กุ๊กฝรั่งกล่าวว่าแซลมอนกับครีมชีสเป็น classic combinations คือเป็นของที่กินคู่กันแล้วเสริมรสกันได้เป็นอย่างดี แซลมอนเป็นปลามันกลิ่นหอม ครีมชีสคือชีสนมวัวที่มีเนื้อนุ่ม หอมมันอร่อย ใช้ประกอบอาหารได้ทั้งคาวและหวาน ที่ง่ายสุดคือใช้ทาขนมปัง โดยเฉพาะขนมปังของชาวยิวที่เรียกว่าเบเกิล (Bagel) ทำโดยการนำแป้งไปต้มก่อนแล้วจึงอบซ้ำ เบเกิลอบใหม่ๆ ทาครีมชีสเยอะๆ โปะด้วยแซลมอน เป็นอาหารเช้าสไตล์ American Jewish ที่นิยมมากในอเมริกาและแคนาดาเรียกว่า Lox and a schmear
Tartare เป็นอาหารที่เอาเนื้อสัตว์มาสับและกินแบบดิบ ในเมนูนี้ก็จะนำปลาทูน่าดิบมาหมักกับน้ำซอส สามารถรับประทานคู่กับขนมปังกรอบ หรือผักสลัดก็ได้
ซอสเห็ดเป็นซอสอเนกประสงค์ของครัวฝรั่ง ส่วนประกอบหลักๆก็มี เห็ด เนย ครีม ใส่แป้งเพื่อให้ข้น บางสูตรใส่ไวน์ขาวหรือสมุนไพรแต่งกลิ่นที่ว่าอเนกประสงค์เพราะซอสเห็ดเสิร์ฟกับอะไรก็อร่อย ทั้งเนื้อแกะเนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อวัว เสิร์ฟกับพาสต้าหรือริซอตโต้ก็ได้ รสอูมามิที่ทำให้อาหารอร่อย เกิดจากสารประกอบที่เรียกว่ากลูตาเมต ซึ่งมีมากตามธรรมชาติในอาหารบางชนิด เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว มะเขือเทศ ชีส กะปิ สาหร่ายคอมบุ ปลาแห้งรวมถึงเห็ดต่างๆ จึงเป็นคำตอบว่าทำไมซอสเห็ดจึงมีรสกลมกล่อมอร่อย
ชื่อ Caesar Salad ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิซีซาร์ผู้เกรียงไกรแต่อย่างใด ผู้คิดค้นสลัดจานนี้บังเอิญมีชื่อว่า Caesar Cardini เป็นชาวอิตาเลียนที่อพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกาเมื่อไม่ถึงร้อยปีมานี้เองร้านอาหารของเขามีลูกค้ามาอุดหนุนมากมายจนวัตถุดิบในครัวเริ่มหมดซีซาร์จึงคิดนำเอาเครื่องปรุงที่มีเหลือๆมาทำสลัดเพื่อเสิร์ฟลูกค้า ทั้งผักกาดโรเมน ขนมปังกรูตอง พาร์มีซานชีส ไข่ น้ำเลมอน พริกไทยดำ และซอสวูสเตอร์เชียร์
หอยเชลล์ย่างกับสลัดมะม่วง เมนูเรียกน้ำย่อยใช้หอยเซลล์มาย่างบนกระทะให้พอสุก เสิร์ฟกับซัลซ่ามะม่วงรสเปรี่ยวหวาน เข้ากันสุดๆ
