

ซุนแด หรือไส้กรอกเลือดเกาหลี เคยได้ยินไหมละ หลายๆคนอาจไม่คุ้น แต่ถ้าบอกว่าเป็นไส้กรอกที่ทำจากเลือดเเล้วละก็บางคนลองชิม บางคนไม่กล้าลอง ด้วยหน้าตามันไม่ค่อยจะสวยงามเท่าไหร่ "ซุนแดง" เป็นไส้กรอกสีแดงเข้มจึงได้ชื่อว่าไส้กรอกเลือด ไส้ทำด้วยหมูผสมกับข้าวและมันหวาน ซึ่งเป็นของกินดั้งเดิมของเกาหลีที่มีมายาวนาน ปัจจุบันนิยมทานเป็นของกินเล่นหรือเครื่องเคียง ซึ่งตอนแรกจะมาเป็นเส้นยาวๆและตอนขายเขาจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จิ้มกินได้พอดีคำ คนเกาหลีส่วนใหญ่จะชอบทานกับกิมจิหรือหัวไช้เท้าดอง บางคนก็กินกับซุปต่างๆ


ลูกรอก’ หรือไส้กรอกไข่ อาหารไทยชาววังที่ได้รับความนิยมในสมัยก่อน ด้วยความวิจิตรบรรจง ประดิดประดอย ที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยชาววัง ทำให้ไส้กรอกไข่ ที่มีส่วนผสมเพียงไข่เป็ดดีกับไส้ไก่หรือไส้หมู ผ่านกระบวนการคิดและปรุงอย่างชาววังออกมามีหน้าตาเหมือนลูกรอก (ลูกเหล็กกลมแบนคล้ายล้อ ที่มัดไว้กับเชือกหรือสายไฟเพื่อชักรอกเคลื่อนย้าย) นิยมนำมาปรุงเป็นแกงจืด


Danmuji หรือ ทันมูจิ ผักดองเกาหลีที่ใครก็รู้จัก กินแกล้มกับข้าวหุงร้อนๆหรือแนมกับเนื้อย่างให้ตัดเลี่ยน วิธีดองแบบดั้งเดิมคือดองแบบแห้งทั้งหัวกับน้ำตาล เกลือ รำข้าว เม็ดพุทราจีนแห้ง (ให้สีเหลือง) ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน วิธีทำแบบโฮมเมดเราจะดองในน้ำดองซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ รับรองอร่อยเช่นเดียวกัน


สตรีทฟู๊ดเกาหลีทำง่าย กินเพลิน ใช้แป้งต๊อกนำมาเสียบไม้ย่างให้เนื้อกรอบนอกเคี้ยวหนึบหนับ ทาด้วยซอสรสเปรี้ยวหวานสไตล์เกาหลี โรยงาขาวเเละต้นหอมซอย ให้รสชาติที่อร่อยฟินจะทำกินเมื่อไหร่ก็ได้ไม่มีเบื่อเเน่นอน


ต้มจิ๋ว เป็นทั้งสำรับชาววังและชาวบ้านที่แต่เดิมนิยมทำกินกันในช่วงเข้าฤดูหนาว ลักษณะคล้ายต้มโคล้ง ต้มส้ม คือมีรสชาติเปรี้ยวเค็ม หวาน เผ็ดร้อนอ่อนๆ ด้วยพริกขี้หนูและกะเพรา หวานธรรมชาติด้วยหอมแดงกับมันเทศ และเนื้อวัวตุ๋นหั่นเต๋าจนเปื่อย สันนิษฐานว่าต้มจิ๋วตำรับในวังนั้นคิดค้นปรุงขึ้นมาโดยพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท เพื่อถวายพระบิดาล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 และทรงเสวยบ่อยครั้งยามที่ทรงพระประชวร จนกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ทรงโปรดปราน โดยสูตรของพระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท ระบุวิธีปรุงไว้ว่า
“…ล้างเนื้อให้สะอาด เลาะพังผืดออกให้หมด หั่นเป็นชิ้นพอควร ใส่หม้อเคี่ยวไฟอ่อนๆ พอจวนเปื่อย ปอกมันเทศล้างน้ำแงะๆ ใส่ในหม้อเนื้อ ต้มไปจนเปื่อย ใส่มะขามเปียกนิดหน่อย ซอยหอมใส่ลง พอหอมสุก เด็ดใบโหระพาใบกะเพราล้างน้ำใส่ลงในหม้อ ยกลง ใส่พริกมูลหนูบุบพอแตกๆ บีบมะนาว ใส่น้ำเคยดี ชิมรสดูตามชอบ…”


