ใครรักชีสเค้กยกมือขึ้น! วันนี้ KRUA.CO เอาใจสาวกชีสเค้กด้วยการแจกสูตรชีสเค้กแสนอร่อยไปเลย 8 สูตรจุกๆ ทุกสูตรรับประกันความอร่อย หอมเข้มข้นรสชีสเข้มใจ และรับรองว่าทำง่าย ทำตามได้แน่นอน
นิวยอร์กชีสเค้ก
ชีสเค้กสายเข้มข้นต้องยกให้ New York Cheesecake ชีสเค้กสไตล์อเมริกัน รสครีมชีสเข้มข้น นวลเนียน หวานมัน กินกับชากาแฟร้อนเข้ากันดีนักหนา ซึ่งการทำชีสเค้กชนิดนี้ไม่ยากเกินเอื้อมสำหรับมือใหม่ แค่อาศัยความละเอียดในการตีครีมชีสให้เนียน อย่าให้เป็นเม็ด ใส่ไข่แล้วไม่ต้องตีเยอะ เพราะเค้กชนิดนี้ไม่ต้องการให้เกิดฟองอากาศ
ส่วนผสม
– ครีมชีส 750 กรัม
– แป้งข้าวโพด 25 กรัม
– น้ำตาลทรายขาว 150 กรัม
– ซาวร์ครีม 145 กรัม
– ไข่ไก่ 3 ฟอง
– วานิลลา 1 ฝัก (สามารถใช้เป็นกลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา)
– น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ
ฐานชีสเค้ก
– ไดเจสทีฟบิสกิต 225 กรัม
– น้ำตาลทรายขาว 15 กรัม
– เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
– เนยสดชนิดจืดละลาย 100 กรัม
อุปกรณ์ พิมพ์ถอดฐานขนาด 8 นิ้ว กระดาษไข แผ่นอะลูมิเนียมฟอยด์ ถาดรองอบ
1. เตรียมเตาอบ: อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส
2. เตรียมพิมพ์: ปูกระดาษไขด้านข้าง และด้านล่างด้านในพิมพ์ ส่วนด้านนอกหุ้มด้วยแผ่นอะลูมิเนียมฟอยด์ให้รอบ
3. ทำฐานบิสกิต: ผสมไดเจสทีฟบิสกิต น้ำตาลทราย และเกลือป่น คนให้เข้ากัน ใส่เนยละลาย คนพอเข้ากัน เทใส่พิมพ์ กดอัดให้แน่น นำเข้าอบ 10 นาที นำออกจากเตา พักไว้
4. การผสมชีสเค้ก: ทำชีสเค้กโดยตีครีมชีสด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้าให้นุ่ม ใส่แป้งข้าวโพด น้ำตาลตีต่อจนเนียน ใส่ซาวร์ครีม ไข่ไก่ และไข่แดง ตีให้เข้ากัน กรีดฝักวานิลลา ปาดเอาแต่เมล็ด ใส่ลงในครีมชีส ตามด้วยน้ำเลมอน ตีให้เข้ากัน พักไว้
5. การอบ: เทครีมชีสใส่พิมพ์ นำเข้าอบหล่อน้ำประมาณ 50 นาที- 1 ชั่วโมง ครบเวลา ปิดไฟ
6. การจัดเสิร์ฟ: ทิ้งไว้ในเตาอบจนเย็นสนิทแล้วนำเข้าตู้เย็น 1คืนก่อนตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟ
เทคนิค : ตีครีมชีสให้เนียน อย่าให้เป็นเม็ด ใส่ไข่แล้วไม่ต้องตีเยอะ เพราะเค้กชนิดนี้ไม่ต้องการให้เกิดฟองอากาศ
ชีสเค้กหน้ารังผึ้ง
ชีสเค้กเเบบไม่อบที่ผสมผสานความหอมหวานจากน้ำผึ้งเเท้เเละความเปรี้ยวของเลมอนเข้าไว้ด้วยกัน สอดไส้ชั้นเยลลี่เลมอนน้ำผึ้งรสหวานอมเปรี้ยว เพิ่มความกรุบกรอบจากชั้นบิสกิต ยกระดับชีสเค้กธรรมด้วยการตกแต่งลวดลายบนหน้าชีสเค้กคล้ายรังผึ้ง
ส่วนผสม
– ครีมชีสนุ่ม 400 กรัม
– โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 100 กรัม
– น้ำผึ้ง 100 กรัม
– น้ำเลมอน 30 กรัม
– เจลาตินชนิดแผ่นละลาย 8 กรัม (น้ำหนักก่อนแช่)
– วิปปิ้งครีมตีแบบตั้งยอดอ่อน 200 กรัม
– น้ำผึ้งสำหรับราดหน้าชีสเค้ก
เยลลี่น้ำผึ้งมะนาว
– น้ำอุ่น 150 กรัม
– น้ำผึ้ง 75 กรัม
– น้ำเลมอน 20 กรัม
– เจลาตินชนิดแผ่นแช่น้ำเย็นให้นุ่ม 9 กรัม (น้ำหนักก่อนแช่)
ฐานชีสเค้ก
– ไดเจสทีฟบิสกิต 150 กรัม
– เนยสดชนิดเค็มละลาย 75 กรัม
อุปกรณ์ พิมพ์วงแหวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 นิ้ว พิมพ์วงแหวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 นิ้ว พลาสติกแร็ป อะลูมิเนียมฟอยด์ พลาสติกกันกระแทก สีเหลืองไข่
วิธีทำ
1. เตรียมพิมพ์: วางพิมพ์วงแหวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7 นิ้วลงบนแผ่นพลาสติกกันกระแทก ใช้กรรไกรตัดเป็นแผ่นวงกลมให้พอดีกับพิมพ์ จากนั้นหุ้มปิดฐานพิมพ์ด้วยอะลูมิเนียมฟอยด์ วางใส่จานหรือถาด
2. เตรียมพิมพ์เยลลี่: ใช้พลาสติกแร็ปหุ้มปิดฐานพิมพ์วงแหวนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6 นิ้ว วางบนจานหรือถาด
3. การทำเยลลี่น้ำผึ้งมะนาว: ผสมน้ำร้อน น้ำผึ้ง น้ำเลมอนและเจลาตินนุ่มเข้าด้วยกัน เทใส่พิมพ์ขนาด 6 นิ้วที่เตรียมไว้ นำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดานาน 30 นาทีหรือจนเยลลี่เซ็ตตัวดี
4.ทำฐานบิสกิต: ปั่นไดเจสทีฟบิสกิตในเครื่องผสมอาหารให้ละเอียด เทใส่อ่างผสม ใส่เนยสดชนิดเค็มละลาย ผสมให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์ขนาด 7 นิ้ว ใช้ช้อนหรือก้นแก้วอัดฐานให้แน่นและเรียบเสมอกัน นำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา พักไว้
5. การผสมชีสเค้ก: ใช้พายซิลิโคนบี้ครีมชีสจนเนื้อเนียนไม่เป็นเม็ด ใส่โยเกิร์ต น้ำผึ้ง น้ำเลมอนและเจลาตินละลาย ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน ใส่วิปปิ้งครีมตีแบบตั้งยอดอ่อนลงไป ผสมให้เข้ากัน
6. การทำเลเยอร์ชีสเค้ก: ตักส่วนผสมครีมชีส 1/3 ส่วนใส่ลงในพิมพ์ขนาด 7 นิ้ว เกลี่ยให้เสมอกัน แช่ตู้เย็นช่องธรรมดานาน 20 นาทีหรือจนครีมชีสเซ็ตตัว (ทดสอบโดยใช้นิ้วแตะแล้วครีมชีสไม่ค่อยติดขึ้นมา) นำชีสเค้กออกจากตู้เย็น แกะพลาสติกแร็ปที่หุ้มด้านล่างพิมพ์เยลลี่ออก จากนั้นวางพิมพ์เยลลี่ตรงกลางชีสเค้กใช้มีดหรือสเปตูล่าแซะขอบเยลลี่ให้หลุดออกจากพิมพ์ ตักส่วนผสมครีมชีสอีก 1/3 ส่วนทับลงไป เกลี่ยให้เรียบ แช่ตู้เย็นช่องธรรมดานาน 20 นาทีหรือจนเซ็ตตัว นำชีสเค้กออกจากตู้เย็น ผสมครีมชีส 1/3 ส่วนสุดท้ายกับสีเหลืองไข่ให้เข้ากัน ตักใส่บนหน้าพิมพ์ เกลี่ยให้เสมอกัน
