสดต่างๆ ก็ตาม สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้คนทั้งหลายกักตุนกันไว้ แต่การกักตุนของเหล่านี้นั้นก็ต้องคำนึงถึงการเก็บรักษาด้วยเช่นกัน ถ้าเป็นของแห้งก็หายห่วงไปหน่อย เพียงแค่ดูวันหมดอายุเท่านั้น แต่ถ้าเป็นของสดอย่างเนื้อสัตว์ต่างๆ หรือผักหลากหลาย ก็อาจจะต้องมีเทคนิคกันนิดหน่อยในการกักตุน ซึ่งถ้าไม่อยากกักตุนเป็นของสด ก็เปลี่ยนแปลงให้เป็นเมนูอาหารแล้วเก็บในตู้เย็น แบ่งเป็นมื้อๆ หิวเมื่อไรก็แค่หยิบออกมาอุ่นกินเป็นมื้อๆ ได้เลย

วันนี้เลยจะมานำเสนอเมนูที่ทำทีเดียวแต่เก็บไว้กินได้นาน แถมยิ่งเก็บนานยิ่งอร่อย ยิ่งอุ่นยิ่งเข้าเนื้อ รสชาติยิ่งเข้มข้น รับรองว่าจะทำให้การกักตัวไม่จำเจและน่าเบื่อ เพราะเราจะชาเลนจ์ตัวเองเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสในการฝึกทำอาหารจากของกักตุนให้เป็นเมนูสุดโปรดที่อยู่ได้ยาวนานถึง 14 วันกันไปเลย

 

เมนูยิ่งต้มยิ่งอร่อย

อย่างที่รู้กัน มีหลากหลายเมนูมากที่หลายบ้านมักทำเป็นหม้อใหญ่เก็บไว้กินได้นานๆ ไม่ว่าจะเป็นต้มจืด แกงกะทิ หรือเมนูต้มตุ๋นอื่นๆ อีกมากมาย แต่ถ้าจะเก็บไว้กินนานๆ เรียกได้ว่า 5 วันขึ้นไปนั้น ต้องเลือกเมนูที่ไม่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ นอกจากเก็บได้นาน เมื่อนำมาอุ่นบ่อยๆ ก็ยิ่งทำให้ข้นขึ้นไปอีก เริ่มที่เมนูแรก ต้มจับฉ่าย ยิ่งต้มยิ่งอร่อย ยิ่งอุ่นยิ่งดี เพราะเมนูนี้เป็นเมนูที่รวมสารพัดผักทั้งหลายเอามาต้มในหม้อเดียวกัน ต้มไปต้มมาอร่อยอย่าบอกใครเลยละ ผักที่เอามาต้มนั้นมีให้เลือกหลากหลายทั้งผักหัวและผักใบ ไม่ว่าจะเป็นกะหล่ำปลี กวางตุ้ง คะน้า หัวไช้เท้า ผักโขม ที่สำคัญ อย่าใส่เต้าหู้ลงไปเด็ดขาด เพราะเต้าหู้เป็นตัวทำให้ต้มจับฉ่ายของเราเสียง่ายขึ้น เครื่องปรุงรสที่ช่วยชูรสให้กับต้มจับฉ่ายก็ได้แก่ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย เกลืออีกเล็กน้อย หรือใครอยากท้าทายความสามารถหน่อยก็ใช้น้ำสต๊อกไก่หรือหมูเป็นน้ำสำหรับต้มจับฉ่าย รสชาติก็จะเข้มข้นเข้าไปอีก แต่หากไม่มีน้ำสต๊อกก็ไม่เป็นไร ใช้น้ำเปล่าต้มเอาก็ได้ อร่อยไม่แพ้กัน

คลิกดูสูตรต้มจับฉ่าย

คลิกดูสูตรไข่พะโล้

ไข่พะโล้ เป็นเมนูที่ยิ่งต้มยิ่งอร่อยอีกเมนูหนึ่ง เพราะเมื่อต้มไปนานๆ เข้า เนื้อหมูที่เราใส่ไปจะยิ่งนุ่มขึ้น น้ำพะโล้เข้าไปในเนื้อหมูมากขึ้น ทำให้ยิ่งอร่อยกว่าวันแรกๆ จะเลือกใช้หมูสันคอ หมูสามชั้น ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละบ้าน หลักการทำก็ง่ายๆ หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นขนาดเท่าๆ กัน ต้มกับเครื่องพะโล้ เครื่องปรุงรสต่างๆ ให้เนื้อหมูนุ่มอร่อย ก่อนจะปิดไฟแล้วเอาไข่ที่ต้มแล้วลงไปแช่ในน้ำพะโล้ที่ต้มเสร็จเรียบร้อย ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วค่อยนำมากินในวันรุ่งขึ้น แค่นี้ก็อร่อยกว่าวันแรกที่ทำแล้ว และนอกจากจะทำเป็นพะโล้ยังทำเป็น เมนูหมูตุ๋น ได้ เพียงแค่ไม่ต้องใส่เครื่องพะโล้ และไม่ต้องใส่ไข่ต้ม ก็ได้หมูตุ๋นแสนอร่อยแล้ว

 

