ย่างเข้าสู่ปลายฤดูหนาวแบบนี้ถ้าผ่านพ้นไปแล้วไม่ได้กิน สะเดา ก็จะกระไรอยู่ แต่ถ้าจะเอามาทำเป็นเมนูสะเดาน้ำปลาหวานแบบทั่วๆ ไป ก็เบื่อเสียแล้ว เลยหาเมนูอะไรใหม่ๆ ที่กินคู่กับสะเดาแล้วอร่อยเช่นเดียวกันกับการกินสะเดาคู่น้ำปลาหวาน แต่ก่อนที่จะเฉลยว่าเราจะทำเมนูอะไรนั้น มาทำความรู้จักสะเดาและสรรพคุณกันสักนิดนะคะ
สะเดานั้นเป็นสมุนไพรที่มีรสขมแต่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์นับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะช่วยย่อย ช่วยล้างพิษ บำรุงหัวใจ เลยถือเป็นเมนูที่เรียกได้ว่าเป็นสำรับไทย ที่อยู่คู่ครัวไทยมานานแสนนาน ถามคนรุ่นพ่อ รุ่นแม่ หรือจะลงไปจนถึงรุ่นปู่ รุ่นย่า รับประกันได้ว่าต้องเคยกินและอาจจะชอบสะเดากันด้วยก็เป็นได้ เพราะความขมของสะเดาเข้ากันได้ดีกับความมันของปลาดุกและความหวานของน้ำปลาหวาน เมนูสะเดาน้ำปลาหวานจึงถือเป็นการจับคู่รสชาติที่เข้ากันอย่างลงตัว
ปกติสะเดาจะมีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ สะเดาแดง และ สะเดาขาว โดยสะเดาแดงจะมีรสขมมากกว่าจึงเป็นที่นิยมของเหล่าสาวกสะเดาที่ชอบความขม แต่หากว่าใครเป็นมือใหม่หัดกินสะเดาอย่างผู้เขียนละก็ แนะนำให้เลือกกิน สะเดาขาว หรืออีกชื่อคือ สะเดามัน ก่อน เพราะจะมีความมันและขมอ่อนๆ แตกต่างจากความขมของสะเดาแดง ส่วนวิธีการสังเกตว่าอันไหนสะเดาแดงอันไหนสะเดาขาวให้ดูที่ก้านและใบเป็นสำคัญ ถ้าสีของก้านเป็นสีแดงและใบมีสีเขียวเข้ม นั่นหมายความว่าสะเดานั้นคือสะเดาแดง แต่ถ้าหากว่าก้านเป็นสีน้ำตาลอ่อน ใบและดอกสีอ่อนกว่า ก็แปลว่าสะเดานั้นเป็นสะเดาขาวหรือสะเดามัน
อย่างที่บอกไว้ข้างต้นว่าความขมของสะเดาเข้ากันได้ดีเมื่อกินกับปลาดุกย่างและน้ำปลาหวาน แต่หากว่าจะลองเปลี่ยนดูบ้าง ทางผู้เขียนก็คิดว่าน่าจะนำเอาสะเดามายำในแบบโบราณที่ใส่น้ำพริกเผาและหัวกะทิลงในน้ำยำ แถมด้วยเครื่องเคล้าอย่างหอมเจียว ถั่วลิสง และมะพร้าวขูด เพิ่มความหอมมันเข้าไปอีก และเปลี่ยนตัวเนื้อสัตว์ให้เป็นไก่ย่างที่ขอเลือกใช้ส่วนน่องติดสะโพก เพราะมีความมันและนุ่มคล้ายเนื้อสัมผัสของปลาดุก
นำไปเคล้ากับเครื่องเทศอย่างสามเกลอ และหมักด้วยเครื่องปรุงรสต่างๆ ให้ออกเค็มเล็กน้อย เมื่อกินคู่กันกับตัวน้ำยำและสะเดา บอกได้เลยว่าจะลืมความขมของสะเดาในพริบตา ซึ่งผู้เขียนใช้ชื่อเมนูนี้ว่า ยำสะเดาน้ำพริกเผา ใครอยากลองหัดกินสะเดาหรือเป็นสายสะเดาอยู่แล้วก็ตาม ลองทำเมนูนี้กินดูนะคะ รับประกันว่าอร่อยไปอีกแบบไม่แพ้ต้นตำรับอย่างสะเดาน้ำปลาหวานเป็นแน่
อ่านบทความเพิ่มเติม