7. การทำหน้ารังผึ้ง: วางแผ่นกันกระแทกที่ตัดไว้ลงไป ค่อยๆใช้มือกดเบาให้แผ่นพลาสติกแนบกับหน้าชีสเค้ก นำเข้าตู้เย็นช่องแช่แข็งนาน 4 ชั่วโมงหรือจนผิวหน้าชีสเค้กแข็งตัว
8. วิธีการถอดพิมพ์:นำชีสเค้กออกจากช่องแช่แข็ง ลอกแผ่นอะลูมิเนียมฟอยด์ที่หุ้มด้านล่างพิมพ์และแผ่นพลาสติกกันกระแทกด้านบนออก ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาดประคบโดยรอบพิมพ์ เพื่อให้ชีสเค้กคลายตัวออกจากพิมพ์ แล้วค่อยๆถอดพิมพ์วงแหวนออก
9. การจัดเสิร์ฟ: พักชีสเค้กไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาอีก 2 ชั่วโมงหรือจนชีสเค้กคลายตัว นำชีสเค้กออกจากตู้เย็น ราดด้านบนด้วยน้ำผึ้งให้ทั่ว ตัดเป็นชิ้น
ชีสเค้กนูเทลล่า
อีกหนึ่งรสชาติของชีสเค้กหน้าไหม้ที่จัดมาเอาใจคนรักช็อกโกแลต โดยสูตรนี้จะหอมเข้มข้นด้วยรสนูเทลล่า สเปรดช็อกโกแลตรสฮาเซลนัท เนื้อชีสเค้กเนียนนุ่มด้วยรสสัมผัสของครีมชีสและครีม
ส่วนผสม
– ครีมชีส นุ่ม 400 กรัม
– น้ำตาลทราย 80 กรัม
– แป้งข้าวโพด 15 กรัม
– นูเทลล่า (Nutella) 300 กรัม
– ไข่ไก่ เบอร์ 2 4 ฟอง
– กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
– วิปปิ้งครีม 180 กรัม
อุปกรณ์ พิมพ์เค้กกลมขนาด 2 ปอนด์ กระดาษไขสำหรับรองพิมพ์ เครื่องตีเค้กหรือเครื่องตีไข่ไฟฟ้า
วิธีทำ
1. เตรียมเตาอบ: อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส
2. เตรียมพิมพ์: ปูกระดาษไข 2 ชั้นด้านในพิมพ์เค้ก โดยให้ชายกระดาษไขพ้นพิมพ์ขึ้นมาอย่างน้อย 2 นิ้ว ตัดชายกระดาษที่ยาวเกินให้เรียบร้อย
3. การผสมชีสเค้ก: ต่อยไข่ไก่ลงในชาม ใส่กลิ่นวานิลลา เตรียมไว้ ใส่ครีมชีส น้ำตาลทราย แป้งข้าวโพด และนูเทลล่าลงในอ่างผสม ตีส่วนผสมด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้าความเร็วต่ำสุดจนนุ่มเนียน ค่อยๆ เทไข่ไก่ทีละฟองลงในอ่างผสม ใส่วิปปิ้งครีม ตามลำดับ ตีจนเนื้อชีสเค้กเนียน
4. การอบ: เทชีสเค้กใส่พิมพ์ ให้ต่ำกว่าขอบพิมพ์ 1 ซม. นำเข้าอบในเตาอบนาน 25 นาที นำออกจากเตา พักไว้บนตะแกรงจนเย็นสนิท
5. การจัดเสิร์ฟ: เข้าตู้เย็นช่องธรรมดาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงหรือข้ามคืน แล้วจึงยกออกจากพิมพ์ ตัดเป็นชิ้นตามต้องการ ชีสเค้กชนิดนี้ควรรับประทานแบบเย็นๆ
พายบลูเบอร์รีชีสเยิ้ม
ชีสเค้กแบบไม่อบ ที่ฮอตฮิตตลอดการ ทำกิน ทำขายกันทั่วบ้านทั่วเมืองอย่างพายบลูเบอร์รี เอามาทำเป็นชีสพายเนื้อหนา ไส้เยิ้มๆ เคล็ดลับคือทำครีมชีสให้เหลวโดยเพิ่มวิปปิ้งครีมและใส่เจลาตินให้ช่วยเซ็ตตัวเพียงเล็กน้อย เพื่อที่เวลาตัดออกมาเนื้อชีสจะได้นุ่ม จัดเป็นชีสเค้กสำหรับมือใหม่ที่ไม่มีเตาอบ สามารถทำเป็นของขวัญ หรือเค้กวันเกิดก็ได้