Cloud Jelly เครื่องดื่มสีฟ้าพร้อมเมฆขาวสุดคิ้วท์ รสชาติหวานอมเปรี้ยวแสนสดชื่น ท็อปปิ้งด้วยมาร์ชเมลโลว์สีขาวปุยนุ่มฟูดุจก้อนเมฆลงไปเพิ่มความเคี้ยวเพลินหนุบหนับ


ข้าวฟางต้ม ราดด้วยน้ำนมลูกเดือย เสิร์ฟคู่กับแปะก๊วยต้ม ลูกเดือยต้ม เนื้อมะพร้าว ถ้าอยากได้ความหวานสามารถใส่น้ำผึ้งได้เล็กน้อย


ข้าวต้มข้าวฟางเป็นเมนูสุขภาพที่นำเอาเม็ดข้าวฟางไปต้มคล้ายกับการต้มข้าวต้ม อาจจะเติมเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ นิยมกินคู่กับเห็ดหอมปรุงรสและเทมเปะคั่ว


ทอดมันข้าวฟางมีส่วนผสมหลักคือข้าวฟาง ข้าวโพด ไข่ไก่ แป้งสาลี และแป้งข้าวเจ้า ผสมให้เข้ากันจากนั้นนำไปผสมกับเครื่องแกง ก่อนจะนำไปทอด กินคู่กับน้ำจิ้มอาจาดทั่วไป


เส้นขนมจีนเสิร์ฟคู่กับหมูย่างหอมๆกลิ่นเครื่องหมักต่างๆอย่างตะไคร้ ข่าแก่ หอมแดง กระเทียม น้ำผึ้ง น้ำปลา เกลือ น้ำมันพืช น้ำตาลทราย และกะปิ นวดให้เข้าเนื้อ ก่อนนำไปย่าง กินคู่กับผักสดอย่างผักชี โหระพาเด็ดใบ ผักกาดหอม และแตงกวาหั่นแท่ง เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มรสชาติเปรี้ยวหวานตามแบบฉบับอาหารเวียดนาม ปิดท้ายด้วยการโรยถั่วลิสงคั่วป่นเล็กน้อย


ขนมจีนน้ำยาสูตรนี้ใช้เนื้อปลาดุกในการทำน้ำยา และใส่น้ำปลาร้าเพื่อเพิ่มความหอมเป็นพิเศษเป็นสูตรเด็ดของชาวเขมร กินคู่กับเส้นขนมจีนและผักแหนมต่างๆ


เมนูขึ้นชื่อของร้านอาหารเวลาไปแถวภาคอีสานของเรา หน้าตาคล้ายกับผัดไทยแต่เครื่องข้างในประกอบด้วยหอมแดง เต้าเจี้ยว และหมูสามชั้น ผัดให้สุกหอม จากนั้นก็ใส่ซีอิ๊วดำหวานเล็กน้อยเพื่อให้มีสีสวย กินคู่กับส้มตำ ถือเป็นเมนูเด็ดที่ใครๆก็ต้องสั่งกิน


ผัดไทยวุ้นเส้นหอมกลิ่นน้ำผัดไทยที่มีส่วนประกอบของน้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก เคี่ยวให้เหนียวข้นเล็กน้อย นำมาผัดกับหัวไช้โป๊ เต้าหู้เหลือง พริกป่น และกุ้ง จนหอม กินคู่กับผักแหนมอย่างหัวปลี ใบกุยช่าย


