INGREDIENTS
METHOD
1. ร่อนแป้งทั้งสองชนิดก่อนตวง ผสมแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า และเกลือเข้าด้วยกันในอ่างผสม ใส่หัวกะทิและไข่แดงไข่เป็ดนวดให้เข้ากัน ใส่น้ำปูนใส นวดให้เข้ากันกรองส่วนผสมผ่านกระชอนตาถี่หรือผ้าขาวบาง 2 ครั้ง แป้งกระทงทองที่ได้จะเนียน ใส่แป้งในภาชนะที่จุ่มพิมพ์ได้ง่าย (ภาชนะก้นลึก เช่น ถ้วยตวงของเหลว) ถ้ายังไม่ใช้ทันที เก็บแป้งไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา แป้งจะข้นขึ้นอีกเล็กน้อย
2. ตั้งกระทะทองเหลืองหรือหม้อบนไฟกลางค่อนข้างอ่อน ใส่น้ำมัน พอน้ำมันร้อนพอดี (ทดสอบโดยหยดแป้งกระทงทองลงไปเล็กน้อยแล้วมีฟองอากาศจำนวนมากและแป้งค่อยๆลอยขึ้นบนผิว หน้า) จ่มุ พิมพ์ลงในน้ำมันประมาณ 5 นาที (หรือแช่พิมพ์ในน้ำมันเตรียมไว้ล่วงหน้า) เตรียมถาดใหญ่พร้อมตะแกรงไว้ใกล้ตัว พอพิมพ์ร้อนคนแป้งด้วยส้อม (คนแป้งก่อนทุกครั้ง ที่จุ่มพิมพ์) แตะก้นพิมพ์บนกระดาษทิชชูเพื่อซับน้ำมันส่วนเกินออก แล้วจุ่มพิมพ์ลงตรงๆ ในแป้ง ให้แป้งเคลือบพิมพ์เกือบถึงขอบ (ให้เหลือประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ถ้าจุ่มถึงขอบพิมพ์พอดี เมื่อนำลงทอดในน้ำมันร้อนๆ แป้งจะฟูเลยขอบพิมพ์ขึ้นมาทำให้ไม่สวย) จุ่มลงทอดในน้ำมัน โดยจุ่มไว้ให้ขอบพิมพ์ปริ่มผิวหน้าน้ำมัน ประมาณ 10 วินาที (เพื่อให้ขอบกระทงทองอยู่ตัวดีก่อนไม่ฟูเลยขอบพิมพ์ขึ้นมา) แล้วจึงค่อยจุ่ม ให้ก้นพิมพ์สัมผัสก้นกระทะเบาๆ (เพื่อให้ฐานกระทงทองเรียบ) เมื่อกระทงทองเซตตัวดีแล้ว ใช้ไม้ปลายแหลมแซะออกจากพิมพ์ ทอดต่ออีกประมาณ 5 วินาทีตักขึ้นพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน (คว่ำกระทงทองลงเพื่อให้น้ำมันไหลออก) พักจนกระทงทองเย็นสนิท (ประมาณ10-15 นาที) เก็บใส่ภาชนะที่ปิดสนิทไว้ที่อุณหภูมิห้อง จะคงความกรอบได้ 1-2 วัน
3. ทำไส้ข้าวโพดโดยตั้งกระทะเนยบนไฟกลาง พอเนยละลาย ใส่รากผักชีลงผัดพอหอม ใส่หมูบดลงผัดพอสุก ใส่ข้าวโพด นมสด ปรุงรสด้วยน้ำตาลและเกลือ ผัดให้ทั่วและน้ำงวดลง ประมาณ 5 นาที ชิมรสให้กลมกล่อม ผัดต่อพอให้แห้ง ตักใส่ถ้วยเตรียมไว้
4. จัดเสิร์ฟกระทงทองโดยตักไส้ข้าวโพดใส่กระทงทอง ตกแต่งด้วยผักชีและพริกชี้ฟ้าสีแดง เสิร์ฟทันที
สูตรอาหารโดย กรณิศ รัตนามหัทธนะ