ส่วนผสม
ฐานพาย
– ไดเจสทีฟบิสกิต 250 กรัม
– เกลือ 1/8 ช้อนชา
– เนยสดชนิดเค็ม 130 กรัม
ชีสเค้ก
– ครีมชีส 300 กรัม
– นมข้นหวาน 100 กรัม
– วิปปิ้งครีม 190 กรัม
– น้ำมะนาว 50 กรัม
– เจลาตินชนิดผง 4 กรัม
หน้าบลูเบอร์รีโยเกิร์ต
– ครีมชีส 40 กรัม
– โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 80 กรัม
– บลูเบอร์รีกวนชนิดกระป๋อง 200 กรัม
อุปกรณ์ พิมพ์เค้กกลมถอดฐานได้ขนาด 1 ปอนด์ (6”) กระดาษไขสำหรับรองพิมพ์ เครื่องตีไข่ไฟฟ้า ไม้ปลายแหลม
วิธีทำ
1. เตรียมพิมพ์ปูด้านล่างพิมพ์ด้วยกระดาษไขตัดเป็นแผ่นกลม 1 แผ่น ตัดกระดาษไขเป็นแผ่นยาวปูโดยรอบด้านในพิมพ์
2. ทำฐานบิสกิต: ทำฐานแป้งพายโดยใส่ไดเจสทิฟบิสกิตลงในถุงซิปล็อกใช้ไม้บดให้ละเอียด จากนั้นเทใส่อ่างผสม ใส่เกลือ เนยละลายลงไปคลุกจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักบิสกิตลงในพิมพ์ที่ปูกระดาษไข เกลี่ยบิสกิตให้ทั่ว ใช้ช้อนกดให้แน่นทั้งด้านล่างและด้านข้างพิมพ์ นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องแข็ง 1 ชั่วโมงให้เซ็ตตัว
3. การผสมชีสเค้ก: ใส่ครีมชีสลงในอ่างผสม ตามด้วยนมข้นหวาน วิปปิ้งครีม และน้ำมะนาว ตีให้เข้ากัน ใส่น้ำ 1 ช้อนโต๊ะลงในถ้วยเจลาตินผง ทิ้งไว้สักครู่ให้เจลาตินดูดน้ำ แล้วนำไปละลายในไมโครเวฟจนได้น้ำเจลาตินใสๆ ใส่เจลาตินละลายลงในอ่างครีมชีส ตีให้เข้ากัน พักไว้
– 4. การทำหน้าบลูเบอร์รีโยเกิร์ต: เทไส้ครีมชีสใส่ลงในพิมพ์ เว้นขอบไว้ 1 ซม. เกลี่ยให้เรียบ เข้าตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างนั้นเตรียมหน้าโยเกิร์ตโดยผสมครีมชีสและโยเกิร์ตให้เนียนเข้ากัน นำชีสเค้กออกจากตู้เย็น ราดด้วยหน้าโยเกิร์ต เกลี่ยให้เรียบ ตักบลูเบอร์รีกวนหยอดเป็นหย่อมๆ ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้ม วาดหน้าให้สวยงามตามชอบ
5. การจัดเสิร์ฟ: ตัดพายบลูเบอร์รีชีสเยิ้ม เสิร์ฟเป็นชิ้นตามชอบ
คลิกดูสูตรพายบลูเบอร์รีชีสเยิ้ม
ชีสเค้กเสาวรส
ต่อกันที่ชีสเค้กแบบไม่อบอีกอีกหนึ่งตัว นั่นก็คือชีสเค้กเสาวรสที่มีความเปรี้ยวหวาน ละมุน ลงตัว ใช้เสาวรสที่เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังช่วยลดไขมันในเลือด บำรุงสายตา ดีต่อการขับถ่ายอีกต่างหาก
ส่วนผสม
– เจลาตินชนิดแผ่น ขนาด 3×9 นิ้ว 2 แผ่น
– ไดเจสทีฟโฮลวีตบิสกิตบดละเอียด 200 กรัม
– เนยสดชนิดจืดละลาย 100 กรัม
– น้ำตาลทราย 10 กรัม
– เกลือป่น ¼ ช้อนชา
– น้ำเสาวรส 100 กรัม
– ครีมชีสนุ่ม 250 กรัม
– น้ำตาลทราย 70 กรัม
– วิปปิ้งครีม 220 กรัม
เสาวรสเกลซ
– น้ำเสาวรส 150 กรัม
– น้ำตาลทราย 20 กรัม
– เจลาตินชนิดแผ่น ขนาด 3×9 นิ้ว 1 แผ่น
วิธีทำ
1. เตรียมพิมพ์: ห่อฐานพิมพ์ด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ด้านล่างของพิมพ์ วางลงบนถาด
2. เตรียมเจลาติน: แช่แผ่นเจลาตินในอ่างน้ำแข็งโดยแยกแช่สองอ่าง
3. ทำฐานบิสกิต: ปั่นไดเจสทีฟโฮลวีตบิสกิตในเครื่องปั่นอาหารให้ละเอียด เทใส่ในอ่างผสม ใส่เนยละลาย น้ำตาล และเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน กรุใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ใช้ช้อนอัดให้เรียบเสมอกัน ทำจนหมด นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องแช่แข็ง พักไว้
4. การทำเสาวรสเกลซ: ผ่าเสาวรสและกรองเอาแต่น้ำ (เก็บเมล็ดไว้) ใส่น้ำเสาวรสลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางพอร้อน ปิดไฟ ใส่เจลาตินที่นุ่มแล้ว คนให้เข้ากันและเจลาตินละลาย พักไว้
5. การผสมชีสเค้ก: ตีครีมชีสกับน้ำตาลในอ่างผสมด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้าจนเข้ากันดี เนื้อครีมมีลักษณะเนียน ค่อยๆใส่น้ำเสาวรสที่พักไว้ลงในอ่างครีมชีส คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
6. การจัดเสิร์ฟ: ค่อยๆใช้มีดแซะขอบด้านข้างของพิมพ์ออก จัดใส่จาน ราดด้วยเสาวรสเกลซ
ชีสเค้กซูเฟล
ชีสเค้กซูเฟล เนื้อนุ่ม ละลายในปาก สูตรชีสเค้กที่ถูกปรับจนได้เนื้อเค้กเนียนละเอียด คล้ายมูส รสสัมผัสเบานิ่มเมื่อแตะลิ้นและความหอมมันของนมและชีสที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ แม้จะไม่ได้ใช้นมสดฮอกไกโดเหมือนสูตรญี่ปุ่นแต่รับประกันความอร่อย หอม นุ่มไม่แพ้กัน
ส่วนผสม
– มัสคาร์โพเนชีส 100 กรัม
– ครีมชีส 100 กรัม
– วิปปิ้งครีม 50 กรัม
– นมสดชนิดจืด 80 กรัม
– น้ำตาลทราย 40+40 กรัม
– แป้งข้าวโพด 15+15 กรัม
– กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
– ไข่แดงไข่ไก่ 7 ฟอง
– ไข่ขาวไข่ไก่ 3 ฟอง
– น้ำมะนาว 8 กรัม
– ลูกเกดดำ ¼ ถ้วย
– น้ำตาลไอซิ่งสำหรับโรยหน้า
อุปกรณ์จำเป็น: พิมพ์เค้กกลมขนาด 2 ปอนด์ กระดาษไขสำหรับปูพิมพ์ ถาดและตะแกรงสำหรับอบหล่อน้ำ
วิธีทำ
1. เตรียมเตาอบ: อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส
2. เตรียมพิมพ์: ปูกระดาษไขด้านข้างและด้านล่างพิมพ์
3. การผสมชีสเค้ก: ใส่มัสคาร์โพเนชีส ครีมชีส ในอ่างผสม ใช้พายยางบี้ให้เข้ากันนำไปตั้งบนหม้อน้ำเดือดอ่อน พอให้ครีมชีสอ่อนตัวลง คนให้ส่วนผสมครีมชีสเข้ากัน ยกลง ใส่วิปปิ้งครีม นมสด น้ำตาล 40 กรัม แป้งข้าวโพด 15 กรัม ใช้ไม้พายบี้ให้ส่วนผสมเข้ากัน ใส่กลิ่นวานิลลาลงในไข่แดงใช้ตะกร้อมือตีผสมให้เข้ากัน แล้วเทไข่แดงลงในอ่างส่วนผสมชีส คนให้เข้ากัน พักไว้ (หากส่วนผสมไม่เนียนให้กรองด้วยกระชอน)
4. ทำเมอแรงก์: ตีไข่ขาวด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้าความเร็วปานกลางจนไข่ขาวเป็นฟองละเอียด แล้วจึงเริ่มใส่น้ำตาล 40 กรัมทีละน้อย ตีต่อจนไข่ขาวเริ่มตั้งยอดอ่อน ค่อยๆ ใส่แป้งข้าวโพด ตีต่อให้เข้ากัน แล้วใส่น้ำมะนาว ตีต่อจนไข่ขาวฟู ตั้งยอดอ่อนและมันวาว ตักเมอแรงก์ประมาณ 1/3 ส่วน ใส่ในอ่างไข่แดงที่พักไว้ ตะล่อมด้วยพายยางให้เข้ากัน แล้วจึงใส่เมอแรงก์ที่เหลือทีละส่วน ใส่ลูกเกดลงในพิมพ์ และเทชีสเค้กใส่พิมพ์
5. การอบ: วางชีสเค้กบนตะแกรงในถาดอบที่ใส่น้ำร้อน โดยไม่ให้ด้านล่างพิมพ์สัมผัสกับน้ำโดยตรง นำเข้าอบในเตาอบไฟบนล่างที่อุ่นไว้ อบนาน 50 นาที สังเกตหน้าชีสเค้กเป็นสีน้ำตาลทองและพองขึ้น ปิดไฟเตาอบ เปิดฝาเตาอบแง้มไว้เล็กน้อยเพื่อให้อุณหภูมิในเตาอบค่อยๆ ลดลง ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง พักเค้กไว้ในเตาอบจนเย็นสนิท นำออกจากเตาอบ ถอดพิมพ์และลอกกระดาษไขออก
6. การจัดเสิร์ฟ: โรยหน้าเค้กด้วยน้ำตาลไอซิ่ง ตัดชีสเค้กซูเฟลเป็นชิ้นใส่จาน
ชีสเค้กเนยถั่ว
ใครชอบกินเนยถั่วมาทางนี้! เพราะนี่คือชีสเค้กที่ทำให้เป็นรสชาติเนยถั่ว โดยชีสเค้กจะมีความมันๆ เพราะผสมเนยถั่วลงไปกับฐานบิสกิตด้วย ตัวชีสเค้กมีรสเปรี้ยวกำลังดี แล้วท็อปด้วยเนยถั่วอีกรอบ สายเนยถั่วเลิฟเว่อร์ต้องถูกใจสิ่งนี้
ส่วนผสม
– เนยถั่วสกิปปี 1½ ถ้วย
– น้ำตาลทรายขาว 2½ ถ้วย
– แครกเกอร์บดละเอียด 2½ ถ้วย
– ไข่ไก่ 7 ฟอง
– ครีมชีส 340 กรัม
– ซาวร์ครีม 1½ ถ้วย
– กลิ่นวานิลลา 1½ ช้อนโต๊ะ
– เนยถั่วสกิปปีแบบหลอด เม็ดมะม่วงหิมพานต์สับหยาบ ช็อกโกแลตสับหยาบ สำหรับตกแต่ง
อุปกรณ์ พิมพ์ทาร์ตแบบถอดฐานได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 9 x 9 นิ้ว
วิธีทำ
1. เตรียมเตาอบ: อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส ไฟบนล่าง
2. ทำฐานบิสกิต: ผสมเนยถั่วสกิปปี น้ำตาลทราย ½ ถ้วย แครกเกอร์บดละเอียด และไข่ไก่ 2 ฟอง ตีพอเข้ากัน ลงในอ่างผสม คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน กรุใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ใช้พายยางอัดให้เรียบเสมอกัน พักไว้ในตู้เย็น
3. การผสมชีสเค้ก: ตีครีมชีส ซาวร์ครีม น้ำตาลทราย 2 ถ้วย ไข่ไก่ 5 ฟอง และกลิ่นวานิลลา ลงในอ่างผสม ตีส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ จนส่วนผสมเนียนเข้ากันดี พอเนื้อชีสเค้กเข้ากันดีแล้ว เทเนื้อชีสเค้กลงในพิมพ์ทาร์ตที่กรุไว้ ใช้พายยางเกลี่ยหน้าให้เรียบเสมอกัน
4. การอบ: นำเข้าอบในเตาอบที่อุ่นไว้ อบนานประมาณ 50 นาที หรือจนชีสเค้กสุก นำออกมาพักบนตะแกรงจนหายร้อนแล้วนำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดานาน 3 ชั่วโมง ก่อนถอดออกจากพิมพ์
5. การจัดเสิร์ฟ: ตัดชีสเค้กเนยถั่วใส่จาน บีบเนยถั่วสกิปปี แบบหลอด บนหน้าชีสเค้ก โรยด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์สับหยาบ และช็อกโกแลตสับหยาบ เสิร์ฟ
ชีสพายมะยงชิด
มาทำชีสเค้กตามฤดูกาลกันบ้าง ในหนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่จะได้กินผลไม้อร่อยๆ อย่างมะยงชิด และจะต้องไม่พลาดที่จะเอาผลไม้แสนอร่อยมาทำขนมแสนอร่อยอย่างชีสพายมะยงชิด ความหวานอมเปรี้ยวของมะยงชิดไปกันได้ดีกับครีมชีสและความกรุบกรอบของฐานบิสกิต บอกเลยห้ามพลาด!
ส่วนผสม
– เนื้อมะยงชิดหั่นชิ้น 5 ลูก
– มะยงชิดปอกเปลือกคว้านเมล็ด 5 ลูก
– ดอกไม้กินได้และใบแก้วสำหรับตกแต่ง
– แก้วสำหรับจัดเสิร์ฟ
อุปกรณ์ Food Processor เครื่องตีไข่ไฟฟ้า
ฐานพาย
– ไดเจสทีฟบิสกิต 200 กรัม
– เกลือป่น ¼ ช้อนชา
– เนยสดชนิดจืดละลาย 80 กรัม
ซอสมะยงชิด
– น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม
– เนื้อมะยงชิดปั่น 160 กรัม
ครีมชีสฟิลลิ่ง
– ครีมชีสนุ่ม 250 กรัม
– น้ำตาลทราย 70 กรัม
– เกลือป่น ¼ ช้อนชา
– น้ำมะนาว 30 กรัม
– วิปปิ้งครีม 220 กรัม
– เนื้อมะยงชิดปั่น 50 กรัม
วิธีทำ
1. ทำฐานบิสกิต: ปั่นไดเจสทีฟบิสกิตใน Food Processorให้ละเอียด เทใส่ในอ่างผสม ใส่เกลือป่นและเนยละลาย คลุกเคล้าให้เข้ากันและกรุใส่ถ้วย ถ้วยละ 40 กรัม เตรียมไว้ ใช้ช้อนหรือกระปุกพลาสติกปลายแบนอัดให้เรียบเสมอกัน ทำจนหมด นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องแช่แข็ง 10 นาที พักไว้
2. ทำซอสมะยงชิด: ใส่น้ำตาลทรายและใส่เนื้อมะยงชิดปั่นลงในหม้อ ตั้งบนไฟกลางค่อนอ่อน คนให้เข้ากัน เคี่ยวให้น้ำตาลละลายและซอสข้นขึ้น ปิดไฟ พักไว้ให้เย็นนำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา
3. การผสมชีสเค้ก: โดยใส่ครีมชีส น้ำตาลทราย เกลือป่นและน้ำมะนาวในอ่างผสม ตีด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้าจนเข้ากันดี เนื้อครีมมีลักษณะเนียน ใส่วิปปิ้งครีม ตีต่อจนเข้ากัน ใส่เนื้อมะยงชิดปั่น ตีต่อจนเข้าเป็นเนื้อเดียว
4. การประกอบชีสพาย: ตักครีมชีสลงไปในแก้วที่ใส่ฐานบิสกิตไว้แล้ว ใส่ซอสมะยงชิดและตามด้วยครีมชีสอีกชั้น วางเนื้อมะยงชิดหั่น และมะยงชิดคว้านเมล็ด ราดด้วยซอสมะยงชิดให้ทั่ว
5. การจัดเสิร์ฟ: ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้และใบแก้ว ทำจนหมด พร้อมเสิร์ฟ