พ่อค้าแม่ค้าขายขนมเชิญทางนี้ ครัวมีสูตร ‘เค้กโบราณ’ รสชาติในตำนานที่ไม่ว่าใครๆ ก็ซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ รสชาติที่ทุกคนจะต้องถึงบางอ้อ เมื่อเห็นหน้าตาของขนมเค้กโบราณ
เค้กโบราณเป็นเนื้อเค้กสปันจ์วานิลลาธรรมดา ที่ราดด้วยแยมส้มหรือซอสส้ม บีบบัตเตอร์ครีมเป็นลายดอกไม้เล็กๆ ง่ายๆ ไม่ใช่เค้กเวอร์วังอะไร แต่ด้วยความเรียบง่ายแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้เค้กชนิดนี้เคยฮอตฮิตติดลมบน จนกลายเป็นเค้กที่ต้องซื้อฝากกันในวันปีใหม่ หรือเทศกาลต่างๆ
ความฮิตของเค้กโบราณค่อยๆ น้อยลง เพราะมีคนทำเค้กสูตรอื่นๆ เป็นมากขึ้น ทั้งอร่อย ถ่ายรูปสวย เลยเป็นที่นิยมแทนในปัจจุบันสังเกตจากคาเฟ่ที่เปิดมากขึ้น ทั้งในต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ และอีกเหตุผลที่ทำให้เค้กชนิดนี้ไม่ได้ป๊อปปูล่าเท่าเค้กชนิดอื่นๆ เพราะหน้าตาเค้กอาจจะดูไม่ทันสมัย ถ่ายรูปออกมาอาจจะไม่สวยเท่า และที่สำคัญอีกอย่างนึงคือ ‘เนื้อเค้กแห้ง’ ไม่ได้นุ่มละลายในปาก อาจจะเพราะราคาตลาดที่ขายกันของเค้กชนิดนี้ค่อนข้างถูก เนื้อเค้กเลยต้องแลกมาด้วยความแห้ง ไม่ชุ่มฉ่ำ เพื่อคุมต้นทุนไม่ให้สูงจนเกินไป และยังขายได้ในตลาด
แต่วันนี้เรามีสูตรที่เนื้อเค้ก นุ่ม!! แต่ก็ยังควบคุมต้นทุนไม่ให้แพงเกินกว่าราคาตลาดมากนะ และก็ต้องบอกก่อนว่าจะหวังให้เค้กสูตรนี้ชุ่มฉ่ำ ละลายในปาก เหมือนเค้กราคาสูงๆ ก็คงจะไม่ถึงขั้นนั้น แต่รับรองว่าไม่แห้งจนฝืดคอแน่นอน
เนื้อเค้กของเราในวันนี้จะใช้เป็น ‘เนื้อสปันจ์’ ที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก ในการทำเค้กชนิดนี้ และเรามีตัวช่วยอย่าง SP ที่เป็นสารเสริมในการช่วยตีไข่ให้ขึ้นฟู ไม่ยุบตัวง่าย และอยู่ตัวได้นาน เหมาะกับสายเบเกอร์รีที่ต้องตีส่วนผสมเค้กไว้ทีละเยอะๆ แล้วต้องทยอยเอาเข้าอบ สารเสริม SP ถือว่าเป็นตัวช่วยร้านเบเกอร์รีหลายๆ ร้าน โดยวิธีใช้ก็สามารถใส่ลงไปในโถตีได้เลย หรือปาดไว้ที่หัวตีก็ได้ (เพื่อให้ SP กระจายทั่ว) และถ้าถามว่าทำกินที่บ้านไม่ใช้สารเสริมได้ไหม ได้! แต่ข้อควรระวังคือเมื่อผสมส่วนผสมเสร็จแล้วต้องนำเข้าอบทันที ไข่ไก่ที่ใช้ต้องมั่นใจว่าสดจริง ตีขึ้นฟูได้ดี
เริ่มทำเนื้อสปันจ์โดยใส่แป้งเค้กน้ำตาลทรายขาว เกลือป่น ผงฟู ไข่ไก่ กลิ่นวานิลลาและนมสดจืด
ปาด SP ไว้ที่หัวตะกร้อตี จากนั้นตีสปีดต่ำเพื่อให้เนื้อเค้กเข้ากันประมาณ 4 นาที ครบเวลาตีต่อด้วยสปีดสูงสุด 6 นาที จนเนื้อเค้กมีเนื้อที่ฟู จากนั้นลดเป็นสปีดต่ำ ตีต่ออีก 1 นาที ระหว่างนั้นค่อยๆ เทน้ำมันพืชลงไปจนหมด ปิดเครื่อง ใช้ไม้พายคนส่วนผสมจากก้นโถขึ้นมาด้านบนพอเข้ากัน เนื้อเค้กที่ผสมเสร็จแล้ว เมื่อนำมาวาดจะเป็นเส้นๆ เนื้อจะมีความหนักเล็กน้อย ระหว่างนี้อย่าลืมไปอุ่นเตาอบที่ อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ด้วยละ
นำกระดาษรองคัพเค้กวางใส่พิมพ์ขันข้าวขนาด 8.5-9 cm เทเนื้อสปันส์ลงในถ้วย (ถ้วยละ 40 กรัม) เคาะไล่ฟองอากาศออกซัก 2 ที ทำจนหมด นำเข้าอบในเตาอบที่อุ่นไว้ อบนาน 15 นาที เสร็จแล้วนำออกมาพักให้เย็น
ระหว่างรอให้เตรียมซอสส้มโดยใส่น้ำส้มเข้มข้น น้ำ น้ำตาลทรายขาวและแป้งกวนไส้ลงในหม้อใช้ตะกร้ามือคนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟกลางค่อนอ่อน คนอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ซอสไหม้ เมื่อได้ความข้นที่ต้องการ ปิดไฟใส่เนยจืดลงไป คนให้เนยละลายเป็นอันใช้ได้ น้ำส้มเข้มข้นให้ที่ใช้ในสูตรนี้เป็นยี่ห้อซันควิซ ราคาจะค่อนข้างสูง แต่รสชาติจะเปรี้ยวนม กลิ่นส้มชัดเจน ถ้าอยากลดต้นทุนมากกว่านี้ ให้ใช้ยี่ห้อที่ถูกลงมา
ใช้ช้อนตักซอสส้มที่ยังอุ่นๆ ย้ำ ‘อุ่นๆ’ มาราดบนหน้าเค้ก ราดแบบมั่นใจครั้งเดียว ความร้อนที่อยู่ในซอสจะช่วยให้หน้าขนมเรียบสวย ไม่แนะนำให้ใช้ช้อนเกลี่ยหลังจากซอสเริ่มเซ็ตตัวบบนหน้าขนมแล้ว เพราะจะทำให้หน้าขนมไม่เรียบสวย พักให้ซอสเย็นและเซ็ตตัวดี
มาทำบัตเตอร์ครีมสำหรับแต่งหน้ากันดีกว่า วันนี้เราเลือกใช้บัตเตอร์ครีมที่ผสมมาแล้ว (สำเร็จรูป) หรือถ้านึกไม่ออกก็ถามร้านเบเกอร์รีว่า ‘บัตเตอร์ครีม 2in1’ ราคาค่อนข้างที่จะถูก และข้อดีอีกอย่างก็คือเมื่อนำมาแต่งเค้กจะละลายยาก เก็บไว้นอกตู้เย็นก็ได้ โดยเราจะนำบัตเตอร์ครีมมาตีให้ขึ้นฟู มีสีขาวนวล ใส่นมข้นหวานและน้ำผึ้งเพื่อได้รสชาติที่หวาน หอม และใส่ซอสส้มที่ทำไว้เพื่อตัดเลี่ยนของบัตเตอร์ครีม นำบัตเตอร์ครีมมาผสมสีตามชอบ ใส่ถุงบีบต่างๆ เตรียมไว้
วิธีบีบครีม 3 แบบ
- ใช้หัวบีบกลมเบอร์ 2 บีบเป็นเส้นกลมๆ โดยห่างจะขอบเค้กประมาณ 0.5 ซม. บีบวนประมาณ 2-3 รอบ จากนั้นใช้ หัวบีบแฉกเบอร์ 12 จับตั้งตรงและค่อยๆ บีบครีมลงตรงกลาง และใช้หัวบีบใบไม้เบอร์ 70 บีบเป็นใบไม้ด้านข้าง
- ใช้หัวบีบแฉกเบอร์ 10 เริ่มบีบจากตรงกลางเค้กโดยบีบวนจนเกือบถึงขอบ โดยเว้นขอบไว้ประมาณ 0.5 ซม. จากนั้นหัวบีบใบไม้เบอร์ 70 มาบีบเป็นดอกไม้
- ใช่หัวบีบกลมเบอร์ 10 บีบเป็นเส้นกลมรอบเค้กโดยห่างจากขอบเค้กประมาณ 0.5 ซม. นำฝอยทองมาวางลงตรงกลาง
สูตรนี้จะมีต้นทุนต่อชิ้นอยู่ที่ 9.92 บาท/ชิ้น โดยรวมค่าแรง ค่าอื่นๆ ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รวมค่ากล่องที่จะแพ็คโดยเราสามารถใช้กล่อง 1 ปอนด์แบบเตี้ย จะใส่เค้กได้ทั้งหมด 9 ชิ้น ต้นทุนจะต่อกล่องจะอยู่ที่ประมาณ 89.27 ถ้าอยากได้กำไร 50% ของต้นทุน ราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 133.90 หรือจะใช้เทคนิคในการตั้งราคาขายให้น่าซื้อก็สามารถตั้งราคาต่อกล่องได้ 129 บาท หรือ 139 บาท
เราขายได้ในที่ราคาสูงขึ้น ถ้าเพิ่มมูลค่าให้กับเค้กโบราณได้ โดยการเปลี่ยนเนื้อเค้กให้อร่อย นุ่มขึ้น บีบครีมให้ดูมินิมอลขึ้น สีที่ใช้ก็ผสมให้เป็นสีโทนไม่จัดจ้านเกินไป ใส่แพคเกจที่ดูดี เท่านี้เราก็สามารถขายเค้กโบราณ รสชาติในตำนาน ที่อร่อยเหมือนเดิมเป๊ะๆ แต่ก็น่ารัก ทันสมัย ถ่ายรูปได้เหมือนเค้กปัจจุบัน