Carbonara ในภาษาอิตาเลียนมาจากคำว่า Charcoal หรือถ่านหินว่ากันว่าชาวบ้านที่เผาถ่านขาย (The Carbonari แปลว่า Charcoa Men) เป็นผู้คิดค้นขึ้น บ้างว่าพริกไทยดำป่นจำนวนมากที่โรยหน้าพาสต้านั้นละม้ายคล้ายคลึงกับผงถ่าน อีกแหล่งหนึ่งกล่าวว่าทหารอเมริกันที่มาประจำในอิตาลีช่วงสงครามโลกครั้งที่สองหยิบยื่นอาหารปันส่วนของกองทัพคือเบคอนและไข่ให้พ่อครัวอิตาลี ผู้นำมาปรุงร่วมกับชีสและเส้นพาสต้า อาหารหลักพื้นบ้าน ได้ออกมาเป็นพาสต้าสูตรเข้มข้นหอมมันจานนี้
ในประวัติศาสตร์ที่มนุษย์เกี่ยวพันกับส้ม ไม่ว่าจะชาติใดภาษาใด ไม่เคยปรากฏว่าส้มเกี่ยวข้องกับสิ่งร้ายๆ สำหรับคนจีน ส้มเป็นผลไม้มงคลในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 16-19 ส้มเป็นสัญลักษณ์ของบารมีและความมั่งคั่งตระกูลเศรษฐี Medici แห่งฟลอเรนซ์ มีผลส้มเป็นตราประจำตระกูลการทำสวนส้มในเรือนกระจกเป็นงานอดิเรกของขุนนางและเศรษฐีอังกฤษส้มใช้ทำกับข้าวได้อร่อยมาก ครัวจีนครัวฝรั่งต่างใช้ทั้งเนื้อส้ม น้ำส้ม และเปลือกส้ม มาปรุงอาหาร เพราะมีกลิ่นหอมสดชื่น รสเปรี้ยวหวานอร่อย
Croquette หรืออาหารชุบเกล็ดขนมปังป่นทอด (ที่นิยมมากที่สุดคือมันฝรั่งชุบเกล็ดขนมปังป่นทอด) เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกหลายๆชาติมีสูตรโครเกตต์เป็นของตนเอง ในยุโรปมีทั้งแบบมันฝรั่งเปล่าๆหรือเพิ่มไส้เนื้อ กุ้ง หรือชีส โครเกตต์มันฝรั่งสไตล์อินเดียเรียกว่า Aloo Tikki มักเสิร์ฟกับแกงหรือขายเป็นของว่างแบบสตรีทฟู้ด ญี่ปุ่นเรียกว่าโครอกเกะ มีร้านไม่น้อยที่ขายแต่โครอกเกะอย่างเดียว ใช้มันฝรั่งเป็นหลักผสมกับหอมใหญ่ แครอท ไม่ค่อยใส่เนื้อสัตว์ นิยมกินกับทงคัตสึหรือหมูชุบเกล็ดขนมปังทอด
คนไทยเรียก Kabocha ว่าฟักทองญี่ปุ่น แต่จริงๆแล้วฟักทองสายพันธุ์นี้พ่อค้าชาวโปรตุเกสเป็นผู้นำเข้ามาในช่วงปี ค.ศ.1540 และปลูกกันอย่างแพร่หลาย ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามอาหารการกินฝืดเคืองอย่างหนัก แต่ชาวญี่ปุ่นรอดชีวิตมาได้ด้วยฟักทองและมันหวาน (sweet potato) ฟักทองญี่ปุ่นเนื้อนุ่มหวานอร่อย มักนำมาต้มกับดาชิ (น้ำซุปปลาญี่ปุ่น) ต้มซีอิ๊ว หรือชุบแป้งทอดทำเป็นเทมปุระ
Nacho เป็นอาหารเม็กซิกันที่ประกอบด้วยแผ่นข้าวโพดทอด โปะหน้าด้วยเครื่องต่างๆ เช่น ชีส มะกอก พริกเม็กซิกัน ครีมเปรี้ยว และซัลซา บางตำราว่าฝรั่งอเมริกันเอามาปรับให้เข้ากับรสนิยมจนไม่เหลือเค้าเดิมตำรับนี้โรยหน้าด้วยผักปวยเล้งและหอยลาย โดยยืมไอเดียมาจากผักโขมอบชีสและหอยลายอบชีส ในที่นี้ใช้หอยลายทอดรสเผ็ดแบบกระป๋องซึ่งเป็นกับข้าวและกับแกล้มที่คนไทยคุ้นเคย
มีคำกล่าวว่า ถ้าไม่นับกระดาษ ดินปืน และเข็มทิศแล้ว เต้าหู้นับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวจีน เต้าหู้เป็นโปรตีนจากพืชที่อุดมไปด้วยคุณค่าอาหาร ราคาถูก และสารพัดประโยชน์ เพราะปรุงได้หลากหลายตำรับเหลือเกิน ตำรับนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก Agedashi Tofu หรือเต้าหู้ชุบแป้งทอดราดน้ำซอสดาชิสไตล์ญี่ปุ่น แต่ในที่นี้ไม่ใช้เต้าหู้ทอด และปรุงรสน้ำซุปปลาญี่ปุ่นให้เผ็ดเล็กน้อยชวนกิน
ไก่หนึ่งตัวจะมีเนื้ออก และเนื้อติดกระดูกอก มีลักษณะชิ้นยาวเรียวเรียกเนื้อส่วนนี้ว่าสันในไก่ สำหรับเนื้ออกไก่นั้นเป็นที่นิยมในจานอาหารของคนอเมริกันเพราะชอบให้มีเนื้อชิ้นใหญ่พอที่จะใช้มีดและส้อมตัดกินได้ แต่สันในไก่ชิ้นเล็กๆล่ะจะเอามาทำอะไร จึงมีคนคิดเอาสันในไก่ไปชุบแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง ใส่ลงกระทะทอดจนกรอบอร่อย ตั้งชื่อว่า Chicken Fingers อาจเป็นเพราะลักษณะชิ้นยาวเรียวเหมือนนิ้ว หรือเพราะเป็นฟิงเกอร์ฟู้ดก็ไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆถูกใจคนทุกเพศทุกวัย
ต้นกำเนิดของเทมปุระน่าจะมีที่มาจากสองทาง ทางหนึ่งคือพระญี่ปุ่นสมัยก่อนศตวรรษที่ 17 ท่านฉันแต่อาหารเจ จึงคิดเอาผักมาทอดน้ำมันบ้างว่าบาทหลวงโปรตุเกสและสเปนเดินทางมาถึงเกาะญี่ปุ่นและดัดแปลงเอาปลา กุ้ง และผัก มาชุบแป้งทอด เพราะข้อห้ามทางศาสนาที่มิให้บริโภคเนื้อสัตว์ใหญ่ในวันศุกร์ (วันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน) อย่างไรก็ตามในยุคนั้นน้ำมันทอดราคาแพง โดยเฉพาะน้ำมันงา มีพ่อค้าหัวใสนำน้ำมันพืชที่ราคาถูกกว่ามาผสมน้ำมันงาเอาไปทอดเทมปุระ ปรากฏว่าอร่อยถูกใจ ตั้งแต่นั้นมาร้านเทมปุระจึงใช้น้ำมันผสมในการทอด
Cheddar เป็นชีสที่ถือกำเนิดขึ้นในหมู่บ้านเชดดาร์ในเขตซอมเมอร์เซ็ต (Somerset) ของอังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 เพราะมีถ้ำที่อุณหภูมิและความชื้นเหมาะแก่การหมักชีสซึ่งมีกลิ่นรสเฉพาะตัวอย่างเชดดาร์ชีสนมวัวเนื้อแน่นชนิดนี้ผ่านกรรมวิธีการปรุงแบบเชดดาร์ คือใส่เกลือและนำไปโม่ก่อนนำลงแม่พิมพ์ ชาวอังกฤษนิยมกินเชดดาร์ชีสมาก โดยมียอดขายเป็นครึ่งหนึ่งของชีสที่จำหน่ายทั้งหมดในอังกฤษ และขายดีเป็นอันดับสองในสหรัฐอเมริกา (รองจาก Mozzarella)