ขนมเค้กที่ใช้ผลไม้มาทำเป็นหน้า อย่าง Upside down ส่วนมากคนนิยมนำผลไม้ที่มีน้ำมากมาใช้ เพื่อให้เนื้อเค้กชุ่มฉ่ำสูตรนี้เรานำส้มมาเชื่อมกับน้ำตาล โดยใช้เนื้อเค้กเป็นเนื้อบัตเตอร์ ได้รสชาติเข้ากัน กินคู่กับชาร้อนยามบ่าย


“หอยนางรมทอดกับซอสญี่ปุ่นสไปซี่” โดยเลือกใช้หอยนางรมจากสุราษฎร์ตัวใหญ่ นำเนื้อหอยมาหมักกับน้ำมันพริกเผา มิริน สาเก ซีอิ๊วญี่ปุ่น และพริกไทยเล็กน้อย หมักทิ้งไว้สักประมาณ 10 นาที เผื่อให้เนื้อหอยมีรสชาติมากขึ้น จึงค่อยนำมาคลุกแป้ง ชุบไข่ และเกล็ดขนมปังป่นแบบละเอียด จากนั้นก็ตั้งน้ำมันให้ร้อน โดยน้ำมันต้องร้อนให้ดีจึงค่อยเอาหอยลงทอดให้เหลืองกรอบ เสิร์ฟกับซอสที่เป็นการผสมกันระหว่างความเป็นญี่ปุ่นและไทย โดยผสมพริกเผา มายองเนส ซอสพริก และมิริน รสชาติที่ได้ก็จะหวานๆเผ็ดๆ และมันๆ และที่พิเศษกว่านั้นคือไม่ลืมที่จะเสิร์ฟพร้อมกับยอดกระถินและหอมเจียวอีกด้วย


พระรามลงสรง จัดเป็นอาหารโบราณอย่างหนึ่งที่หากินยาก ปกติจะขายเป็นข้าวพระรามลงสรง คือน้ำแกงสีเหลืองคล้ายกับน้ำราดสะเต๊ะราดไปบนข้าวที่มีหมูและผักบุ้งลวกวางอยู่ คำว่าพระรามหมายถึงผักบุ้งจีนสีเขียว ส่วนลงสรงเปรียบถึงการเอาผักบุ้งลงลวกในน้ำ คาดเดากันว่าพระรามลงสรงน่าจะมาจากกับข้าวจานหนึ่งของชาวจีนแต๋จิ๋วชื่อว่า 'ซาแต๊ปิ้ง' ซึ่งมีลักษณะคล้ายกันคือมีผักบุ้งลวก หมู ตับ ราดบนข้าวหรือหมี่ขาว กินราดน้ำแกงคล้ายสะเต๊ะ มีน้ำพริกเผาและน้ำส้มพริกดองเสิร์ฟเคียงเพื่อตัดเลี่ยน


เมนูขวัญใจมหาชนคือ หมูสามชั้นนำมาหมักกับเต้าเจี้ยวของเกาหลี ซอสหมักเต้าเจี้ยว รสชาติคล้ายกับซอสมิโสะของญี่ปุ่นซึ่งหวานๆ เค็มๆ ที่สำคัญมีกลิ่นหอม ซึ่งน่าจะเป็นซอสที่คนไทยชอบกัน เคล็ดลับเมนูนี้คือใช้หมูสามชั้นแผ่นหนาประมาณ 1 ซม.มาหมัก จะทำให้เวลาย่างหมูนุ่มกำลังพอดี ก่อนหมักใช้มีดบากตามเนื้อหมูเพื่อให้ซอสซึมเข้าได้ง่ายขึ้น


ซอสหมักแบบเผ็ดอ่อนๆ ใช้โคชูจังเป็นส่วนผสมหลัก สามารถเอาไปหมักไก่เพื่อทำทัคคาลบี้ได้ ทัคคาลบี้เป็นอาหารผัดแบบเกาหลีที่คนไทยรู้จัก โดยมากเสิร์ฟมาในกะทะร้อนหรือผัดสดใหม่ๆที่โต๊ะอาหาร ทำจากเนื้อไก่ผัดกับซอสพริกแบบเกาหลี ใส่มันหวาน และผักต่างๆ บางทีใส่ต๊อกหรือเส้นอุด้งเข้าไปผัดด้วย กินห่อกับผักกาดเขียวหรือข้าวสวย


ซอสหมักสูตรคลาสิกนี้ทำคาลบี้ (Galbi) อาหารปิ้งย่างขึ้นชื่อของเกาหลี เป็นการใช้เนื้อวัวหรือหมูหั่นหนาๆมาหมัก แล้วไปย่างบนเตาถ่านจนสุกนุ่ม ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นเล็กๆพอคำ กินกับเครื่องเคียงต่างๆหรือจะจิ้มน้ำจิ้มห่อผักก็ได้ โดยเราใช้ LA Galbi (เนื้อวัวส่วนซี่โครง) ซึ่งถ้าไปกินตามร้านจะราคาสูง รับรองทำกินเองง่ายและถูกกว่า (หาซื้อเนื้อติดซี่โครงได้ที่วิลล่า หรือร้านเนื้อไทยเฟรนช์ได้) แต่มีเคล็ดลับของการใช้เนื้อติดกระดูกในอาหารเกาหลีคือ ต้องล้างซี่โครงเนื้อให้สะอาดดี โดยการแช่ซี่โครงในน้ำเย็นประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อล้างคราบเลือดในกระดูกออกมา มิเช่นนั้นเลือดจะออกมาผสมกับซอสหมัก ทำให้รสชาติซอสอาจจะคาวได้


ซุปสาหร่าย (มิยอก-กุก 미역국) โดยคนเกาหลีมักจะนิยมกินซุปสาหร่ายกันในช่วงวันเกิด เพราะถือว่าเป็นการนึกถึงแม่ผู้ให้กำเนินมา โดยมีที่มาจากว่าสมัยก่อนผู้หญิงเกาหลีที่คลอดลูกมักจะทานซุปเกาหลีหลังคลอด เพื่อที่จะฟื้นฟูและบำรุงร่างกายหลังคลอดและที่สำคัญเป็นการเรียกน้ำนมได้ดีอีกด้วย เลยเมื่อถึงวันเกิดทีไรก็จะกินซุปสาหร่ายเหมือนเป็นวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมา จนถึงทุกวันนี้ โดยถ้าใครที่เป็นคอซีรีย์เกาหลีก็จะเห็นฉากในซีรีย์บางเรื่องจะพูดถึงเมนูนี้ในวันเกิดด้วยเช่นกัน โดยส่วนผสมและขั้นตอนการทำซุปสาหร่ายนั้นไม่ยุ่งยากเสียเลย โดยจะเป็นการนำสาหร่ายมิยอกหรือที่รู้จักกันดีก็คือสาหร่ายวากาเมะนั้นแหละค่ะ มาแช่น้ำให้นุ่ม จากนั้นก็บีบเอาน้ำออกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆขนาดพอคำ ใส่เนื้อสัตว์และกระเทียม เพิ่มเข้าไปหน่อย ปรุงรสด้วยซอสซุปเกาหลี หรือไม่ก็ซีอิ๊วขาว (บ้านเรานี้แหละค่ะ) เติมเกลือเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ จากนั้นก็เคี่ยวไปสักพัก เพียงเท่านี้ก็ได้ซุปสาหร่ายร้อนๆกินกับข้าวและเครื่องเคียง ในวันเกิดแล้ว


ซุปต็อกกุก (떡국) มักจะนิยมกินกันวันซอลลัล หรือคล้ายๆวันสงการณ์ของไทยเรา คนเกาหลีก็จะกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวและ 1 ในเมนูที่นิยมกินกันในวันนั้นก็คือ ซุปต็อกกุก เหมือนเป็นการเริ่มต้นชีวิตที่สดใส มั่งคั่ง ร่ำรวย ในวันแรกของปีด้วย ซึ่งไม่ต่างจากคนจีนที่ก็มีเมนู ซุปกระเพาะปลาที่นิยมกินกันในวันตรุษจีนเช่นเดียวกัน ซึ่งซุปนี้นั้นมีขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก แต่จะมีความปราณีตและสวยงามด้วยสีสันและการจัดวางของซุปที่ดูสวยงามน่าที่จะกินในวันปีใหม่แน่นอน โดยเป็นการนำเอาแป้งต็อกไปต้มในน้ำที่ผ่านการต้มเนื้อหรือกระดูกวัวมาแล้วน้ำซุปก็จะมีความหอมและเข้มข้นของตัวเนื้อ จากนั้นก็จะตกแต่งหน้าตาของซุปไม่ว่าจะเป็นไข่หั่นฝอย เนื้อที่ต้มจนเปื่อยฉีกเป็นเส้น ต้นหอมซอย และบางครั้งก็จะใส่สาหร่ายแห้งเป็นเส้นๆลงไปด้วย


กัลบีทัง (갈비탕-Galbitang หรือ “ซุปเนื้อติดซี่โครง” ถือว่าเป็นซุปที่มักจะนิยมเสิร์ฟกันในงามมงคลงานแต่งงานมาก่อน โดยถูกบันทึกว่าในช่วงประวัติศาสตร์หนึ่งของเกาหลี เมนูนี้เคยจัดอยู่ในชุดอาหารที่มักจะเสิร์ฟในงานจัดเลี้ยงของทางสำนักเกาหลี จึงถือเป็นซุปที่มักนิยมเสิร์ฟกันในงานมงคลๆต่างๆ และบางคนก็บอกว่าเป็นเมนูกินสำหรับตอนรับหน้าหนาวอีกด้วย โดยเป็นการใช้ส่วนซี่โครงเนื้อส่วน "Short Rib (ซึ่งเป็นเนื้อที่ติดซี่โครง จะมีลักษณะชิ้นโค้ง)" ตุ๋นรวมกับหัวไชเท้า, หัวหอม, ขิง, ต้นหอม, กระเทียม และส่วนผสมอื่น ๆ เป็นซุปที่มีรสชาติกลมกล่อม ที่ได้จากการเคี่ยวซี่โครงกับผักต่างๆเป็นเวลานานประมาณ 4-5 ชั่วโมงด้วยไฟอ่อนๆ มีลักษณะคล้ายๆกับ “ซุปกระดูกขาวัว” ที่มีสีน้ำขุ่นของไขกระดูกวัว


“ซุปดัก กมทัง” Dak Gomtang เป็นการนำเอาไก่ทั้งตัวมาตุ๋นกับผักอย่างหอมใหญ่ ต้นหอม กระเทียม และขิง ต้มด้วยไฟอ่อนเป็นเวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง เพื่อให้รสชาติของไก่ออกมาผสมรวมกับน้ำ จากนั้นก็นำไก่ขึ้นมา เลาะเอาแต่เนื้อออกมาจากนั้นก็นำกระดูกไก่ลงไปต้มต่อ เพื่อให้ได้ความหวานขึ้นมาอีก ก่อนจะปรุงรสเพียงแค่ซอสสำหรับทำซุป เกลือ และพริกไทย ส่วนมากมักจะใส่ข้าวลงไปวางเนื้อไก่ แล้วก็ตักซุปราดลงไป โรยต้นหอมหน่อย กินคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ


เอ้กเบเนดิกต์ เป็นอาหารเช้าหรือบรันช์ที่มีต้นกำเนิดในนครนิวยอร์ก สหรัฐ ประกอบด้วยขนมปังมัฟฟินอังกฤษผ่าครึ่งสองชิ้น ด้านบนเป็นไข่ดาวน้ำ เบคอนหรือแฮม ราดด้วยซอสฮอลแลนเดส แต่ในเอ้กเบเนดิกต์สูตรนี้ จะทำแบบง่ายๆ โดยที่เราจะใช้ เอสพูม่า (ขวดทำวิปครีม) เพียงแค่ใส่ส่วนผสมของซอสฮอลแลนเดส เช่นไข่ไก่ มัสตาร์ด น้ำเลมอน เกลือ และน้ำ และอัดแก๊สเข้าไป เขย่าให้เข้ากัน ฉีดไปบนไข่ดาวที่วางเป็นขนมปัง สลัดผักและแซลมอนรมควัน เสิร์ฟพร้อมเคเปอร์และผักชีลาว