เมนูแห้งๆ ก็อร่อยได้

น้ำพริก หมูหวาน หมูแดดเดียว ก็ทำเก็บไว้นานๆ กินกันได้เป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ น้ำพริก แนะนำให้ทำน้ำพริกแห้งดีกว่าน้ำพริกเปียกหรือน้ำพริกสด เพราะเก็บได้นานกว่า เก็บได้เป็นปีโดยไม่ต้องใส่สารกันบูดใดๆ ทั้งสิ้น น้ำพริกแห้งที่แนะนำให้ทำก็อย่างน้ำพริกกุ้งแห้ง น้ำพริกปลาแห้ง น้ำพริกกากหมู น้ำพริกนรก ที่ทำโดยใช้ส่วนผสมที่เป็นของแห้งทั้งพริกแห้ง กุ้งแห้ง ปลาแห้ง ทำแล้วเก็บใส่กระปุก ปิดฝาให้สนิทแช่ในตู้เย็นก็เก็บไว้กินได้นานๆ แล้ว

คลิกดูสูตรน้ำพริกกุ้งแห้ง

คลิกดูสูตรน้ำพริกกากหมู

คลิกดูสูตรน้ำพริกปลาสลิด

คลิกดูสูตรน้ำพริกข่า

หมูหวาน ก็ทำไว้เยอะๆ เก็บไว้กินกับน้ำพริกหรือไข่ต้มได้ ใช้เนื้อหมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แต่ไม่เล็กมากจนเกินไป เคี่ยวกับน้ำและเครื่องปรุงรสอย่างน้ำตาลมะพร้าว ซีอิ๊ว น้ำมันหอย และเกลือ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนไปเรื่อยๆ จนเนื้อหมูเปื่อยนุ่ม และน้ำงวดลงเล็กน้อย เพียงเท่านี้เราก็ได้หมูหวานเนื้อนุ่มอร่อยๆ เก็บไว้กินไปยาวๆ ได้แล้ว

ข้าวเหนียวหมูหวาน

คลิกดูสูตรข้าวผัดกะปิ

คลิกดูสูตรข้าวเหนียวหมูแดดเดียวเค็ม

หมูแดดเดียว ก็เช่นกัน ทำเก็บไว้กินได้นานแบบนานแสนนานได้เลย พ้นวิกฤติแล้วก็ยังเก็บไว้กินได้อีก เพราะเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งของครัวไทยที่มีมาตั้งนานแล้ว แค่นำเอาเนื้อหมูส่วนสะโพก (แนะนำให้ใช้ส่วนนี้เพราะมีความเหนียวนุ่ม) มาหมักกับเครื่องปรุงอย่างสามเกลอ (รากผักชี กระเทียม และพริกไทย) โขลกรวมกันแล้วหมักกับเครื่องปรุงรสต่างๆ หมักทิ้งไว้สัก 1-2 ชั่วโมง ก่อนนำไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาเก็บในถุงซิปล็อก หรือจะทอดกินเลยก็ได้

เมนูอินเตอร์ก็เก็บไว้กินนานได้

เมนูอินเตอร์ที่ว่าก็คือ แกงกะหรี่แบบญี่ปุ่น ที่มักนิยมทำเป็นหม้อใหญ่ๆ เก็บไว้กินหลายวัน ที่สำคัญไปกว่านั้น ยิ่งเติมยิ่งอร่อย เพราะสามารถเติมน้ำ เติมเครื่องเข้าไปได้เรื่อยๆ เพิ่มความอร่อยขึ้นไปอีก เลือกใช้ก้อนแกงกะหรี่สำเร็จรูปที่มีขายอยู่มากมาย ระดับความเผ็ดก็มีให้เลือกหลายระดับ ปรุงรสได้ตามชอบ ส่วนผักหรือเนื้อสัตว์ที่จะใส่ในแกงกะหรี่นั้นก็มีทั้งหอมใหญ่ แครอท หรือบางคนอาจจะใส่บรอกโคลี มันฝรั่งลงไปก็ได้ แต่แนะนำอย่าใส่มันฝรั่งจะดีกว่าถ้าหากจะเก็บไว้กินนานๆ เพราะมันฝรั่งจะทำให้เสียเร็ว เนื้อสัตว์จะใส่หมูสับปั้นก้อน หมูสไลซ์ หรือหมูหั่นชิ้นแบบเต๋าได้ทั้งนั้น เคี่ยวในแกงกะหรี่ให้สุกนุ่มก่อนจะใส่ผักลงไป เคี่ยวต่อให้ผักนุ่มเล็กน้อย เก็บไว้กินได้นานๆ กันเลย

คลิกดูสูตรข้าวแกงกะหรี่หน้าทงคัตสึ

ข้าวแกงกะหรี่ไก่คาราอาเกะ

คลิกดูสูตรข้าวแกงกะหรี่กุ้งทอด

เก็บอย่างไรให้อยู่ได้นาน

อาหารทั้งหมดที่กล่าวไปนั้น ถ้าจะเก็บให้อยู่ได้นานๆ แนะนำให้เก็บแยกเป็นกล่องๆ สำหรับแต่ละมื้อ ดีกว่าเก็บในหม้อใบใหญ่ที่อาจทำให้ระยะเวลาในการเก็บสั้นลงได้ เพราะการเก็บในหม้อใหญ่เราต้องเอาหม้อเข้าออกตู้เย็นหลายรอบ ทำให้อาจจะเสียง่ายกว่าเก็บเป็นกล่องเล็กๆ แยกเป็นมื้อๆ เวลาจะกินก็หยิบมาแค่กล่องเดียว อุ่นแล้วกินให้หมด เพียงเท่านี้อาหารทั้งหลายที่เราลงแรงทำไว้ก็จะอยู่ได้นาน เพียงพอสำหรับการกักตัวของทุกคน และจะทำให้การกักตัวของเรามีของอร่อยกินแบบไม่ต้องเบื่ออีกต่อไป

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS