ชาชูซาเตี๊ยะ เมนูลูกผสมแบบใหม่ อร่อย ต้องลอง (ทำ)!

2,003 VIEWS
PIN

image alternate text
image alternate text
ถ้าเราอยากกิน ยากแค่ไหนเราก็จะแกะสูตรให้ได้

เชื่อว่าหลายคนต้องเคยรู้สึกอยากทำอาหารตามที่เห็นในโซเชียลทั้งหลาย กลางดึกวันนั้น ฉันก็เป็นเหมือนกัน ด้วยบังเอิญเปิดไปเจอเมนู ชาชูซาเตี๊ยะ’ จาก IG ของ food blogger คนหนึ่ง เราก็คิด เออ… เราไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลยเนอะ เคยได้ยินแต่ ‘ปลาทูซาเตี๊ยะ’ หรือที่บ้านเรียกว่า ‘ปลาทูต้มหวาน’ ที่คุณยายชอบทำ เพราะปลาทูจะถูกต้มจนเปื่อยกินได้ทั้งก้าง ที่สำคัญ ทำแล้วเก็บไว้กินได้นาน แต่หลังจากคุณยายไม่ได้ทำแล้วก็ซื้อจากแม่ค้ากินเอานี่แหละ พอโตขึ้นมาหน่อยก็เลยรู้ว่า ปลาทูซาเตี๊ยะ’ เป็นของดีของจังหวัดสมุทรสงครามใกล้ๆ กรุงเทพฯ นี่เอง

พอมาเห็นเมนูชาชูซาเตี๊ยะเลยคิดไปว่ามันต้องรสแบบปลาทูแน่เลย คือหวาน เค็ม เปรี้ยวมะขามนิดๆ มีกลิ่นขิงอ่อนๆ สิ่งที่ฉันไม่ชอบมาตั้งแต่เด็กของปลาทูซาเตี๊ยะคือกลิ่นคาวปลาทู แต่หากใช้หมูสามชั้นแทนมันคงไม่มีกลิ่นคาวแบบปลาทู และที่แน่ๆ คือได้ความนัวและซอสแบบเจลลี่ๆ ที่ได้จากมันหมูละลายไปด้วย ยังนึกชื่นชมคนคิดเมนูว่าช่างครีเอทดีจัง อีกอย่างถ้ารสแบบซาเตี๊ยะมันต้องอร่อยกว่าหมูชาชูของญี่ปุ่นที่มีแค่ 2 รสคือ หวานๆ เค็มๆ เเละเพื่อให้ครบเครื่องความเป็นซาเตี๊ยะ เจ้าของร้านเลยเสิร์ฟกับหอมแดง ขิงซอย กินเคียงกับพริกขี้หนู ผักชี โรยด้วยพริกแห้งทอดและหอมเจียว

วันรุ่งขึ้น ด้วยความอยากชิมจัด เลยสั่ง Line man ไปเอา ชาชูซาเตี๊ยะจากร้านคอหมูพระรามห้า ต้องบอกก่อนว่าเขามีขายทั้งแบบกับข้าวและแบบราดข้าว แนะนำสั่งแบบกับข้าวถ้าอยากกินให้เต็มอิ่ม ที่ร้านจะแยกหมูสามชั้นที่ตุ๋นจนเปื่อยนุ่มสไลซ์เรียงมา พร้อมกับซอสซาเตี๊ยะที่เคี่ยวจนข้นแยกมาในถุง ความประทับใจที่ได้ คือเนื้อหมูนุ่มละลายในปาก แถมซอสรสชาติกลมๆ ไม่หวานโดดออกมาเหมือนปลาทู แต่ก็แอบมี hint ของน้ำมะขามหน่อยๆ โดยไม่ถึงกับออกรสเปรี้ยว เอาข้าวลงไปคลุกนี่ยิ่งอร่อยมาก เวลากินให้โรยขิง หอมแดง ผักชีเยอะๆ ส่วนจะกินกับพริกขี้หนูเม็ดๆ ก็แล้วแต่ความเผ็ดที่ชอบเลย

เอาละ ถึงเวลามาลองทำชาชูซาเตี๊ยะในแบบของเรากันแล้ว เราจะเอาหมูสามชั้นที่ล้างสะอาดมาดาดกระทะ โดยใส่น้ำมันน้อยๆ ให้หมูสุกรอบด้าน เพื่อให้ชิ้นหมูเป็นทรงสวยไม่อ่อนยวบยาบเวลาเคี่ยว ดาดให้ครบทั้งสี่ด้าน ใส่ลงในหม้อที่จะเคี่ยว โดยในหม้อวางด้วยสับปะรดหั่นแว่นใหญ่ๆ สับปะรดเวลาใช้กับปลาทูก็จะทำให้ก้างยุ่ย ถ้าเคี่ยวกับหมูก็จะทำให้หมูเปื่อยเร็วเช่นกัน ส่วนอ้อยแท่งนี่หายากเกินไป ฉันเลยเปลี่ยนเป็นใช้น้ำอ้อยสดที่มีขายเป็นขวดๆ ตามร้านขายน้ำ แต่เลือกชิมเจ้าที่สดใหม่ ให้รสหวานมันธรรมชาติ ไม่เปรี้ยวซ่า ซึ่งฉันคิดว่าน้ำอ้อยน่าจะให้ผลทางรสชาติคล้ายกับการใช้อ้อยแท่ง

หลังจากนั้นก็ตามด้วยรากผักชี หอมแดง ขิงหั่นแว่นเยอะๆ พริกไทยดำบุบ ฉันเลือกปรุงรสเค็มด้วยซีอิ๊วญี่ปุ่นให้ได้กลิ่นอายญี่ปุ่นนิดๆ รสหวานจากน้ำตาลมะพร้าว และเปรี้ยวจากน้ำมะขาม แต่งสีด้วยซีอิ๊วดำนิดหน่อย แต่อย่าให้ออกรสไปทางซีอิ๊ว เคี่ยวหมูไป 2 เกือบๆ 3 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับไฟ ทดลองว่านุ่มได้ที่โดยเอามีดจิ้มเข้าไปโดยง่าย หลังจากนั้นตักหมูออก เคี่ยวน้ำต่อไปจนข้น แล้วกรองเอาเครื่องรากผักชีหอมแดงทิ้งไป ส่วนเนื้อหมูพักให้หายร้อน ใส่กล่องแช่ตู้เย็นทิ้งไว้อย่างน้อย 6 ชั่วโมงหรือ 1 คืน รุ่งขึ้นเอามาสไลซ์หนา 0.5 ซม. เนื้อหมูนุ่มๆ ก็จะหั่นออกมาเป็นชิ้นเนียนกริบสวยงาม เนื่องจากชั้นไขมันหมูเซตตัวดีแล้ว (ถ้าหั่นตอนร้อนอยู่ รับรองเนื้อหมูเละแน่นอน)

ก่อนกิน อุ่นหมูชาชูที่สไลซ์แล้วกับน้ำซอสในกระทะนิดนึงเพื่อให้เข้าเนื้อ สูตรนี้อาจไม่เหมือนต้นฉบับเป๊ะแต่รับรองอร่อยไม่แพ้กัน ใครสนใจอยากลองทำเมนูสูตรชาชูซาเตี๊ยะดูได้ที่ (คลิกดูสูตรหมูชาชูซาเตี๊ยะ)

 แล้วส่งข่าวมาบอกกันบ้างนะว่าอร่อยไหม ส่วนใครอยากกิน แต่ขี้เกียจทำ แนะนำสั่งจากร้านคอหมูพระรามห้าได้เลยจ้า

บทความเพิ่มเติม

RECOMMENDED ARTICLES
RECOMMENDED VIDEOS